14 พ.ย. 2023 เวลา 13:03 • กีฬา

โคล พาล์มเมอร์ เด็กอัจฉริยะที่เป๊ปรั้งใจไว้ไม่อยู่

นักเตะแต่ละคนย่อมมีเป้าหมายในชีวิตที่ต่างกัน บางคนอาจต้องการลงเล่นกับทีมใหญ่ระดับโลก บางคนอาจต้องการได้ข้อเสนอแพงที่สุด แต่กับโคล พาล์มเมอร์ แพสชั่นในเรื่องฟุตบอลของเขามีแค่อย่างเดียวคือ "การได้ลงเล่นทุกนัด"
พาล์มเมอร์ เกิดที่เมืองแมนเชสเตอร์ และถูกจับตามองในฐานะเด็กอังกฤษที่มีแวว ตั้งแต่ตอนอายุ 8 ขวบ
2
สิ่งที่โดดเด่นออกมาของเด็กคนนี้ คือการเลี้ยงบอลที่เก่งมาก แถมยังถนัดเท้าซ้ายอีกต่างหาก นั่นทำให้มีอะคาเดมี่ของหลายสโมสรติดต่อเข้ามา แสดงออกชัดเจนว่าสนใจ
4 สโมสรที่อยากได้ตัว พาล์มเมอร์ ประกอบด้วย แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด, ลิเวอร์พูล, โบลตัน วันเดอเรอร์ส และแมนเชสเตอร์ ซิตี้
ในปี 2010 ตอนพาล์มเมอร์อายุ 8 ขวบ ณ ขณะนั้น อะคาเดมี่ของแมนฯ ซิตี้ ยังไม่ได้อัพเกรดใหม่ เครื่องอำนวยความสะดวกอะไรก็ไม่พร้อม ยังไม่มีเอติฮัด แคมปัสเหมือนทุกวันนี้ แรงค์กิ้งของอะคาเดมี่อยู่ราวๆ อันดับ 20 ของประเทศอังกฤษ
1
แน่นอนว่า คุณภาพสู้ทีมเยาวชนของแมนฯ ยูไนเต็ด และ ลิเวอร์พูล ที่ติดท็อปไฟว์ของประเทศไม่ได้อยู่แล้ว
แต่สิ่งที่ทำให้พาล์มเมอร์ตัดสินใจเลือกแมนฯ ซิตี้ คือ "โอกาสลงสนาม"
ฝั่งแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แจ้งว่าจะให้พาล์มเมอร์มาร่วมซ้อมกับทีมได้ ขณะที่ลิเวอร์พูลจะให้พาล์มเมอร์อยู่ใน "Shadow Group" หรือตัวสำรองของอะคาเดมี่อีกที
1
ตรงข้ามกับแมนฯ ซิตี้ ที่สัญญาว่า พาล์มเมอร์จะไม่ได้แค่ซ้อมกับอะคาเดมี่เท่านั้น แต่จะได้ลงเล่นเป็นประจำทุกเย็นวันศุกร์ มีแมตช์เดย์รองรับ ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจว่า งั้นไปแมนฯ ซิตี้ละกัน
ความต้องการของพาล์มเมอร์ คืออยากเล่นฟุตบอลตลอดเวลา ไม่จำเป็นต้องอยู่ทีมใหญ่ที่สุดก็ได้ ขอแค่ได้ลงสนามต่อเนื่อง ได้พัฒนาตัวเองในเกมแข่งจริง แค่นั้นเขาพอใจแล้ว
พาล์มเมอร์ เติบโตขึ้นมาเรื่อยๆ กับอะคาเดมี่ของแมนฯ ซิตี้ เล่นดีบ้าง แย่บ้าง จนมาถึงอายุ 16 ปี เป็นช่วงเวลาที่สโมสรต้องยื่นสัญญาอาชีพให้ ปรากฏว่า ผู้บริหารของทีมตัดสินใจว่าจะปล่อยทิ้ง
