Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
TODAY Bizview
•
ติดตาม
13 พ.ย. 2023 เวลา 06:37 • ธุรกิจ
‘กอบศักดิ์ ภูตระกูล’ วิเคราะห์ ‘ดิจิทัลวอลเล็ต’ ต้องทำอย่างตรงไปตรงมา คนจับตาเยอะ
‘ดร.กอบศักดิ์ ภูตระกูล‘ กรรมการผู้จัดการใหญ่และเลขานุการ ธนาคารกรุงเทพ และประธานกรรมการ สภาธุรกิจตลาดทุนไทย (FETCO) วิเคราะห์นโยบายดิจิทัลวอลเล็ตว่า
ในฐานะที่เคยทำงานในรัฐบาล มองว่า หนึ่ง นโยบายนี้ต้องทำให้ง่ายที่สุด เพราะหากทำให้ลึกลับซับซ้อน ก็อาจมีปัญหาได้
สอง ต้องทำอย่างตรงไปตรงมา เช่น การออกพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) เพราะเม็ดเงินที่ใช้สูงถีง 5-6 แสนล้านบาท ซึ่งที่นายกตัดสินใจ ถือว่าดีและเป็นทางที่ใช่
ขณะที่การกู้เงินจากธนาคารตามที่เป็นกระแสข่าวก่อนหน้านี้นั้น มองว่า เป็นวิธีที่น่ากังวลใจ เพราะมีผู้จับตาโครงการนี้อย่างใกล้ชิด จึงไม่ควรลัดขั้นตอน
อย่างไรก็ตาม จากวันนี้ถึงวันที่ออก พ.ร.บ.ยังคงต้องใช้ระยะเวลาประมาณหนึ่ง คาดว่าเงื่อนไขของดิจิทัลวอลเล็ตอาจปรับเปลี่ยนได้อีกจากปัจจุบัน
สำหรับผลกระทบต่อประเทศ คาดว่าหนี้สาธารณะจะเพิ่มขึ้นราว 2-3% มาอยู่ที่ 62-63% จากเดิมที่ 61% แต่จะยังไม่กระทบอันดับเครดิต (Credit Rating)
แต่แม้จะมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ดร.กอบศักดิ์กลับมองว่า จีดีพีไทยปีหน้า (2567) จะเติบโตราว 3-4% เท่านั้น เพราะถูกกดดันจากเศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะยุโรปและจีน รวมถึงภาวะดอกเบี้ยสูงและปัญหาสงคราม
แม้ว่ารัฐบาลจะคาดหวังให้เศรษฐกิจไทยเติบโต 5% แต่มองว่า การเติบโตได้ในระดับ 3-4% ในภาวะเช่นนี้ ถือว่าเป็นระดับที่ดีแล้ว
อย่างไรก็ตาม หวังว่าในช่วงหลังของปี 2567 บรรยากาศเศรษฐกิจจะเริ่มกลับมาดีขึ้น จากการทยอยลดดอกเบี้ยของธนาคารกลางทั่วโลก และคาดว่าไทยจะสามารถเหยียบคันเร่งได้เต็มที่ในปี 2568
เมื่อถามว่า รัฐบาลควรทำอะไรเพิ่ม ดร.กอบศักดิ์แนะนำว่า ควรทำมาตรการฟรีวีซ่าเพิ่ม โดยเฉพาะกับนักท่องเที่ยวอินเดีย ซึ่งอยู่ระหว่างตัดสินใจเลือกเข้ามาท่องเที่ยวไทยกับเวียดนาม หากทำฟรีวีซ่า น่าจะเห็นเทรนด์นักท่องเที่ยวอินเดียเข้ามา
สำหรับมุมมองการลงทุน ดร.กอบศักดิ์มองว่า เม็ดเงินลงทุน (Fund Flow) จะยังไม่ไหลกลับเข้ามาในตลาดหุ้นไทยเร็วๆ นี้ หลังสหรัฐออกพันธบัตรดูดสภาพคล่องกลับกว่า 1 ล้านล้านเหรียญ (ราว 36 ล้านล้านบาท) ดึงเม็ดเงินจากทั่วโลก
แต่คาดว่าช่วงกลางปีหน้า หลังสถานการณ์ต่างๆ ฟื้นตัว เศรษฐกิจไทยและอาเซียนจะปรับตัวดีขึ้นเรื่อยๆ ดึงดูดให้เม็ดเงินไหลกลับเข้ามา
ขณะที่ภาวะตลาด แม้ดัชนี SET (SET Index) จะปรับตัวลงแรงจาก 1,800 จุด มาอยู่ที่ระดับ 1,300 จุด แต่มองว่าปีที่หุ้นตก หรือที่ๆ ตลาดแดง เป็นที่ๆ มีโอกาสลงทุน
โดยกลุ่มหุ้นแนะนำ คือ กลุ่มธนาคาร โดยเฉพาะตัวที่มีนโยบายปันผลดี ถัดมาคือกลุ่มท่องเที่ยว มองว่า ราคาหุ้นควรปรับตัวขึ้นมากกว่านี้ หลังราคาตกลงมากพอสมควรในช่วงโควิด-19
ทั้งนี้ ในฐานะ FETCO มีแผนจะเข้าพบปลัดกระทรวงการคลังในวันพรุ่งนี้ (14 พ.ย. 2566) เพื่อปรับเงื่อนไบกองทุนออมลดหย่อนภาษี (SSF) ให้ดีขึ้น โดยนำเงื่อนไขกองทุนลดหย่อนภาษีเดิม (LTF) มาใช้ หลังเงื่อนไข 10 ปีไม่จูงใจการลงทุน ซึ่งคาดว่าจะช่วยให้มีเงินไหลเข้าตลาดหุ้นไทยมากขึ้น
เมื่อสอบถามถึงดอกเบี้ยนโยบายของไทย ดร.กอบศักดิ์ บอกว่า ขอให้ทำใจไว้ว่า ดอกเบี้ยไทยคงไม่ปรับลดลง แม้ดอกเบี้ยโลกจะเป็นขาลงในปีหน้า
ทั้งนี้ เพราะธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ไม่ได้ขึ้นดอกเบี้ยสู้เงินเฟ้อ แต่เป็นการขึ้นดอกเบี้ยเพื่อให้เศรษฐกิจกลับเข้าสู่โหมดปกติ นอกจากนี้ คาดว่านโยบายดิจิทับวอลเล็ตจะมาในช่วงกลางปีหน้า เป็นตัวกระตุ้นเศรษฐกิจอีกแรง
ในส่วนของค่าเงิน แม้ค่าเงินบาทในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมาจะเคลื่อนไหวสวิง แต่ยังเชื่อว่า หากการท่องเที่ยวกลับมาดีขึ้น เงินบาทจะกลับมามีเสถียรภาพอีกครั้ง
#TODAYBizview
#MakeTomorrowTODAY
ธุรกิจ
การเมือง
เศรษฐกิจ
1 บันทึก
3
1
1
3
1
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2024 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย