11 พ.ย. 2023 เวลา 08:57 • สุขภาพ

สติปัฏฐาน 4 โดยท่านอาจารย์โกเอ็นก้า(เรื่องเล่าเล็กๆน้อยๆจากเรา)

ภาคนี้เป็นเรื่องเล่าของเราเอง แนวเก็บตก ปกติเราจะเน้นเรื่องทั่วไป กับเรื่องการปฏิบัติ สำหรับทุกครั้งที่ผ่านมา ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่เรารู้สึกว่าสุขภาพเราไม่ค่อยพร้อมเท่าไหร่ ตอนแรกคิดว่าไหว แต่พอถึงแล้วรู้สึกว่าไม่ไหวทั้งใจ และกาย
ขออธิบายก่อนว่ามันแบบพังแบบไม่รู้ตัว ปีนี้เราเข้าคอร์ส 10 วัน 3 ครั้ง และสติปัฏฐาน 4 จำนวน 1 ครั้ง คือใจเนียะ มันเหมือนมีเรื่องปวดหัวก่อนไปซัก 2 เรื่อง ก่อนไปแค่ 1 วัน แล้วตรงนี้เราว่าเราคิดว่าวางได้บางเรื่อง เรื่องแรกวางได้น่ะ เพราะไม่ให้ค่า ส่วนเรื่องที่ 2 เราเนียะแค่คิดว่าวางได้ คิดเอาเอง แต่สุดท้ายวางไม่ได้
พอเมื่อไปถึงแล้ว อยากกลับบ้านขึ้นมาทันที เวียนหัวมากตอนทางขึ้นเขา ตอนกลับก็เป็นอีก แต่ไม่มากเท่าขาไป ลืมไปวันไปเรานอนไม่ค่อยหลับด้วย เครียดมั่ง เริ่มทานข้าวไม่ได้ตั้งแต่วันแรก ไม่อยากทานอาหาร ตั้งแต่ 1-4 และ 7-9 มีทานได้แค่ 5-6 แค่นั้น
1
มีอาการเหมือนความดันต่ำด้วย สังเกตจากการขึ้นดอย ลงดอย สำหรับออกกำลังกายในแต่ล่ะวัน เพื่อยืดกล้ามเนื้อ เตรียมพร้อมสำหรับการปฏิบัติธรรมในแต่ล่ะวัน รู้สึกเวียนหัว เหมือนไม่มีแรง อาการพร้อมร่วง เวลาเดินขึ้น เดินลง พกยาดมตลอดช่วงนั้น เราเป็นจำพวกไม่ชอบเป็นภาระใคร ประคับประคองตัวเองให้ได้ อาจเป็นเพราะเราสังเกตตัวและใจตลอด
ช่วงนั้นนมกล่องช่วยชีวิตมากเลยช่วงนั้น เพราะทานข้าวไม่ค่อยได้ แต่อย่างดีของหวานยังทานได้ แต่เมื่อกลับมาปรึกษาหมอ ก็ไม่ค่อยควรเท่าไหร่ ดื่มน้ำได้แค่ 2 ลิตรต่อวัน หมอแนะนำให้ดื่ม 3 ลิตรต่อวัน เพื่อทำให้เลือดมัน Flow ได้ดีขึ้น เป็นเรื่องที่ควรพิจารณาในครั้งต่อไป ส่วนอีกเรื่องหนึ่งทีหมอแนะนำเพราะเราไปบริจาคเลือดกลับมาไม่นานก่อนไป แล้วดันมาทานมังฯต่อ ประมาณ 2 อาทิตย์ มันอาจเป็นสาเหตุหนึ่งให้ร่างกายเสียสมดุล