อย่างไรก็ตาม เจสัน วิลค็อกซ์ ผู้อำนวยการอะคาเดมี่ ไปไฟต์สุดใจ ยืนยันว่าเด็กคนนี้เก่งจริง ทีมควรจะเก็บไว้ นั่นทำให้ผู้บริหารแมนฯ ซิตี้ เปลี่ยนใจให้สัญญาอาชีพกับพาล์มเมอร์ในที่สุด
1
วันที่คนทั่วไป เริ่มรู้จักพาล์มเมอร์ เกิดขึ้นในเดือนพฤษภาคมปี 2020 พาล์มเมอร์วัย 18 ปี พาแมนเชสเตอร์ ซิตี้ คว้าแชมป์เอฟเอ ยูธ คัพได้สำเร็จ โดยนัดชิงแมนฯ ซิตี้ เอาชนะเชลซีไป 3-2 และเขาเป็นคนยิงประตูชัยให้ทีมอีกด้วย
2
เมื่อเริ่มโด่งดังขึ้น ทำให้เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ดันเขาขึ้นมาซ้อมกับทีมชุดใหญ่ โดยใช้งานสลับๆ กันไป ระหว่างทีมชุดใหญ่ กับทีมชุด u-23
ฤดูกาลแรกของพาล์มเมอร์ กับทีมชุดใหญ่แมนฯ ซิตี้ (2020-21) พาล์มเมอร์อายุ 18 ปี ได้เล่นกับทีมชุดใหญ่ 2 นัด คือ คาราบาวคัพ เจอเบิร์นลีย์ และ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก เจอมาร์กเซย
1
ฤดูกาลที่สอง (2021-22) พาล์มเมอร์เติบโตขึ้น เขามีอายุ 19 ปีแล้ว ร่างกายแกร่งขึ้นกว่าเดิม และมีโอกาสลงเล่นกับทีมชุดใหญ่บ่อยขึ้นกว่าเดิม คือได้ลงเล่น 9 นัด (ตัวจริง 3 สำรอง 6)
เหตุการณ์ที่แสดงตัวตนของโคล พาล์มเมอร์ มากที่สุด เกิดขึ้นในวันเสาร์ที่ 16 ตุลาคม 2021 โดยแมนเชสเตอร์ ซิตี้ มีโปรแกรมพรีเมียร์ลีก เจอกับเบิร์นลีย์ เวลา 15.00 น. ที่เอติฮัด สเตเดี้ยม จากนั้นในวันเดียวกัน เวลา 19.30 ทีมแมนฯ ซิตี้ u-23 จะมีโปรแกรมเจอทีมเลสเตอร์ u-21 ที่สนามอะคาเดมี่
ตอนแรก พาล์มเมอร์จะได้ลงตัวจริงให้ทีม u-23 แต่ทีมชุดใหญ่ มีตัวสำรองไม่พอ เพราะเฟร์รัน ตอร์เรส กระดูกร้าวกะทันหัน รวมถึงเลียม ดีแลป กองหน้าดาวรุ่งอีกคน ก็มาเจ็บพอดี เป๊ปเลยต้องการใส่พาล์มเมอร์ ซึ่งเล่นตัวรุกเป็นหนึ่งในรายชื่อตัวสำรองด้วย
3
ประเด็นคือ ถ้าคุณอยู่ใน Squad ของทีมชุดใหญ่แล้ว คุณก็คงไม่ได้ลงเล่นให้กับทีมชุด u-23 เพราะมันแข่งวันเดียวกันพอดี
1
แต่ปรากฏว่าสิ่งที่โคล พาล์มเมอร์ทำ คือขอเล่นมันทั้ง 2 เกมเลย
ในเกมพรีเมียร์ลีกกับทีมชุดใหญ่ (15.00 น.) นัดเจอเบิร์นลีย์ พาล์มเมอร์ ลงเล่นเป็นตัวสำรองในนาที 90+1 จากนั้นพอจบเกมปั๊บ ประมาณ 17.00 เขารีบเก็บของแล้วตรงดิ่งไปที่สนามของทีมสำรองทันที เพื่อไปเล่นให้ทีมชุด u-23 ต่อ
3
