12 พ.ย. 2023 เวลา 16:19 • กีฬา

*ประเด็นในเกมเปิดแอนฟิลด์ชนะเบรนท์ฟอร์ด 3-0*

- 11 ตัวจริงน่าสนใจ เพราะเป็นแผนที่คล็อปป์ใช้ในช่วงนัดแรกๆ ที่เอากัคโปมายืนกลาง แถมเอ็นโดะเหมือนจะลงตัวจริงนัดแรกในพรีเมียร์ลีกด้วย ส่วนนัดที่แล้วพักซาลาห์ เทรนด์ โซโบแล้วเอามาลงครึ่งหลัง ทำให้อาจไม่ล้ามาก แต่ดิอาซเกือบเต็มเกมเลยต้องให้โจต้าลง ส่วนฟานไดจ์หายป่วยกลับมา
- ส่วนทีมเยือน แท็คติกเบรนท์ฟอร์ด ผมเชื่อว่าจะใช้แบบเดียวกับที่ชนะเชลชี แน่นอน ซึ่งเป็นสิ่งที่ลิเวอร์พูลแก้ไขปัญหาไม่ได้สักทีกับการโดนรถบัสใส่ โดยเฉพาะเกมลูตัน ทาวน์เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
- แต่พอได้เริ่มเกมไป กลับไม่ได้ตั้งรับเต็มตัว แต่อาศัยความเร็วของเอ็มโบโม่และวิสซ่า ทำให้ลิเวอร์พูลเล่นเกมรุกได้ดี ครองเกมได้ตลอด แต่ต้นเกมเหมือนเครื่องยังไม่ร้อนเท่าไหร่ หลังจากนั้นก็เข้าทำได้ดีมากๆ
- แม้จะขึ้นนำก่อนแต่ผมเห็นการเล่นของทีมว่ายังจ่ายบอลขาดๆเกินๆไปหน่อย มันก็เข้าใจได้เพราะแม็คก้าโดนแบน และเป็นเอ็นโดะ แถมกัคโปลงมาเล่นกลางอีก เพราะหลังๆจะเป็นแม็คก้า-โซโบ-กราเวนเบิร์ก หรือเอลเลียตและโจนส์ การที่แดนกลางโดนขาดๆเกินๆไป ก้ไม่แปลก บวกกับแบ็คซ้ายเป็นซิมิกาสก็ไม่ได้เหมือนร็อบโบ้ที่ความแน่นอนในการเล่นต่างกันมาก
- แต่อีกประเด็นมันทำให้ผมคิดว่าถึงแม้จะเล่นด้วยกันหลายนัด แต่ลิเวอร์พูลชุดนี้ คล็อปป์พึ่งเสริมเติมแต่งมาแค่ไม่ถึง 3-4 ปี และไม่ได้เสริมทีเดียวหมด กว่าจะสะสมทีมได้ก็นานอยู่
ปี 19-20 เสริมเอเลียต ซึ่งยังเด็กอยู่ตอนนั้น
ปี 20-21 เสริมโจต้า ,ติอาโก้และซิมิกาส
ปี 21-22 เสริมโคนาเต้และดิอาซ
ปี 22-23 นูนเญซและกัคโป(เสริมตอนปีใหม่)
ปีที่แล้ว ถ้าแดนกลางไม่หายไป 5 คนแบบนั้น ก็คงไม่ได้เห็นแดนกลางตัวใหม่ 4 คน
- ยิ่งถ้าไม่นับพวกมาติป ซาลาห์ ฟานไดจ์ เทรนด์ อลิสสัน ก็มีหลายคนที่ต้องเล่นด้วยกันให้มากกว่านี้ เพราะระบบคล็อปป์ไม่ได้ฝึกแล้วเล่นได้เลย ผมว่าปีนี้เป็นปีแห่งการพัฒนา แต่ปีหน้าผมเชื่อว่าลุ้นสนุกกว่าเดิมแน่ๆ ยิ่งถ้าได้เสริมแนวรับหน่อยอ่านะ ยิ่งดีเลย
- พอลองวิเคราะห์ทีมเยือน เบรนท์ฟอร์ดก็ไม่ได้ปะติดปะต่อเกมเหมือนกัน อาจเพราะทีมเยือนก็ไม่ได้มีเกมที่ไหลลื่น ทำให้จังหวะในเกมมันเลยไม่แม่นยำในการเล่นเท่าไหร่
- เริ่มครึ่งหลัง เบรนท์ฟอร์ดเริ่มใช้สูตรเดิม ตอนขึ้นชั้นมาเล่นพรีเมียร์ลีกใหม่ๆขึ้นการเล่นบอลโยนยาว ซึ่งผมจำได้ว่านัดแรกที่ลิเวอร์พูลเจอเบรนท์ฟอร์ด เราโดนหนักอยู่เหมือนกัน โดนเฉพาะพื้นที่หลังแบ็คขวาที่เน้นเจาะแต่ฝั่งเทรนด์มาก ซึ่งนัดนี้ลิเวอร์พูลยังรับมือได้อยู่พอสมควร แต่ก็มีจังหวะที่เบรนท์ฟอร์ดบดลิเวอร์พูลอยู่นานเหมือนกันแต่เรามาได้ประตูที่ 2-0 ก่อน
- จังหวะที่เราได้ประตู 2-0 ช็อตที่ซิมิกาสสุดเหยียดไปเปิดบอลให้ซาลาห์ยืนโหม่งง่ายๆ ผมขอบ่นพรีเมียร์ลีกนะ เพราะลีกที่ดีที่สุดในโลก ดันไม่มีวิดิโอตรงมุมนั้นให้ดู หรือVAR สามมิติที่บอลโลกครั้งที่ผ่านใช้ แต่ดูจากมุมกล้องที่กรรมการให้ดู ก็เหมือนจะไม่ออกเต็มใบ
- ก่อนได้ประตู 3-0 เบรนท์ฟอร์ดก็ยังสู้นะ แต่โจต้ายิงคมเหลือเกินแถมเท้าขวาด้วย เกมนี้เบรนท์ฟอร์ดปล่อยพื้นที่แถวสองมากไป ทำให้ลิเวอร์พูลแก้เกมโดย ยิงไกล จะเห็นได้ว่า ปกติเราไม่ใช่ทีมยิงไกลบ่อยนัก แต่มีช็อตให้กัคโป ซิมิกาส นูนเญซได้ลองส่อง
- มีจังหวะที่น่าสนใจคือจังหวะเบรนท์ฟอร์ดได้เตะมุมอยู่อย่างนั้นหลายครั้ง แต่เกมรับลิเวอร์พูลยังต้านไว้ได้ แม้เกือบจะเสียประตูไป 2-3 ครั้ง แต่มีฟานไดจ์เคลียจากประตูได้(ขายาวจัด) อลิสสันเซฟ และเมาเปย์ ยิงแป๊กไปเอง
- ลิเวอร์พูลเปลี่ยนตัวบ้างเอากัคโป-โจต้าออก เอลเลียตและดิอาซลงซึ่งทั้งสองคนนี้เล่นเต็มเกมและเกือบเต็มเกมเมื่อนัดกลางสัปดาห์ที่แพ้ตูลูส ไม่แปลกที่โดนเปลี่ยนตัวลงมาช่วง 10 นาทีสุดท้าย ส่วนช่วงทดเวลาคล็อปป์ลองเอาควอนซาส์ไปยืนแบ็คขวาแทนเทรนด์ และแม็คคอนเนลลงมาแทนโซโบ เพื่อลองให้ดาวรุ่งสัมผัสบรรยากาศในแอนฟิลด์ ซึ่งคล็อปป์ก็ปิดเกมได้ตามคาด 3-0
- ซิมิกาสเห็นเล่นไม่ค่อยดีมากแต่ก็แอสซิสต์ไป 2 ครั้ง ซึ่งต้องให้เจ้าตัวลงเล่นไปเรื่อยๆ จะได้เรียกฟอร์มตัวเองกลับมา ซึ่งจะทำให้การแข่งขันเดือดขึ้นถ้าร็อบโบ้กลับมา แต่ก็ยังอีกหลายเดือน
ปล. แอสซิสต์ในพรีเมียร์ลีกทั้ง 7 ของ Darwin Núñez เป็น Mo Salah ยิงทั้งหมด มีเพียง 3 จาก 7 อันดับแรกของผู้เล่นที่แอสซิสต์ทั้งหมดให้เพื่อนร่วมทีมคนเดียวกัน ต่อจากKevin Campbell ให้ Ian Wright และ Troy Deeney ให้ Odion Ighalo
โฆษณา