“สมุทรสาคร” ส่งออก 100,000 ล้าน อาหารทะเลแปรรูป
ถ้าถามว่าจะไปซื้ออาหารทะเลแบบสด ๆ ที่ไหน ใกล้กรุงเทพฯ มากที่สุด หลายคนคงตอบได้ไม่ยากว่า
ต้องไปซื้อที่ตลาดมหาชัย จังหวัดสมุทรสาคร
เพราะที่นี่ มีการซื้อขายอาหารทะเลต่อวัน กว่า 1.3 ล้านบาท และมีการส่งไปยังจังหวัดต่าง ๆ มากสุดในไทย ถึงปีละ 17,523 เที่ยว
และที่สำคัญคือ จังหวัดนี้ยังเป็นแหล่งแปรรูปอาหารทะเล โดยเฉพาะทูน่ากระป๋อง ที่ทำให้ไทยเป็นผู้ส่งออกอันดับ 1 ของโลกอีกด้วย
จังหวัดเล็ก ๆ แห่งนี้ กลายเป็นแหล่งแปรรูปอาหารทะเลได้อย่างไร ? ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
ในอดีต สมุทรสาครเริ่มต้นจากการเป็นหมู่บ้านเล็ก ๆ ก่อนที่จะเริ่มมีความสำคัญมากขึ้น เพราะเป็นเมืองท่าแวะจอดเรือก่อนเข้าอยุธยา
ทำให้เกิดเป็นชุมชนใหญ่ขึ้น และด้วยพื้นที่ติดทะเลยาว จึงเป็นแหล่งประมงที่มีการซื้อขายอาหารทะเลกันมาอย่างยาวนาน
จนกระทั่งในปัจจุบัน ตลาดมหาชัยกลายเป็นตลาดซื้อขายอาหารทะเลใหญ่สุดในไทย เพราะมีมูลค่าการซื้อขายอาหารทะเลต่อวัน กว่า 1.3 ล้านบาท
และอาหารทะเลแปรรูปที่เรากิน เช่น ลูกชิ้น ทอดมัน กุ้งแห้ง ทูน่ากระป๋อง ปลาย่าง ก็มาจากสมุทรสาคร
ที่เป็นแหล่งผลิตใหญ่สุดของประเทศแทบทั้งหมด
แล้วจังหวัดสมุทรสาคร กลายเป็นผู้ผลิตอาหารทะเลแปรรูปได้อย่างไร ?
อย่างแรกเลย ก็เพราะว่า
“มีอุตสาหกรรมแปรรูปอาหารทะเลครบในที่เดียว”
แม้จะมีพื้นที่เพียง 872 ตร.กม. แต่รู้ไหมว่า ที่นี่มีโรงงานกว่า 6,000 ราย โดยมีโรงงานอาหารทะเลมากสุดในไทยกว่า 161 ราย
ซึ่งโรงงาน 161 รายที่ว่านี้ แบ่งออกเป็น
- ธุรกิจห้องเย็น เพื่อแช่แข็งอาหารทะเล 74 ราย
- ธุรกิจอาหารทะเลกระป๋อง 29 ราย
- ธุรกิจอื่น ๆ 58 ราย
พอเป็นแบบนี้ ทำให้สมุทรสาครมีทั้งแหล่งวัตถุดิบต้นน้ำจากชาวประมง โรงงานแปรรูปอาหารทะเล และธุรกิจขนส่งอาหารทะเลครบในที่เดียว
และบริษัทอาหารทะเลแปรรูปชื่อดังของไทย ที่อยู่ในตลาดหุ้น ก็มาตั้งโรงงานในจังหวัดนี้อีกด้วย เช่น
- บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน)
เจ้าของซีเล็คทูน่า มูลค่าตลาด 64,706 ล้านบาท
- บริษัท เอเชี่ยน อะไลอันซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) มูลค่าตลาด 7,735 ล้านบาท
เหตุผลต่อมา คือ
“มีแรงงานต่างชาติจำนวนมาก”