ผลลัพธ์คือ เกม u-23 วันนั้น แมนฯ ซิตี้ชนะเลสเตอร์ 5-0 โดยโคล พาล์มเมอร์ยิงแฮตทริกได้ด้วย
1
นั่นแปลว่า ในวันที่ 16 ตุลาคม 2021 พาล์มเมอร์จึงเล่นฟุตบอลพร้อมกัน 2 นัด ในวันเดียว เป็นปรากฏการณ์ที่แปลกดี แต่นี่ล่ะ คือสิ่งที่สะท้อนให้เห็นถึงคาแรคเตอร์ของเขาว่า เขาต้องการได้เล่น ต้องการลงสนาม ทุกนัด ทุกเกม ตัวตนของเขาเป็นแบบนี้ตั้งแต่เด็ก และยังเป็นอยู่เสมอ
ถามว่าพาล์มเมอร์ เก่งอย่างไร คำตอบคือเขามีจุดเด่นหลายอย่างในตัว
อย่างแรก เป็นนักเตะที่เลี้ยงบอลได้คล่องแคล่วเหลือเชื่อ สถิติบอกว่า ในทีมแมนฯ ซิตี้พาล์มเมอร์ มีสถิติการเลี้ยงหลบคู่ต่อสู้มากที่สุดเป็นอันดับหนึ่งของทีม เหนือกว่าแจ๊ค กรีลิช และ ฟิล โฟเด้นด้วยซ้ำ
1
อย่างที่สองคือ มีรูปร่างสูงโปร่งมาก คือ 189 ซม. เวลากระชากบอลดูคุกคามน่ากลัว ก้าวทีนึงกินระยะไปไกลมาก แถมเล่นลูกกลางอากาศได้ด้วย เพราะสูงซะขนาดนั้น
อย่างที่สามคือ มีเท้าซ้ายที่มีประสิทธิภาพมาก เขาปั่นโค้งนอกเขตโทษ เป็นประตูได้สบายๆ อาวุธเด็ดของพาล์มเมอร์คล้ายๆ กับ โม ซาลาห์ คืออยู่ปีกขวา แต่งเข้าซ้ายแล้วปั่นเสียบเสาสอง
และอย่างที่สี่ คือเล่นได้ทุกตำแหน่ง ตั้งแต่กองกลางไปจนถึงกองหน้า ตำแหน่งที่ถูกจับยืนบ่อยที่สุดอันดับ 1 คือปีกซ้าย (25%), มิดฟิลด์ตัวกลาง (22%) และ ปีกขวา (21%) ยืดหยุ่นได้ดี เล่นสไตล์ไหนก็ได้ ตัดเข้าใน ,กระชากสุดเส้น หรือเป็นเพลย์เมกเกอร์ตรงกลาง พาล์มเมอร์ทำได้หมด
เข้าสู่ฤดูกาลที่ 3 ของพาล์มเมอร์ (2022-23) เขาอายุ 20 ปี ตอนนี้ทักษะต่างๆ ของเขาเริ่มผลิบาน จากเด็กน้อย กลายมาเป็นดาวรุ่งที่สร้างความแตกต่างในสนามได้
ในฤดูกาลนี้ แมนฯ ซิตี้ ได้ 3 แชมป์ พาล์มเมอร์ได้ลงตัวจริง 8 นัด สำรอง 17 นัด (รวมเป็น 25 นัด) ซึ่งก็ถือว่าเยอะแล้ว การได้ 3 แชมป์ใหญ่ ตั้งแต่อายุแค่ 20 ปี ถือเป็นความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่มาก
พูดจริงๆ ถ้าเขาอยู่แมนฯ ซิตี้ ต่อไปเรื่อยๆ ชีวิตก็คงง่ายมาก สัญญาของพาล์มเมอร์จะหมดในปี 2026 มีเวลาฝึกวิชากับรุ่นพี่ ทั้งฟิล โฟเด้น, แจ๊ค กรีลิช, แบร์นาโด้ ซิลวา รวมถึง เควิน เดอ บรอยน์
ช่วง 1-2 ปีนี้ ก็เป็นสำรองไปก่อน เก็บเลเวลไปเรื่อยๆ ก็ไม่มีอะไรเสียหาย