โชคดี นอนหลับได้ ไม่งั้นน่าจะพังขั้นสุด ส่วน 4 วันแรก อาณาฯ (กายานุปัสนา)เป็นช่วงที่ค่อนข้างฟุ้งมาก ไม่เกิน 5 นาที จิตวิ่งแล้ว วิ่งวนหาอดีต กับอนาคต พร้อมกับคำถามในหัวว่าทำไม มีอะไรผิดพลาดบ้างหรือเปล่า จนมีโอกาสสอบอารมณ์กับอาจารย์ เริ่มดีขึ้น ก็เข้าสู่วิปัสสนา(เวทนานุปัสนา)
แล้วช่วงเย็นเกือบทุกวัน เราจะเหมือนมีไข้ต่ำๆ ตลอด ค่อนข้างเตรียมตัวมาดีที่เตรียมทุกอย่างไปพร้อม ทั้งยาและเสื้อผ้า โดยเฉพาะเสื้อกันหนาว อากาศที่นั่นคนปกติ อาจจะแค่เย็นๆ ไม่ร้อน สำหรับเราเรียกว่าหนาวก็ได้เลย กลางคืนไม่ต้องเปิดพัดลม อากาศดี ฝุ่นไม่ค่อยมี
ช่วงวิปัสสนา เราได้ค้นพบข้อมผิดพลาดครั้งใหญ่ คือ ปวดหัวมาก โดยเฉพาะคาบบังคับช่วงเย็น หัวแทบระเบิด ตรงนี้มันเกิดจากใช้ตาในการดูเวทนา เป็นส่วนประกอบ ไม่ใช้จิตทั้งหมด ต้องเข้าไปถามอ.เพื่อเช็คเบสิคทั้งหมด เพื่อก้าวต่อ อย่างถูกต้อง และมั่นคง ตอนนี้ยังไม่มีสถานีต่อไปที่จะไปต่อ มีปีหน้าเลยที่จะเข้าซ่อมสติปัฏฐาน 4 สัก 2 ครั้ง ยังรู้สึกว่ายังทำได้ไม่ดีพอ ทั้งๆที่น่าจะดีกว่านี้ได้
แต่เป้าของเราในปีนี้ ที่เหลือแค่ 2 เดือน โดยประมาณ คือเราพยายามนั่งให้นานขึ้น ให้ได้ทั้งคุณภาพ และมีปริมาณ ไม่ประมาทในธรรม เพื่อที่เราอาจจะไปเป็นธรรมบริกรในปีหน้า ปลดล็อคตัวเองที่จะขึ้นไปในคอร์สพิเศษเป็นลำดับต่อไป และเรียนรู้การวางอัตตา อีกสิ่งหนึ่งที่ไม่ลืมจะเอาหนังสือพุทธธรรมมาลองปัดฝุ่นอ่านดูอีกครั้ง เพื่อจะทำให้เข้าใจอะไรมากขึ้น ประกอบการปฏิบัติ
และสุดท้ายก่อนกลับ 2 วัน เริ่มเจ็บคอจร้าาาา ไม่ค่อยใส่แมส วินัยหาย ปกติเราค่อนข้างระวังตัวเรื่องนี้มาก และเมื่อกลับนี่อยากบอกว่าร่วงหล่นมาก หมดพลัง เหนื่อย อาจเพราะใจและร่างกายไม่พร้อมด้วยมั่ง แค่ 9 วันเอง และเราเองก็ทุ่มเทมาก ฝึกหนักพอสมควร
แต่ก็คอยเตือนตัวเองตลอดเรื่องทางสายกลาง จิตค่อนข้างมุ่งมั่นมากแต่ก็ยังง่วงได้เรื่อยๆ ถึงกับมีพัฒนาการ 2 ระดับ ระดับแรก คือ ไม่มีสติเลย เหมือนโงกหลับ สะดุ้งมาก็งง ว่าถึงไหนแล้ว และระดับ 2 อยู่ในภวังค์ระหว่างหลับและตื่น ก็ยังดูเวทนาไปด้วย เหมือนรู้ตัว แต่เท่าที่ถามผู้รู้มันไร้ประโยชน์ไปเลยน่ะ เพราะเหมือนไม่มีสติจดจ่อ ตรงนี้จะมาเล่าให้ฟังในตอนหน้า ว่าเกิดอะไรขึ้น ?? สำหรับสุขภาพเรา ธรรระจัดสรรมากเลย 555555
