17 พ.ย. 2023 เวลา 06:57 • การตลาด

มัดรวม 60 เทรนด์ที่น่าสนใจกับ ‘เจาะเทรนด์โลกปี 2024’ โดย Creative Thailand

เหลือเวลาอีกแค่เดือนกว่า ๆ เท่านั้น เราก็จะก้าวเข้าสู่ปี 2024 ซึ่งเป็นปีแห่งการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในหลาย ๆ ด้าน ทั้งธุรกิจและทุกภาคส่วนต้องปรับตัวเพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลงนี้ โดยให้ความสำคัญกับคุณค่าทางสังคมและสิ่งแวดล้อม นวัตกรรมและเทคโนโลยี รวมถึงความคาดหวังของผู้บริโภคเป็นหลัก
ในรายงานเจาะเทรนด์โลก 2024 ของนิตยสาร 'คิด' ได้ออกอีบุ๊ค 'Trend 2024: REMADE ANEW' ซึ่งนำเสนอเทรนด์โลกในปีหน้า ครอบคลุม 4 มิติสำคัญ ได้แก่
1. ผู้คน (Population) : โลกกำลังเข้าสู่ยุคของ “Generation Alpha” เจนเนอเรชันที่เติบโตมาพร้อมกับเทคโนโลยีดิจิทัล เจนเนอเรชันนี้มีความคาดหวังสูงและต้องการความสะดวกสบาย ส่งผลให้ธุรกิจต้องปรับตัวเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของคนกลุ่มนี้
2. สังคมและวัฒนธรรม (Social & Culture) : โลกกำลังให้ความสำคัญกับคุณค่าทางสังคมและสิ่งแวดล้อมมากขึ้น ผู้คนหันมาให้ความสนใจกับสินค้าและบริการที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ขณะเดียวกันก็ให้ความสำคัญกับการสร้างประสบการณ์ที่แตกต่าง และน่าจดจำ
3. นวัตกรรมและเทคโนโลยี (Technology) : เทคโนโลยียังคงมีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนโลก เทคโนโลยีใหม่ ๆ เช่น ปัญญาประดิษฐ์ (AI) บล็อกเชน และเมตาเวิร์ส กำลังเข้ามามีบทบาทในหลายอุตสาหกรรม ส่งผลให้ธุรกิจต้องปรับตัวเพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลงนี้
4. นิเวศและสิ่งแวดล้อม (Environment) : ปัญหาสิ่งแวดล้อมยังคงเป็นประเด็นสำคัญที่ทุกภาคส่วนต้องให้ความสำคัญ ธุรกิจต้องปรับตัวเพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและหันมาใช้ทรัพยากรอย่างยั่งยืน
นอกจากนี้ ยังนำเสนอเทรนด์ที่น่าสนใจอื่น ๆ อีกมากมาย มาดูกันว่าเทรนด์โลกปี 2024 จะเปลี่ยนไปในทิศทางไหน มาอัปเดตไปพร้อมกันในบทความนี้กันเลยค่ะ
1. เทรนด์ผู้บริโภคที่น่าจับตามอง: ผู้บริโภคยุคใหม่มีพฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลงไป ให้ความสำคัญกับสุขภาพ ความเป็นอยู่ที่ดี และประสบการณ์ที่แตกต่าง
2. สีประจำปี 2024 คือ ‘Apricot Crush’ เป็นสีโทนสีเหลืองอมส้ม ที่ให้ความรู้สึกอบอุ่น สดใส และมีชีวิตชีวา เป็นสีที่สื่อถึงความหวังและความสุข และยังสื่อถึงความคิดสร้างสรรค์และแรงบันดาลใจ ซึ่งจะช่วยกระตุ้นให้เกิดความคิดใหม่ๆ และความสดใสในชีวิต
3. ความสนใจแต่ละ Generation
- Baby Boomer (1946-1964)
บูมเมอร์กลายเป็นลูกค้าผู้ทดลองดาวน์โหลดแอปพลิเคชันแบบทดลองใช้ฟรีและแบบจ่ายเงินมากกว่า 1.2พันล้านครั้งต่อเดือน เป็นกลุ่มคนที่พร้อมจ่ายเงินแบบสุดโต่งมากที่สุดเพื่อใช้ชีวิตอย่างเต็มที่ในขั้นปลายชีวิต ได้แก่ การลงทุนเพื่อสุขภาพ การลงทุนด้านประสบการณ์การรับประทานอาหารนอกบ้าน การท่องเที่ยว
และกิจกรรมเข้าสังคมโดยผู้สูงอายุส่วนใหญ่เริ่มเปิดใจกับการใช้บริการสั่งอาหารดิลิเวอรี ตู้กดอาหาร และหุ่นยนต์สาธารณะมากขึ้น เพราะสิ่งนี้คือการใช้จ่ายที่ทำให้รู้สึกถึงการเท่าทันโลก
- Xers (1965-1980)
Gen X มีความกดดันมากกว่าค่าเฉลี่ย ทั้งเรื่องการสร้างรายได้ การจัดหาประกันสำหรับครอบครัว การวางแผ่นเกษียณอายุที่มั่นคง และภาระหนี้สิน แบรนด์สุขภาพของผู้หญิงกำลังขยายไปสู่ผลิตภัณฑ์ความงาม โดยมุ่งเน้นแก้ปัญหาผิว เส้นผม และหนังศีรษะ โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน และผู้บริโภคกลุ่ม Gen X นิยมซื้อสินค้าความงามทั้งในร้านค้าและออนไลน์ ให้ความสำคัญกับการทดลองใช้ผลิตภัณฑ์จริงก่อนตัดสินใจซื้อ
- Millennials (1981-1995)
ชาวมิลเลนเนียลในเอเชียมีจำนวนมากที่สุดในโลก โดย World Economic Forum ระบุว่ามีจำนวน 1.1 พันล้านคน และเป็นตัวแปรสำคัญทางเศรษฐกิจและสังคม เพราะเป็นวัยที่กำลังสร้างรากฐานความมั่นคงทางครอบครัวและลงทุนด้านคุณภาพชีวิตให้แก่ลูกน้อย อัตราการใช้จ่ายของชาวมิลเลนเนียลในเอเชียคาดว่าจะเพิ่มขึ้นราว 10% ต่อคน ภายในปี 2025 คนกลุ่มนี้หันมาใช้บริการ "Solo Service" มากขึ้น เพื่อตอบสนองความต้องการในการเข้าสังคมของคนโสด
คนกลุ่มนี้ให้ความสำคัญกับคุณภาพชีวิต มองหาประสบการณ์ใหม่ๆ อยู่เสมอ ชาวมิลเลนเนียลบางคนเลือกที่จะไม่มีลูก เพื่อรักษาความเป็นอิสระและมีเงินเก็บเพื่อการท่องเที่ยว การมีสัตว์เลี้ยงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ต้องการเติมเต็มสมาชิกในครอบครัว สำหรับบางคนก็เริ่มกังวลเรื่องผลกระทบของกาแฟที่มีต่อสุขภาพ และหันมาดื่มกาแฟไร้คาเฟอีน หรือเครื่องดื่มบำรุงสุขภาพทดแทนคาเฟอีนมากขึ้น
- Zer (1996-2011)
Gen Z ตระหนักถึงผลกระทบของสื่อดิจิทัล เช่น การถูกบูลลี่หรือโจมตีทางสังคมและการเมือง จึงเกิดพฤติกรรมต่อต้านสื่อดิจิทัลและหันไปสนใจสื่อหรือกิจกรรมแอนล็อกมากขึ้น เช่น ใส่เสื้อผ้าแนว Y2K ใช้โทรศัพท์ที่มีฝาพับ หรือเลือกแก็ดเจ็ตหูฟังที่ให้ความรู้สึกถึงการหวนกลับสู่อดีต ชื่นชอบการช้อปปิ้งสินค้าตามช็อปมากกว่าซื้อสินค้าบนแพลตฟอร์มออนไลน์
โดยเฉพาะสินค้ามือสองหรือสินค้าตามร้านป๊อปอัป ให้ความสำคัญกับสังคมกลุ่มเล็ก และวัฒนธรรมตลาดย่อย ต้องการแสดงตัวตนผ่านสิ่งที่ชื่นชอบออกมาอย่างชัดเจน ชอบสินค้ารักษ์โลก และสินค้าที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ชื่นชอบการติดตามกระแสบน TikTok และนำกระแสเหล่านั้นไปใช้ในชีวิตประจำวัน เช่น กระแสอาหาร ขนม เครื่องดื่ม หรือไลฟ์สไตล์การทำกิจกรรม ปรากฏการณ์นี้เรียกว่า "Internet of Trends"
- Alpha (2010-2024)
เจนอัลฟาจะกลายเป็นประชากรกลุ่มใหญ่ที่สุดในโลกในปี 2024 โดยมีอัตราการเกิดมากกว่า 2.7 ล้านคนในแต่ละสัปดาห์ เป็นเจเนอเรชั่นที่หลากหลายและมีวิธีคิดแบบ Inclusive คนกลุ่มนี้มองหาการมีส่วนร่วมกับแบรนด์ที่ส่งเสริมความเป็นอยู่ที่ดี ไม่มีทัศนคติแบ่งแยก มีความคิดสร้างสรรค์ และสนับสนุนการแสดงออกถึงตัวตน มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจซื้อของครอบครัวเป็นอย่างมาก
โดยผู้ปกครองกว่า 80-90% ในสหรัฐอเมริกา ยอมรับว่าเด็กอายุต่ำกว่า 12 ปีมีอิทธิพลต่อการตัดสินใจซื้อของครอบครัว เจนนี้เติบโตขึ้นมาในโลกที่เต็มไปด้วยความหลากหลาย ดังนั้นแบรนด์ควรนำเสนอผลิตภัณฑ์และสร้างประสบการณ์ที่สะท้อนความหลากหลายนี้ เช่น สินค้าและบริการที่ออกแบบมาสำหรับกลุ่ม LGBTQIA+ หรือกิจกรรมที่ส่งเสริมความเท่าเทียม
4. เกิดการบริโภคแบบ The Frugalist ซึ่งหมายถึง การบริโภคอย่างตระหนักรู้และมีประสิทธิภาพมากที่สุด เพื่อลดการสิ้นเปลืองในระยะยาวและสร้างอนาคตที่ยั่งยืนให้กับโลกใบนี้ เช่น เลือกซื้อของมีส่วนผสมออร์แกนิก ปลอดภัยต่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อม
5. ผู้บริโภคให้ความสำคัญกับคุณภาพ และคุณค่ามากกว่าราคา โดยมองหาสินค้าหรือบริการที่คุ้มค่ากับเงินที่จ่ายไป
6. ผู้บริโภคในปัจจุบันต้องการใช้ชีวิตแบบ Slow Life มากขึ้น โดยไม่ยึดติดกับความสำเร็จทางวัตถุ เน้นการแบ่งปันทรัพยากรร่วมกัน เพื่อสร้างความสุข และคุณภาพชีวิตที่แท้จริง เช่น ซื้อบ้านร่วมกัน, ใช้รถยนต์ร่วมกัน มีการทำงานแบบไฮบริดสูงขึ้น และมีตัวเลือกอย่างพื้นที่ Co-Working ไปจนถึง Co-Living เพิ่มขึ้น จนเป็นแนวโน้มสำคัญในปี 2024
7. ผู้บริโภคกลุ่ม The Connector ให้ความสำคัญกับความยั่งยืน การสร้างความหมาย ความใส่ใจในรายละเอียด และแนวคิดเรื่องความเป็นเจ้าของแบบกระจายอำนาจ
8. ผู้บริโภคในปัจจุบันให้ความสำคัญกับเวลามากขึ้น ต้องการใช้เวลาที่มีอยู่อย่างคุ้มค่า และสร้างความหมายให้กับชีวิต
9. การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้บริโภค ส่งผลต่อธุรกิจต่างๆ ที่ต้องปรับตัวให้สอดคล้องกับความต้องการของผู้บริโภค ตัวอย่างธุรกิจที่สามารถปรับตัวได้ เช่น ธุรกิจท่องเที่ยว นำเสนอบริการท่องเที่ยวเชิงประสบการณ์
10. มีผู้อายุ 50 ปีขึ้นไปจำนวน 2.7 ล้านคนที่ระบุตัวเองว่าเป็น LGBTQ+ ในสหรัฐฯ และคาดว่าจะเกิน 5 ล้านคนในปี 2060 ทั้งหมดนี้หล่อหลอมสู่การสร้างความเข้าใจและภาพใหม่ในสังคม
11. The New Sensorialist ผู้บริโภคที่มีพฤติกรรมแบบไฮบริด ต้องการเป็นเจ้าของประสบการณ์ก่อนใครในโลกจริง โดยพร้อมจ่ายในโลกเสมือน ยกตัวอย่างเช่น แบรนด์แฟชั่นอาจจัดอีเวนต์แฟชั่นโชว์เสมือนจริงที่เปิดให้ผู้ชมเข้าร่วมจากทั่วโลก
12. ผู้บริโภคในสหรัฐอเมริกามีมูลค่าของสินค้าดิจิทัลสูงถึง 225 พันล้านดอลลาร์สหรัฐจากแพลตฟอร์ม Facebook เพียงอย่างเดียวตั้งแต่ปี 2004 ส่วนในเว็บไซต์ Wikipedia มีมูลค่าสินค้าดิจิทัลเพิ่ม 42 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
13. มูลค่าของสินค้าดิจิทัลมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ธุรกิจต่าง ๆ ให้ความสำคัญกับเศรษฐกิจผู้สร้าง (Creator Economy)
14. ธุรกิจควรจับกระแสผ่านทางแฮชเท็กบนแพลตฟอร์มโซเชียล เพื่อดึงดูดความสนใจของผู้บริโภค
15. กลยุทธ์ซื้อก่อนจ่ายที่หลัง (BNPL) และกินตอนนี้จ่ายทีหลัง (ENPL) ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคที่ต้องการเข้าถึงประสบการณ์ใหม่ ๆ โดยไม่ต้องกังวลเรื่องการเงิน
16. กลยุทธ์ #Viral-to-VM เหมาะสำหรับแบรนด์ที่เปิดใจฟังความต้องการของผู้บริโภคผ่านสื่อโซเชียล และไวพอที่จะปรับเข้ากับเทรนด์ที่กำลังมา
17. การแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้ผู้บริโภคมีลำดับความสำคัญใหม่ ๆ ให้ความสำคัญกับตนเองและความสุขมากกว่าที่เคย โดยเห็นได้จากพฤติกรรมต่างๆ เช่น การลาออกจากงานเพื่อค้นหาเป้าหมายและความหมายในชีวิต
18. ธุรกิจด้านสุขภาพและการดูแลสุขภาพ รวมไปถึงธุรกิจที่ให้ความสำคัญกับความเป็นปัจเจกบุคคล และเอกลักษณ์ส่วนบุคคลจะได้รับความนิยมมากขึ้น
19. แนวคิดเรื่องเจเนอเรชันอาจไม่เพียงพออีกต่อไป เนื่องจากมีกลุ่มย่อยที่มีค่านิยมและทัศนคติที่แตกต่างกันมากขึ้น
20. มุมมองเรื่องเพศมีความหลากหลายมากขึ้น และอาจมีรายละเอียดปลีกย่อยที่แตกต่างกันไปตามภูมิภาค คอมมิวนิตี้ และเจเนอเรชัน
21. จิตวิญญาณของคน Gen Z มักขึ้นอยู่กับความสามารถในการเลือกค่านิยมของตนเอง สร้างพิธีกรรมของตนเอง และเข้าใจรูปแบบความเชื่อส่วนบุคคล
22. TikTok เป็นเครื่องมือที่ช่วยให้ผู้คนเรียนรู้และเข้าใจเกี่ยวกับเจเนอเรชันต่างๆ มากขึ้น นอกจากนี้ยังเป็นพื้นที่ที่ผู้คนสามารถแชร์ประสบการณ์และมุมมองของตนเองได้อย่างอิสระ ซึ่งส่งผลให้เกิดการแลกเปลี่ยนเรียนรู้และความเข้าใจระหว่างกันมากขึ้น
23. ชาว Gen Z และ Millennials ต้องการแนวทางการทำงานที่ยึดถือคุณค่าของความเท่าเทียม การไม่แบ่งแยก ความหลากหลาย และการสร้างสรรค์ร่วมกัน
24. การทำงานแบบ 3.0 คือการทำงานแบบอิสระ มีส่วนร่วมในการทำงาน และเชื่อมโยงถึงกันได้มากขึ้น รวมทั้งการเสนออาชีพทางเลือกตามความถนัด และจุดประกายความคิดริเริ่มที่จะช่วยให้ค้นพบความสำเร็จของตนเองในการทำงาน
25. การทำงานแบบ 3.0 เน้นการทำงานแบบอิสระ มีส่วนร่วมในการทำงาน และเชื่อมโยงถึงกันได้มากขึ้น พนักงานจึงจำเป็นต้องมีทักษะด้าน Soft Skills มากกว่า Hard Skills
26. เทคโนโลยีปลดล็อกเงื่อนไขการทำงาน ทำให้การทำงานเกิดขึ้นได้จากทุกที่บนโลก คาดการณ์ว่าจะมีดิจิทัลโนแมด 1,000 ล้านคนทั่วโลกภายในปี 2035 เศรษฐกิจใหม่กำลังเกิดขึ้นพร้อมกับการเพิ่มขึ้นของการทำงานทางไกล โปรแกรมจูงใจด้านการเดินทาง พร้อมรูปแบบบริการที่สนับสนุนไลฟ์สไตล์ดังกล่าวอย่างครบครัน
27. ตัวเลขการทำงานอิสระกำลังเพิ่มสูงขึ้นในสหรัฐอเมริกา และคาดว่า 50% ของแรงงานอเมริกันจะอยู่ในระบบฟรีแลนซ์ภายในปี 2027
28. เกือบ 50% ของกลุ่ม Gen Z มีอาชีพอิสระอยู่แล้ว บางครั้งมีบทบาทใหม่ ๆ ที่ไม่เคยมีมาก่อน รวมถึงงานโปรเจ็กต์ชั่วคราวที่ไม่ธรรมดา อย่างผู้เชี่ยวชาญด้าน NFT แบบอิสระ
29. คาดการณ์ว่าจะมีดิจิทัลโนแมด 1,000 ล้านคนทั่วโลกภายในปี 2035 คนรุ่นใหม่ในสหรัฐอเมริกาและจีนมีแนวโน้มที่จะทำงานแบบดิจิทัลโนแมดมากขึ้น
30. โมเดลให้บริการที่พักอาศัย (Housing-as-a-Service Model) กำลังได้รับความนิยมจากธุรกิจการบริการทั่วโลก
31. ธุรกิจที่พักอาศัยควรนำเสนอสิ่งอำนวยความสะดวกภายในบ้านให้กับผู้เช่า เช่น บริการชักรีดภายในโรงแรม การเป็นสมาชิกบริการสตรีมมิงฟรี บริการส่งของชำ บริการรถยนต์ ฯลฯ
32. ดิจิเซ็กส์ชวลลิตี้ (Digisexuality) หรือความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับจักรกลดิจิทัล กำลังกลายเป็นเรื่องปกติมากขึ้นในปัจจุบัน เทคโนโลยีต่างๆ เช่น แอปฯ หาคู่ เนื้อหาสำหรับผู้ใหญ่ หุ่นยนต์ AI และ VR มีส่วนช่วยส่งเสริมความสัมพันธ์นี้
33. แชตบอต AI กำลังกลายเป็นเครื่องมือที่ได้รับความนิยมในการส่งเสริมความสัมพันธ์ สามารถเลียนแบบประสบการณ์ของมนุษย์ได้ และตอบสนองความต้องการของผู้ใช้ได้อย่างครบถ้วน ไม่เจ็บป่วย ไม่ถูกผูกมัดในสถานภาพ และไม่จำกัดเรื่องเขตแดนพื้นที่ นับว่าไม่แตกต่างจากอินฟลูเอนเซอร์เสมือนจริง
34. การใช้จ่ายหลังจากความตาย ผู้บริโภคทั่วโลกกว่า 47% สนใจที่จะใช้จ่ายล่วงหน้าเพื่อซื้อของขวัญหรือสนับสนุนสมาชิกในครอบครัวหรือคนที่รักอย่างต่อเนื่อง
35. แนวคิดสุญนิยม (Nihilism) สื่อสารประเด็นของการปฏิเสธคุณค่า และการมีอยู่ของทุกสรรพสิ่ง กำลังได้รับความนิยมมากขึ้นในหมู่คนรุ่นใหม่
36. ชาว Millennials และ Gen Z ใช้สื่อดิจิทัลเพื่อรับมือกับความท้าทายของโลกใบนี้ โดยการใช้อารมณ์ขันและแนวคิดแบบสุญนิยม
37. ในปี 2025 กลุ่มสุญนิยมใหม่ (The New Nihilists) จะทวงคืนเวลา พลังงาน และใช้จ่ายตามที่พวกเขาต้องการ โดยให้ความสำคัญกับความหลงใหลมากกว่าเป้าหมาย แนวคิดนี้คล้ายคลึงกับปรัชญาแบบโฮปพังก์ (Hopepunk Philosophy) ที่มีแนวโน้มจะเติบโตในปี 2025 โดยเป็นการเคลื่อนไหวทางศิลปะและวรรณกรรมที่เฉลิมฉลองให้แก่การแสวงหาเป้าหมายเชิงบวกในการเผชิญกับความทุกข์ยากต่าง ๆ
38. การนอนหลับ และพักผ่อนไม่ได้ถูกมองว่าเป็นสัญลักษณ์ของความเกียจคร้านอีกต่อไป แต่คือสัญลักษณ์ของประสิทธิภาพในการทำงาน การพักผ่อนและชาร์จพลังเป็นสิ่งสำคัญ
39. 73% ของคนหนุ่มสาวในสหรัฐอเมริกาและสหราชอาณาจักร บอกว่าออกกำลังกายและการรับประทานอาหารขยะสามารถเป็นส่วนหนึ่งของการมีสุขภาพที่ดีได้ ชี้ให้เห็นว่าคนรุ่นใหม่เริ่มตระหนักว่าชีวิตที่ดีไม่จำเป็นต้องสุดโต่งเสมอไป สามารถดื่มด่ำกับประสบการณ์ยามค่ำคืน กินอาหารขยะ และออกกำลังกายบ้างตามอัธยาศัย โดยไม่รู้สึกผิดหรือกังวลว่าจะไม่ส่งผลดีต่อสุขภาพ
40. ตลาดการดูแลสุขภาพเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมที่เก่าแก่และขยายตัวเร็วที่สุด คาดว่าการจ้างงานด้านการดูแลสุขภาพทั่วโลกจะเพิ่มขึ้นจาก 206 ล้านคน เป็น 475 ล้านคนภายในปี 2030
41. ปี 2024 ผู้บริโภคกำลังมองหาวิธีปรับสมดุลด้านสุขภาพจิตและอารมณ์ของตนเอง แม้จะต้องเผชิญกับความไม่แน่นอน และข้อจำกัดทางการเงิน
42. แบรนด์ต่าง ๆ สามารถใช้แพลตฟอร์มสาธารณะเพื่อช่วยให้เกิดการรวมตัว และสร้างประสบการณ์ร่วมกันเพื่อเยียวยาจิตใจของผู้บริโภค
43. ผู้คนทั่วโลกกำลังมองหาโอกาสในการสร้างการเปลี่ยนแปลง โดยต้องการให้อำนาจและการตัดสินใจกลับคืนมาสู่มือของตนเอง
44. ภาคธุรกิจเป็นสถาบันเดียวที่ได้รับความไว้วางใจจากผู้บริโภค จึงมีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลง
45. วาทกรรมการเมืองแบบป๊อป (Pop Politics) ที่สื่อสารด้วยแคปชันสั้น และเข้าใจง่าย กำลังได้รับความนิยมในกลุ่ม Gen Z และ 80%ของคนกลุ่มนี้ใช้โซเชียลมีเดียเป็นแหล่งเข้าถึงข่าวหลัก
46. คนรุ่นใหม่สนใจการเมือง แต่ภาษาข่าว และท่าทีจริงจังไม่ตอบโจทย์ การเมืองแบบป๊อป ๆ จึงเกิดขึ้นมาเพื่อแก้ปมนี้ เช่น เนื้อหาเข้าใจยากให้สนุกขึ้น,มีส่วนร่วมง่ายขึ้น, น่าสนใจกว่าสิบเท่า ไม่ว่าจะเป็นมีม, Twitter (X), Stories ใน Instagram ตลอดจนวิดีโอสั้นพร้อมแคปชั่นและเสียงเล่าตลก ๆ ใน TikTok
47. การอพยพครั้งใหญ่ในช่วงระหว่างปี 2020-2025 ถือเป็นประวัติศาสตร์บทใหม่ มีผู้คนมากมายเคลื่อนย้ายไปอยู่ในพื้นที่เมืองใหม่ ๆ ด้วยหลายเหตุผล ทั้งการอพยพเชิงนิเวศ การอพยพเชิงศีลธรรม หรือการเคลื่อนไหวของ Digital Nomad ที่เพิ่มขึ้น
48.การสร้างคอมมิวนิตีเป็นหนึ่งในงานยากที่แบรนด์ต่าง ๆ ต้องเข้าใจ และเข้าถึงเหล่าชาว Gen Z ที่ให้ความสำคัญกับการ สร้างคอมมิวนิตี้แบบ IRL และ URL
49. วงการสื่อและโฆษณาเป็นกลุ่มแรก ๆ ที่เข้าสู่วงการ Generative AI โดยเริ่มต้นจากการใช้โปรแกรมวิเคราะห์คอนเทนต์บนสื่อและอัตราความสนใจของผู้บริโภค เพื่อพัฒนาเป็นคอนเทนต์ที่สามารถเจาะกลุ่มผู้ชมบนสื่อโซเชียลมีเดียได้อย่างแม่นยำ
50. โลกหลังความจริงไม่ได้มีแค่ Fake Data หรือโอกาสใหม่ ๆ สำหรับธุรกิจบนโลกดิจิทัลเท่านั้น แต่ยังเป็นโอกาสสำหรับมนุษย์ โลก และสิ่งแวดล้อม
51. เทคโนโลยี AI กำลังถูกนำมาใช้สร้างสรรค์ผลงานเพลงในรูปแบบใหม่ ๆ เช่น การดัดแปลงเพลงต้นฉบับด้วยการเปลี่ยนเสียงร้องเป็นศิลปินอื่น ยกตัวอย่างค่าย HYPE ค่ายเพลงจากเกาหลีใต้ได้ปล่อยเพลง "Masquerade" ของ MIDNATT ซึ่งได้ Supertone บริษัท Al ด้านเสียงมาปรับเสียงของต้นฉบับให้มีทั้งหมด 6 เวอร์ชันหรือ 6 ภาษา ได้แก่ เกาหลี อังกฤษ สเปน จีน ญี่ปุ่น และเวียดนาม เพื่อนำร่องการลดกำแพงทางภาษาระหว่างศิลปินและแฟนคลับ
52. ผู้บริโภคส่วนใหญ่ไม่สนใจเกี่ยวกับแบรนด์ที่กำลังพัฒนาสถานะในเมตาเวิร์ส แต่กลับสนใจประสบการณ์ในร้านแบบผสมผสาน ที่ใช้เทคโนโลยีเสมือนจริงผสานเข้ากับโลกความเป็นจริง
53. แบรนด์สามารถใช้เทคโนโลยีเสมือนจริงเพื่อสร้าง IRL Moment หรือประสบการณ์ "ความเป็นจริง ณ ขณะนี้" ที่สามารถเชื่อมต่อกับกิจกรรมหรือคอนเสิร์ตได้ โดยการบ่มเพาะแพลตฟอร์ม Web3 ให้กลายเป็นคอมมิวนิตี้ที่เหนียว
54. ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ยอดขายอีคอมเมิร์ซเพิ่มขึ้นจาก 15% ของยอดค้าปลีกทั้งหมดจำนวน 21% คาดว่าตลาดอีคอมเมิร์ซยังมีช่องว่างที่จะเติบโตเพิ่มขึ้นจากการประเมินมูลค่า 3.3 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ในวันนี้เป็นมากกว่า 5.4 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐภายในปี 2026
55. ธนาคาร Neobank ในประเทศไทยมีแนวโน้มจะเข้าถึงกลุ่มผู้ประกอบการ SMEsไปจนถึงกลุ่มผู้ประกอบการระดับไมโคร (Micro-Enterprise) โดยสามารถดึงดูดนักลงทุนทั้งในรูปแบบ B2B และ B2C
56. โซเชียลมีเดียรูปแบบ DeSo แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียแบบกระจายศูนย์ (Decentralized Autonomous Organizations: DAO) จะได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นในปี 2024 เนื่องจากมีจุดเด่นที่แตกต่างจากโซเชียลมีเดียแบบเดิม ๆ
57. ผู้ที่เล่นเกม 40% กล่าวว่าเกมทำให้พวกเขาได้พบปะผู้คนมากขึ้น 36% ได้พบเพื่อนผ่านแชตเกมและพบปะ ผู้คนในปัจจุบันมีแนวโน้มที่จะเลือกเล่นเกมที่มีบรรยากาศสบาย ๆ และผ่อนคลาย เกมบางเกมสามารถใช้ในการบำบัดผู้ป่วยโรคจิตเวชได้
58. แบรนด์เกิดแนวคิดธุรกิจแบบ Green Capitalism โดยเลิกใช้คำว่ายั่งยืน (Sustainability) และหันมาใช้คำว่าหมุนเวียนเกิดใหม่ (Regeneration) แทน
59. การเดินทางด้วยยานยนต์ 2 ล้อ จะเพิ่มขึ้น 70% ทั่วโลก โดยเฉพาะยานยนต์รูปแบบ e-Scooter และ e-Bike เพราะช่วยประหยัดค่าใช้จ่าย
60. ธุรกิจการท่องเที่ยวในปี 2024 จะต้องให้ความสำคัญกับประเด็นด้านสังคมและสิ่งแวดล้อมมากขึ้น เนื่องจากนักท่องเที่ยวรุ่นใหม่ให้ความสำคัญกับประเด็นเหล่านี้มากขึ้น
📃อ่านเทรนด์ฉบับเต็ม จาก Creative Thailand และดาวน์โหลดฟรีได้ในลิงก์นี้เลยค่ะ
ขอบคุณข้อมูลจาก: TCDC,Creative Thailand
โฆษณา