อย่าลืมว่า พาล์มเมอร์คือ "คนอังกฤษ" และเป็น "เด็กปั้นจากอะคาเดมี่" ยังไงสโมสรก็ต้องการเก็บนักเตะแบบนี้ไว้อยู่แล้ว เพื่อจะได้เป็นสัญลักษณ์ของทีมในเจเนเรชั่นต่อไป
1
แต่ปัญหาคือ พาล์มเมอร์กลับไม่คิดแบบนั้น เขามองว่าตัวเองไม่อยากต้องมานั่งสำรองต่ออีก 1-2 ปี ณ เวลานี้ เขามีอายุ 21 ปี เป็นวัยที่จะพัฒนาฝีเท้าได้จนสูงสุด มันจำเป็นต้องลงเล่นอย่างสม่ำเสมอ คนอื่นอาจจะแฮปปี้ที่เป็นสำรองกับทีมระดับแมนฯ ซิตี้ แต่เขาไม่ใช่แบบนั้น
ในยูโร u-21 เดือนกรกฎาคม 2023 ที่ผ่านมา พาล์มเมอร์ ช่วยทีมชาติอังกฤษคว้าแชมป์ยุโรป แถมเล่นได้ดีมาก จนสื่อมวลชนบอกว่า ยูโร 2024 ปีหน้า พาล์มเมอร์มีโอกาสติดทีมชาติชุดใหญ่ได้เลย เพียงแต่ต้องได้ลงเล่นอย่างสม่ำเสมอกว่านี้
พาล์มเมอร์อยากเล่นเป็นตัวจริง แต่สายตาของกวาร์ดิโอล่า ดูเหมือนจะไม่คิดแบบนั้น
ฤดูกาล 2023-24 เริ่มต้นขึ้น วันที่ 6 สิงหาคม ในศึกคอมมิวนิตี้ ชิลด์ กับอาร์เซน่อล พาล์มเมอร์ได้ลงเล่นเป็นตัวสำรอง และมีผลงานยิงได้ 1 ประตู
11 สิงหาคม พรีเมียร์ลีกนัดแรกกับเบิร์นลีย์ พาล์มเมอร์ลงสำรองได้เล่น 10 นาที
16 สิงหาคม ยูฟ่า ซูเปอร์คัพ พาล์มเมอร์ได้ลงเป็นตัวจริง และช่วยทีมชนะเซบีญ่าคว้าแชมป์ได้สำเร็จด้วย
19 สิงหาคม พรีเมียร์ลีกนัดที่ 2 กับนิวคาสเซิล พาล์มเมอร์กลับมาเป็นสำรองอีก และไม่ได้ลงสนามแม้แต่นาทีเดียว
2
27 สิงหาคม พรีเมียร์ลีกนัดที่ 3 กับเชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด พาล์มเมอร์เป็นสำรอง ไม่ได้ลงสนามแม้แต่นาทีเดียว
1
5 เกมแรกของฤดูกาล เขาได้ลงตัวจริงแค่ 1 เกม สำรอง 2 เกม และนั่งเฉยๆ ไม่ได้เล่นเลยอีก 2 เกม ถือว่าห่างไกลกับ "การได้ลงเล่นอย่างสม่ำเสมอ" ที่เขาต้องการอย่างมาก
ตลาดซื้อขายในอังกฤษจะปิดตัวลง วันที่ 31 สิงหาคม ดังนั้นเมื่อเห็นความไม่แน่นอนของพาล์มเมอร์ ทำให้สโมสรเชลซียื่นข้อเสนอแรกมาให้แมนฯ ซิตี้ เพื่อขอรับตัวไปดูแลต่อ ในราคา 35 ล้านปอนด์ แต่แมนฯ ซิตี้ ปฏิเสธ
มีนักข่าวไปถามพาล์มเมอร์ว่า อนาคตของคุณคือยังไงกันแน่ จะอยู่หรือจะย้าย เขาตอบว่า "ชัดเจนว่าทางออกที่ดีที่สุด คือผมอยู่ซิตี้ต่อและได้ลงเล่นต่อเนื่อง"
พาล์มเมอร์ก็รักแมนฯ ซิตี้ แต่เขาอยากเป็นตัวจริงทันที ตอนนี้เลย คือไม่ผิดที่เขาจะคิดแบบนั้น แต่คำถามคือแล้วแมนฯ ซิตี้ จะไปดร็อปใครล่ะ?