พอจบคอร์ส สิ่งที่เราได้ คือ วิธีปฏิบัติที่ถูกต้อง การฮีลใจตัวเอง รู้ว่าเราควรทำไงกับตัวเอง โดยที่เมตตาตัวเองเป็นที่ตั้ง และมูฟออนต่อไป ใครที่เราควรให้ความสำคัญ ใครที่ควรทิ้งไว้ระหว่างทาง เพราะไม่มีค่ากับการที่ถือที่ยึดไว้ มันหนัก ไม่มีใครอยากแบกของหนักตลอดทางหรอก คนบางคนเข้ามาเพื่อทำให้เรารู้ว่าไม่ควรจะเสียเวลาซักขณะจิตเดียวเพื่อสิ่งนี้ มันคือ waste อย่างแท้จริง
และการเลือกคบคนการที่เรามีความเมตตา ความรักกับคนทั่วไป ย่อมไม่ได้หมายความเราจะไม่ถูกทำร้าย ความรักให้ไม่ถูกคน ก็เป็นดาบที่ทิ่มแทงเราได้ ไม่เพิ่มพูนความทุกข์ให้กับตัวเอง โดยเฝ้าดูมันไปสำหรับเรื่องที่ทำให้เราไม่สบายใจ จะพยายาม จะพยามยาม
และอันนี้ขอฝากไว้ให้เตรียมพร้อมร่างกาย และจิตให้ดีๆ สำหรับผู้ที่เข้าสติปัฏฐานครั้งแรก อย่าต้องมานั่งประคับประคองอย่างเรา เพราะถ้ามันพลาดขึ้นมากับไอ้คำที่ว่า
ไหวอ่าน่ะ เอาอยู่ บางที่เราอาจคิดเข้าข้างตัวเองมากเกินไป มันจะเป็นภารคนอื่นมากเลย ไม่ควรทำเลย และสุดท้ายมันจะพากันไปสร้างโลภะ โทสะ สังขารใหม่แบบไม่รู้ตัว อันนี้ไม่ควรที่สุด
สุดท้ายสติปัฏฐาน เป็นคอร์สที่เราคิดว่าเป็นการลงทุนที่คุ้มค่ามาก ถึงแม้จะบอกว่ามันอาจจะเข้าเนื้อในบางช่วง ขาดทุนเรื่องสุขภาพกาย กำไรนิดหน่อยในส่วนของจิต ขอคิดแบบการลงทุน
ขอให้ข้าพเจ้าจงปราศจากความโกรธ ความเกลียด ความไม่สบายใจ ความมุ่งร้ายใดๆ ขอให้ข้าพเจ้า จงมีแต่ความรัก ความปรารถนาดี ความสงบสุขและมิตรไมตรี ความรัก ความปรารถนาดี ความสงบสุข และมิตรไมตรี
ขอให้สรรพสัตว์ทั้งหลาย จงมีส่วนในสันติสุขของข้าพเจ้า มีส่วนในมิตรไมตรีของข้าพเจ้า มีส่วนใน บุญกุศลของข้าพเจ้า มีส่วนในธรรมะของข้าพเจ้า ธรรมะ ธรรมะของข้าพเจ้า ขอให้ข้าพเจ้าจงเป็นบ่อเกิด แห่งความรัก ความรักอันบริสุทธิ์ ความเมตตาปรานี
ขอให้สรรพสัตว์ทั้งหลายจงมีความสุข จงมีสันติ ได้พบกับความหลุดพ้น จงหลุดพ้นเถิด จงหลุดพ้น เถิด จงหลุดพ้นเถิด
ขอให้ทุกท่านจงได้พบกับความสุขอันแท้จริง
โฆษณา