19 พ.ย. 2023 เวลา 04:17 • ท่องเที่ยว
เขาช้างเผือก

เขาช้างเผือก | ไปเองไม่ง้อทัวร์ 2D1N

เขาช้างเผือก อุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ เมื่อได้ยินชื่อนี้สิ่งแรกที่วิ่งเข้ามาให้หัว ก็คือเป็นสถานที่ที่จองยากอันดับต้นๆของการท่องเที่ยวก็ว่าได้ การจากทำการบ้านดูแล้วพบว่าความต้องการในการท่องเที่ยวช่วงวันหยุดเสาร์ อาทิตย์ มีค่อนข้างมาก ผมเลยเลือกที่จะเดินทางวันในธรรมดาน่าจะเป็นตัวเลือกที่ดีกว่า
1
วิธีการที่เราจะได้ขึ้นเขาช้างเผือกเองนั้น เราจะต้องโทรไปจอง การขึ้นเขาที่อุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ ที่เบอร์ 034-510979 หรือ 098-2520359 เพื่อที่จะเช็คว่าวันที่เราอยากจะขึ้นนั้นเต็มหรือยัง แต่ถ้าขี้เกียจจะโทร ก็สามารถเลือกที่จะไปกับทัวร์ ที่เค้าจัดขึ้นเขาก็ได้เหมือนกัน ส่วนผมนั้นเลือกที่จะเดินทางไปเองดีกว่า
1
กรี๊งงงงง....เพียงแค่สายเดียวเท่านั้น ปลายสายอีกฝ่ายก็กดรับแล้ว ทำให้ผมเป็นงงเลยว่าอะไรมันจะง่ายขนาดนี้ ไม่เห็นจะยากตามที่ได้ยินมาเลย ผมถามถึงการขึ้นเขาวันที่ 9 พย. 2566 นี้ว่ายังว่างอยู่มั้ย ในใจตอนนั้นยังคิดเลย นี่ถ้าเต็มไปแล้วจะทำยังไงดีละไม่มีวันสำรองไว้ในใจด้วย ปรากฎว่ายังมีว่างอีกเยอะเลย
อ้าวววว งั้นก็ต้องขอจองไว้หน่อยสิครับ ทางเจ้าหน้าที่จะให้เราส่งเอกสาร บัตรปชช เข้าไปเพื่อเป็นการยืนยันแค่นั้น ไม่มีการต้องจ่ายเงินเป็นค่าจองล่วงหน้าด้วยซ้ำ
เมื่อถึงวันนัดหมายผมออกเดินทางจากกรุงเทพตอนตี 2 เพื่อให้ไปถึงอุทยานแห่งชาติทองผาภูมิที่เป็นจุดนัดหมายเบื้องต้นในตอนเช้ามืด (หลายคนนิยมไปค้างที่อุทยานกันก่อน) ผมกะว่าไปให้ถึงไม่ให้เกิน 7 โมงเช้าจะได้มีเวลาไปกินข้าว เตรียมตัวก่อนขึ้นเขาด้วย
หลังจากที่ทำการเช็คชื่อที่อุทยานแล้ว และทำการจ่ายเงินค่าบริการเป็นจำนวน 325 บาท เป็นค่าปีนเขา ค่าเจ้าหน้าที่ (ไม่รวมค่าเข้าอุทยาน) เจ้าหน้าที่จะบอกให้เราไปเจอกันที่หมู่บ้านอีต่อง ที่เป็นจุดเริ่มต้นในการเดินทางครั้งนี้
ที่ทำการอุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ
การเริ่มต้นเดินทางจริงๆจะเริ่มตอน 8 โมงเช้า หลายคนเมื่อมาถึงหมู่บ้านอีต่องแล้วก็จะหาข้าวเช้าทานกัน สะสมเสบียงต่างๆเพื่อเป็นอาหารระหว่างทางบ้าง อาหารกลางวันบ้าง บ้างก็ซื้อโค้กเอาไว้ดื่มดับกระหาย ผมก็เป็นคนหนึ่งในนั้นที่ตระเตรียมซื้อน้ำ ซื้ออาหารกลางวันเก็บไว้กินระหว่างทาง
จุดเริ่มต้นของการเดินทาง
การเดินทางจะเริ่มต้นเดินทางเป็นกลุ่มๆ กลุ่มละประมาณ 10 คน มีเจ้าหน้าที่ช่วยเดินปิดท้าย ผมออกเป็นกลุ่มที่ 2 เริ่มต้นเดินตอนประมาณ 9 โมงเช้า
จุดเริ่มต้นขึ้นเขา
ระยะทางทั้งหมดที่จะใช้เดินคือ 8 กิโลเมตรถึงยอดเขา แต่ว่าถึงถึงลานกางเต็นท์จะแค่ 7กิโลกับ 300 เมตรแค่นั้น
เส้นทาง 1 กิโลเมตรในช่วงแรกนั้นจะเป็นการเดินออกจากหมู่บ้านอีต่องไปขึ้นเขาที่อยู่หลังหมู่บ้านเพื่อเป็นยังจุด check point ที่ 2 ซึ่งช่วงแรกของเส้นทางนี้ก็แอบมีความชันรับน้องเบาๆกับเราเสียแล้ว ผมสังเกตบางคนเริ่มออกอาการเหนื่อยตั้งแต่ช่วงแรกนี้เลย
เขาช้างเผือกนอกจากจะขึ้นชื่อว่าสวยงามแล้ว ยังขึ้นชื่อว่าแดดแรง แถมยังร้อนมากอีกด้วย ซึ่งมันก็เป็นดั่งคำเล่าลืออันนั้น
จุด check point ที่ 2
หลังจากเดินผ่านจุด check point ที่ 2 ที่พวกเราจะต้องโดนตรวจเอกสาร และทั้งกลุ่มจะต้องรอถ่ายรูปร่วมกันอีกครั้ง ซึ่งเป็นครั้งสุดท้าย จริงๆการแบ่งเป็นกลุ่มอันนี้ก็ไม่จำเป็นจะต้องเดินรวมกันไปตลอด หลังจากผ่านจุด check point อันนี้ไปแล้ว ใครจะเดินเร็ว เดินช้า ก็แล้วแต่เราเลย แต่ยังไงจะมีเจ้าหน้าที่คอยปิดท้ายพวกเราอยู่แล้ว ไม่ต้องเป็นห่วงว่าจะหลง
ความยากของเส้นทางเดินป่าเขาช้างเผือกน้้นจะเริ่มต้นหลังจากจุด check point ที่ 2 เป็นต้นไป อันนี้ไม่ใช่เรื่องของความชันของเส้นทาง แต่เป็นความร้อนของอากาศ สภาพเส้นทางเริ่มขึ้นเขา ต้นไม้ใหญ่ที่จะให้ร่มเงาก็เริ่มน้อยลง ถูกทดแทนไปด้วยต้นหญ้าคาสูงเท่าหัว แสงแดดที่แผดเผาลงมาสร้างอุปสรรคให้กับนักเดินทางเป็นอย่างมาก
1
วิวระหว่างทาง
ด้วยข้อจำกัดเรื่องน้ำ ที่เราจะต้องแบกกันไปเองนั้น ทำให้แต่ละคนจะต้องประหยัดน้ำดื่มเอาไว้ ไม่สามารถที่ดื่มมากเท่าที่ต้องการได้
หุบกระเหรี่ยง
ผมเห็นนักเดินป่าหลายคนเลยที่เอาร่มกันแดดออกมากาง ซึ่งผมเห็นว่าเป็นความคิดที่ไม่เลวเลยทีเดียว น่าจะบรรเทาความร้อนไปได้ยิ่งนัก