หน้าเป้าคุณจะถอดเออร์ลิ่ง ฮาแลนด์ได้หรือ? หน้าต่ำก็มีหัวหอกแชมป์โลก ชูเลียน อัลวาเรซ
ฝั่งขวามีฟิล โฟเด้น แย่งตำแหน่งกับแบร์นาโด้ ซิลวา, ฝั่งซ้ายมีแจ๊ค กรีลิช กับเจเรมี่ โดกู
หรือจะถอยไปแย่งมิดฟิลด์ตัวกลาง ก็ต้องชนกับโรดรี้, มาเตโอ โควาซิช หรือบางทีก็จอห์น สโตนส์
เป๊ป กวาร์ดิโอล่าไม่มีทางเลือกนักตอนนี้ เขาก็ต้องส่งตัวที่การันตีผลงานลงเล่นก่อน ส่วนพาล์มเมอร์ก็ต้องเป็นสำรองต่อไปอีกระยะ ถ้าได้โอกาสแล้วเขาคว้ามันได้ ก็อาจสอดแทรกเป็นตัวจริงได้เอง
2
อย่างไรก็ตาม พาล์มเมอร์รอไม่ไหว และไปแจ้งกวาร์ดิโอล่าว่าขอย้ายทีม
3
กวาร์ดิโอล่าอธิบายว่า "โคลขึ้นทีมชุดใหญ่ และเข้าใจกระบวนการของเราทุกอย่าง แต่วันหนึ่งเขาบอกว่า 'ไม่อยากเล่นที่นี่แล้ว เพราะไม่ได้โอกาสลงสนาม' ผมตอบเขาไปว่า 'ริยาด มาห์เรซ จะย้ายทีมออกไปแล้ว คุณจะได้โอกาสลงเล่นมากขึ้น' แต่เขาบอกว่า 'ไม่ ผมจะไม่เล่นที่นี่อีกแล้ว ผมอยากย้ายออก' ดังนั้นผมเลยพูดว่า 'โอเค งั้นก็ย้ายออกไป' "
เมื่อแมนฯ ซิตี้ ให้โอกาสไม่ได้ทันที แล้วตอนนี้มีข้อเสนอดีๆ จากเชลซีสโมสรที่การันตีตำแหน่งตัวจริงให้ ทำให้พาล์มเมอร์ตัดสินใจว่า ย้ายดีกว่า แม้จะรู้ดีว่า โอกาสประสบความสำเร็จจะน้อยกว่าการอยู่แมนฯ ซิตี้ ต่อก็ตาม
1
เชลซีต้องการตัวพาล์มเมอร์จริงๆ จึงยื่นข้อเสนอรอบที่สอง ด้วยราคา 42.5 ล้านปอนด์ บวกอ็อปชั่นเสริมอีก 2.5 ล้านปอนด์ คราวนี้ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ตอบตกลง นักเตะไม่มีใจอยากอยู่ รั้งไว้ก็ไม่มีประโยชน์ ขายเอาเงินดีกว่า ยอมตัดใจแยกทางกันไป
1
เมื่อการขายเกิดขึ้น มุมของแฟนแมนฯ ซิตี้ มีความเจ็บปวดอยู่เหมือนกัน
สตีเว่น แม็คเนอร์นี่ เจ้าของเว็บไซต์ Esteemed Kompany กลุ่มแฟนคลับของแมนฯ ซิตี้ บอกว่า "ไม่เคยเป็นเรื่องง่าย ที่เห็นนักเตะจากอะคาเดมี่ย้ายทีม การเห็นโคล พาล์มเมอร์ ย้ายไปเชลซี มันก็เจ็บปวดอยู่เหมือนกัน ผมเฝ้าดูเขาไต่ขึ้นมาทีละขั้นจากอะคาเดมี่ จนมาสู่ทีมชุดใหญ่ แต่สุดท้ายเขาก็ไม่อยากไปต่อกับเรา"
1
ขณะที่มุมของเชลซี ถือว่าเป็นดีลที่แฮปปี้มาก ได้ผู้เล่นอนาคตไกล ที่ได้แชมป์พรีเมียร์ลีก และแชมเปี้ยนส์ลีกมาแล้ว ในราคา 42.5 ล้านปอนด์ ถือว่าไม่แพงเลย โดยเมาริซิโอ โปเช็ตติโน่ ผู้จัดการทีมเชลซีบอกว่า "เขาเหมาะสมกับแผนในอนาคตของเรา เขาอยากลงเล่นมากขึ้น และเขาจะได้รับสิ่งนั้น"
1
สำหรับโคล พาล์มเมอร์ ให้สัมภาษณ์ตอนย้ายทีมลุล่วงแล้วว่า "ผมย้ายมาเชลซี เพราะแผนงานของสโมสรแห่งนี้ฟังดูดีมาก ที่สำคัญมันจะเป็นโอกาสให้ผมได้แสดงพรสวรรค์ของตัวเอง"
เหตุผลที่พาล์มเมอร์ย้ายมาเชลซี ชัดเจนตรงไปตรงมา ไม่ใช่ว่าเชลซีใหญ่กว่า หรือดีกว่าแมนฯ ซิตี้ แต่เชลซีให้สิ่งที่แมนฯ ซิตี้ ให้เขาไม่ได้นั่นเอง
2
ตั้งแต่พาล์มเมอร์ ย้ายมาเชลซี เขาเริ่มจากเป็นสำรองใน 3 เกมแรก แต่จากนั้นมา ก็ลงตัวจริงทุกนัด ตอนนี้ ลงตัวจริงติดต่อกันมา 8 เกมรวดแล้ว (พรีเมียร์ลีก 6, คาราบาวคัพ 2) และมีผลงานยอดเยี่ยม ยิงไป 5 แอสซิสต์ไป 4 ถือว่าเล่นได้โดดเด่นสุดๆ จริงๆ
1
จากที่เป็นแค่ตัวอะไหล่ที่แมนฯ ซิตี้ ตอนนี้เป็นตัวหลักของเชลซี และได้รับหน้าที่ให้ยิงจุดโทษอีกต่างหาก ความสำคัญถือว่าเพิ่มขึ้นมาจากเดิมเยอะมากทีเดียว
2
ในเกมเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา เชลซีต้องเจอแมนฯ ซิตี้ ก็เป็นพาล์มเมอร์ ที่ยิงจุดโทษในนาทีที่ 90+5 ซัดทีมเก่า ช่วยเชลซีเก็บแต้มได้สำเร็จ
1
สำหรับการตัดสินใจย้ายทีมของพาล์มเมอร์นั้น บางคนก็บอกว่าพลาดแล้ว ดูอย่างฟิล โฟเด้นสิ แรกๆ ก็ทนสำรองไปก่อน แต่พอเก่งขึ้นเมื่อไหร่ ตอนนี้ก็ได้ลงตัวจริงสม่ำเสมอเอง ไม่เห็นต้องใจร้อนอะไรเลย เป็นนักเตะอะคาเดมี่ยังไงก็ได้เปรียบคนอื่นเห็นๆ
แต่บางคนก็บอกว่า พาล์มเมอร์ ตัดสินใจแบบนี้ดีแล้ว ถ้าหากยังรอโอกาส ก็ไม่รู้จะได้เปล่งประกายวันไหน แล้วถ้าวันหนึ่งแมนฯ ซิตี้ซื้อตัวใหม่เข้ามาแย่งตำแหน่งเขาล่ะ จะมีอะไรรับประกันชีวิตได้ ถ้ามีข้อเสนอดีๆ ก็ย้ายเลยดีกว่า คิดดูว่าถ้าไม่กล้าย้ายวันนั้น วันนี้จะมีชื่อติดทีมชาติอังกฤษชุดใหญ่ไหมล่ะ
เป็นสองมุมที่ต่างกัน ซึ่งตอนจบของเรื่อง พาล์มเมอร์จะประสบความสำเร็จหรือล้มเหลว ในการเลือกครั้งนี้ เราก็ต้องติดตามดูกันต่อไปในระยะยาวครับ
ปิดท้ายด้วยบทสัมภาษณ์ของพาล์มเมอร์ ในสมัยแจ้งเกิดใหม่ๆ กับแมนฯ ซิตี้ เขาเคยเล่าเรื่องราวชีวิตของตัวเองที่เว็บไซต์ The Players Tribune โดยในประโยคปิดท้าย พาล์มเมอร์บอกว่า
1
"ท้ายที่สุดแล้ว เหนือสิ่งอื่นใด ผมแค่อยากจะลงเล่น แค่นั้นเลย"
ตัวตนของโคล พาล์มเมอร์ ตั้งแต่เป็นเด็ก 8 ขวบ จนติดทีมชาติอังกฤษชุดใหญ่ เขายังเป็นเหมือนเดิมเสมอ นั่นคือจะอยู่ที่ไหน ไม่สำคัญ ขอเพียงได้เล่นฟุตบอล ได้ลงสนามทุกนัด โดยไม่ต้องนั่งดูคนอื่นบนม้านั่งสำรอง เท่านี้เขาก็พอใจแล้ว
#JUSTWANTTOPLAY
โฆษณา