ก็ต้องบอกว่า อุตสาหกรรมอาหารทะเลแปรรูป ทดแทนด้วยเครื่องจักรได้ยาก เพราะวิธีการแปรรูปบางอย่าง ต้องใช้ความพิถีพิถันพอสมควร
พูดให้เห็นภาพ เช่น เวลาเราแกะกุ้ง หรือเลาะก้างปลาออก
ยังต้องใช้มือเสียส่วนใหญ่ และยังไม่มีเครื่องทุ่นแรง
พอเป็นแบบนี้ อุตสาหกรรมอาหารทะเลแปรรูป จึงแข่งขันกันด้วยราคา และวัดกันว่าประเทศไหนมีความได้เปรียบเรื่องค่าแรงมากกว่ากัน
ซึ่งปัจจุบัน แรงงานต่างชาติในสมุทรสาครกว่า 231,392 คน ที่มาจากกัมพูชา ลาว เมียนมา
มีค่าแรงต่อวันที่ไม่สูงมาก
ช่วยให้ไทยได้เปรียบในการส่งออกอาหารทะเลแปรรูปได้อย่างต่อเนื่อง และกลายเป็นกระดูกสันหลังให้อุตสาหกรรมอาหารทะเลแปรรูปไทยไปเลยทันที
และเหตุผลสุดท้าย คือ
“ที่ตั้งของจังหวัดเป็นทำเลทอง”
สมุทรสาครไม่ได้มีแค่แหล่งวัตถุดิบ และโรงงานแปรรูปอาหารทะเลจำนวนมาก แต่ยังมีที่ตั้งไม่ไกลจากแหล่งส่งออกไปยังต่างประเทศ
ไม่ว่าจะเป็นท่าเรือแหลมฉบัง ที่ห่างจากตัวจังหวัดสมุทรสาครเพียง 150 กิโลเมตร หรือท่าเรือคลองเตย ที่ห่างเพียง 50 กิโลเมตรเท่านั้น
นอกจากนี้ สมุทรสาครยังมีท่าเรือสะพานปลา ที่คอยรับวัตถุดิบสัตว์น้ำ จากท่าเรือภาคใต้มาแปรรูปได้อย่างสะดวก เพราะอยู่กึ่งกลางประเทศไทยพอดี
สมุทรสาคร จึงเป็นทำเลทองที่เหมาะสม ทั้งการรับเอาวัตถุดิบมาแปรรูปจากพื้นที่ต่าง ๆ และส่งออกไปยังต่างประเทศได้โดยง่าย
ทั้งหมดนี้ ทำให้สมุทรสาคร กลายเป็นแหล่งแปรรูปอาหารทะเลใหญ่สุดในไทย โดยกว่า 3 ใน 5 ของผลผลิตอาหารทะเลทั้งหมด ต้องมาแปรรูปที่นี่
ซึ่งในปีที่ผ่านมา สมุทรสาครสามารถแปรรูปอาหารทะเลได้มากถึง 64,004 ล้านบาท รวมทั้งทูน่ากระป๋องไทย ที่สามารถส่งออกได้เป็นอันดับ 1 ของโลก
และหากไปดูสถิติการส่งออกอาหารทะเลแปรรูปของไทยในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา
- ปี 2563 มูลค่าการส่งออก 121,394 ล้านบาท
- ปี 2564 มูลค่าการส่งออก 109,961 ล้านบาท
- ปี 2565 มูลค่าการส่งออก 133,598 ล้านบาท
เท่ากับว่า สมุทรสาครแปรรูปอาหารทะเล เพื่อส่งออก เกือบครึ่งหนึ่งของประเทศไทยเลยทีเดียว..
References
-สถิติหน่วยธุรกิจการประมง ปี 2565 กรมประมง
-ข้อมูลสถิติการทำงานของคนต่างด้าว สำนักบริหารแรงงานต่างด้าว
-สถิติรายปี สมาคมอุตสาหกรรมทูน่าไทย
-set.or.th
- 19
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2024 Blockdit