ผมทนเดินฝ่าความร้อนมาได้พักใหญ่ๆ ก็ได้มาเจอภูเขาลูกสุดท้าย น่าจะชื่อว่า 'เขาช้างน้อย' เขาลูกนี้ค่อยข้างชันมีเชือกให้จับ เพื่อที่จะดึงตัวขึ้น หรือพยุงไม่ให้เราล้ม
ส่วนตัวแล้วคิดว่าตรงส่วนนี้ยากที่สุดละ ทั้งความชันและความร้อนประกอบกันเข้า ถ้าใครจะมาเป็นตะคริวตรงนี้ผมก็ไม่แปลกใจเลย
เมื่อผมเดินมาถึงปลายสุดของสันเขาก่อนที่จะลงไปถึงลานกลางเต็นท์ ก็ได้พบกับภาพความสวยที่ธรรมชาติสรรค์สร้างขึ้น
เมฆปะทะภูเขา
มวลเมฆถูกลมพัดไหลจากทางซ้ายไปขวา แต่ถูกส้นเขาขวางกั้นเอาไว้ ทำให้มวลเมฆเหล่านั้น ถูกพัดไหลขึ้นไปด้านบน ราวกับว่าภูเขาแห่งนี้เป็นฉากกั้นภูมิทัศน์ระหว่าง 2 โลกออกจากกัน
ณ จุดกางเต็นท์พวกลูกหาบที่มาถึงก่อนจะทราบกางเต็นท์ให้กับนักเดินทางที่จ้างเค้าแบกของขึ้นมา นี่ช่างเป็นการบริหารที่ดีมากๆเลย
จุดกางเต็นท์ที่เราอยู่นั้นไม่ใช่ยอดเขาช้างเผือก จากจุดนี้อีกประมาณ 700 เมตรถึงจะไปเจอยอดเขา และเส้นทางที่ไปนั้นจะต้องผ่านจุดที่เป็น highlight ก็คือ
'สันคมมีด'
เจ้าหน้าที่จะเรียกรวมพลประมาณ บ่าย 3 - บ่าย 3 โมงครึ่ง (ขึ้นอยู่กับจำนวนสมาชิกในขณะนั้น) เพื่อที่จะเดินทางพร้อมกันในการผ่านสันคมมีด และพิชิตยอดเขาช้างเผือก
สันคมมีด
สันคมมีด เมื่อผมมาเห็นด้วยตาแล้วนั้น จริงๆมันก็มีระยะทางประมาณ 2-3 เมตรเท่านั้นเอง แต่ที่ยากก็คือมันจะต้องปีนเชือกขึ้นไป นี่ถ้าไม่มีคนผูกเชือกเอาไว้ก่อน ก็เป็นทางที่เสี่ยงมากเส้นทางหนึ่งเลย ขนาดมีเชือกให้จับแล้วก็ยังจะต้องระวังทุกฝีก้าว จะได้ไม่พลาดตกลงไป
ยอดเขาช้างเผือกจริงๆแล้วจะต้องขึ้นภูเขาชันๆอีก 1 ลูก ผมหันไปถามเจ้าหน้าทีว่า ทำไมจะต้องตัดทางขึ้นเขาตรงๆแบบนี้ จริงๆเราก็สามารถที่จะตัดอ้อม หรือซิกแซกก็ได้ เจ้าหน้าที่ที่เดิมมากับผมนั้นก็ไม่ได้ตอบอะไร ให้เดาก็น่าจะเป็นการทำทางมาตั้งแต่นานแล้ว ตอนนั้นคงจะไม่ได้คิดอะไร
สันเขา
บนยอดเขาช้างเผือกนี้ วิวสวยมาก สามารถมองได้เห็นรอบ 360 องศากันเลยทีเดียว ข้อเสียอย่างเดียวคือ มันร้อนมาก พวกเราจะต้องหาที่นอนหลบร้อนกันแถวกองหญ้า คือแบบว่าไม่สามารถจะนั่งตากแดดดูวิวแบบชิวๆได้
ยอดเขาช้างเผือก
ประมาณ 5 โมงเย็นเจ้าหน้าที่ก็จะทยอยบอกให้พวกเราลงกลับไปที่เต็นท์กันได้แล้ว ส่วนขาลงนี่ก็เป็นความท้าทายอีกแบบหนึ่ง หลายคนนี่อาจจะมีปัญหากับขาลงเขามากกว่าขาขึ้นเสียมากกว่าด้วยซ้ำ เพราะขาลงมันจะดูเสียวไส้ แถมยังจะต้องใช้กำลังขาในการประคองตัวอีกเยอะ
วิวเขาช้างเผือก
มื้อเย็นของชาวแคมป์ส่วนใหญ่ที่มาเองไม่ได้มากับทัวร์นั้นจะเป็นการทำมาม่า หายากที่ใครจะมาหุงข้าว เพราะมันจะต้องใช้น้ำมาก เสียดายน้ำกัน ส่วนใหญ่จะทำมามาม่าใส่โปรตีนตามแต่ที่เราจะต้องการ
เมนูอาหารค่ำ
และแล้วครึ้น.....เสียงฟ้าร้อง ดังมาจากท้องฟ้าด้านทิศตะวันออก หลายคนอาจจะไม่คิดว่าจะได้เจอฝนคืนนี้ แต่เราคิดผิด อีกสักครู่นั้นสายฝนก็เทลงมา หลายเต็นท์ที่กางอยู่ด้านล่างหน่อยที่เป็นทางร่องน้ำ ก็ย้ายที่ขึ้นมาอยู่บนเนินเพื่ออย่างน้อยเต็นท์ก็มีความเสี่ยงที่น้ำจะไหลเข้าน้อยลง
เมฆมาแล้ว
โชคดีที่ชาวเต็นท์เราบริหารจัดการดี ส่วนใหญ่จะกินข้าวกันเสร็จแล้ว เลยทำได้แต่เข้าไปนอนรอให้ฝนหยุดกันในเต็นท์ใครเต็นท์มัน ผมนี่ก็สวดภาวนาไม่อยากจะให้ฝนตกหนักมากไปกว่านี้ มิเช่นนั้นแล้วคืนนี้อาจจะได้นอนแช่น้ำในเต็นท์ก็เป็นได้
และโชคก็เข้าข้างพวกเรา ฝนตกได้ประมาณชั่วโมงก็หยุดลง ไม่มีเต็นท์นักท่องเที่ยวคนไหนได้รับความเสียหายจากสายฝน ที่เหลือก็รอลุ้นว่าคืนนี้สายลมก็พัดพาเต็นท์ของเราให้เสียหายหรือไม่
พอได้สอบถามจากเจ้าหน้าที่ว่าแถวนี้ตอนกลางคืนลมแรงมั้ย เจ้าหน้าที่บอกชัดเลยว่า ที่นี่ขึ้นชื่อว่าลมแรงตอนกลางคืนมาก ที่ผ่านมาหลายเต็นท์ที่หักตอนกลางคืนก็มีไม่น้อย
สีสันเต็นท์
แต่ก็น่าจะจริง นักท่องเที่ยวหลายคนเริ่มนี่จะออกมาซ่อมแซมเต็นท์ ตอกสมอให้หนาแน่นขึ้น พร้อมรับลมให้คืนนี้กัน
คืนนั้นผมหลับเป็นตาย จำได้ว่าน่าจะเข้านอนตอนประมาณสองทุ่มกว่าๆเท่านั้นเอง
เช้าวันใหม่ ผมถูกปลุกด้วยเสียงนาฬิกาจากเต็นท์ข้างๆ ผมเอื้อมมือไปดูเวลาของตัวเองว่ากี่โมงแล้วเนี่ย ....เห้ยยังตี 5 อยู่เลย จะรีบตื่นไปไหนกัน
ผมจำได้ว่าตัวเองลุกออกมาจากเต็นท์ตอน 6 โมงเช้า เพราะนอนต่อไม่ไหวแล้ว เสียงสิ่งแวดล้อมเริ่มดังขึ้นเรื่อยๆ ลุกก็ได้
แสงช่วงเช้า
เช้าวันใหม่บนเขาช้างเผือกมันช่องสวยงามนัก แสงอาทิตย์ที่เริ่มพ้นขอบฟ้า สะท้อนกับเมฆนั้น มันช่างงดงามเสียจริง ทิวเขาในช่วงเช้า ผสมกับหมอกที่แผ่เข้ามาปกคลุมภูเขา เป็นช่วงเวลาที่ตราตรึงจริงๆ คุ้มค่าละที่มาเขาช้างเผือกในครั้งนี้
1
END
9-10/11/2566
โฆษณา