17 พ.ย. 2023 เวลา 15:24 • ธุรกิจ

Joby Aviation จับมือเทศบาลเมืองนครนิวยอร์กเปิดตัวแท็กซี่อากาศ ที่ทั้งเงียบและปลอดภัย

คาดสามารถเปิดให้บริการอย่างเป็นทางการได้ภายในปี 2025
ปัจจุบันเราเริ่มเห็นข่าวหลาย ๆ เมือง ๆ กับหลาย ๆ กิจการที่เริ่มเปิดตัวบริการขนส่งผู้คนในเมืองด้วยโดรนโดยสารหรือแท็กซี่บินได้สำหรับการเดินทางระยะทางไม่ไกล ในเมือง
แต่หนึ่งในข้อจำกัดที่ทำให้เหล่าแท็กซี่อากาศเหล่านี้ยังไม่สามารถให้บริการได้ก็คือประเด็นเรื่องเสียง ที่เราไม่ได้เห็นเฮลิคอปเตอร์เอกชนให้บริการบินโดยสารในเมืองไม่ใช่แค่มันแพงแต่เพราะมันสร้างเสียงรบกวนในระดับที่เป็น "มลพิษทางเสียง" นั่นเอง
แต่ล่าสุด Joby Aviation บริษัทที่มุ่งทำธุรกิจด้านการบินด้วยโดรนสำหรับให้บริการโดยสารในเมืองแบบไร้การปล่อยมลพิษ ก็ได้ทำการบินสาธิตเครื่อง e-VTOL โดรนโดยสารขนาด 4 ที่นั่งที่ใช้พลังงานไฟฟ้าล้วน
โดยเที่ยวบินสาธิตนี้มีขึ้นเมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายนที่ผ่านมาที่ลานจอด ฮ. ย่าน Downtown ในแมนแฮตตัน โดยมีนายกเทศมนตรีเมืองนครนิวยอร์กมาร่วมเป็นสักขีพยานการบินสาธิตรอบนี้ด้วย
ทั้งนี้ Joby Aviation ได้มีการประกาศความร่วมมือกับสายการบินเดลต้าในการเป็นผู้ให้บริการแท็กซี่อากาศในเมืองนิวยอร์คเป็นรายแรก
โดยแท็กซี่อากาศของ Joby นี้เป็นแบบ e-VTOL อากาศยานชนิดขึ้นลงแนวดิ่งใช้พลังงานไฟฟ้า ประกอบด้วยใบพัด 6 ใบรองรับผู้โดยสารได้ 4 คนไม่รวมนักบิน ทำความเร็วในการบินสูงสุดได้ 320 กิโลเมตรต่อชั่วโมงและมีระยะทำการบิน 160 กิโลเมตร ครอบคลุมพื้นที่กว่า 99% ของนิวยอร์ค
e-VTOL S4 โดรนโดยสารรุ่นที่นำมาบินสาธิต ซึ่งรุ่นที่บินให้บริการจริงหน้าตาก็จะต่างจากนี้ไม่มาก
ซึ่งปกติการเดินทางจากสนามบิน JFK มายังย่านแมนแฮตตันด้วยรถยนต์นั้นใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง แต่ e-VTOL สามารถพาผู้โดยสารไปยังที่หมายได้ภายใน 7 นาที
Joby Aviation กำลังดำเนินการขออนุมัติการบินกับทาง FAA ซึ่งตั้งเป้าว่าจะเริ่มให้บริการในพื้นที่ของเมืองนิวยอร์กเป็นที่แรกภายในปี 2025 โดย Joby Aviation และสายการบินเดลต้ายังมีความร่วมมือกับการท่าฯ ของเมืองนิวยอร์กในการพัฒนาสาธารณูปโภคในบริเวณสนามบิน JFK เพื่อรองรับการให้บริการแท็กซี่อากาศในอนาคตอันใกล้นี้
สำหรับจุดแข็งหลักของ e-VTOL ที่ Joby Aviation พัฒนาก็คือความเงียบในระหว่างทำการบิน โดยมีระดับเสียงเพียง 45.2 เดซิเบลที่ระดับเพดานบิน 500 เมตร หรือเทียบเท่าเสียงคนพูดคุยกันธรรมดาเท่านั้นเอง เรียกได้ว่าเงียบมาก ๆ เมื่อเทียบกับเสียงจากเฮลิคอปเตอร์เวลาบิน จึงทำให้ e-VTOL ของ Joby Aviation สามารถบินให้บริการได้โดยปราศจากการปล่อยมลพิษในทุกมิติเลยก็ว่าได้
** เบื้องหลังความเงียบและการออกแบบเพื่อความปลอดภัย **
หลากหลายเทคนิคทางด้านวิศวกรรมถูกนำมาใช้เพื่อแก้ปัญหาเรื่องเสียงโดยเฉพาะในขณะเริ่มบินกับลงจอด ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ก่อให้เกิดเสียงรบกวนต่อชุมชนรอบข้างพื้นที่ลงจอดมากที่สุด
ในการออกแบบจึงเลือกใช้มอเตอร์แรงบิดสูงกับการออกแบบใบพัดที่มีการออกแบบผิวที่มีการบิดโค้งและบิดองศาของปลายใบพัดเพื่อก่อให้เกิดเสียงรบกวนน้อยที่สุด
ใบพัดที่ถูกออกแบบมาอย่างดี
และในส่วนของการบินทำความเร็วซึ่งตัวใบพัดจะถูกปรับมุมไปด้านหน้าเพื่อเร่งความเร็วซึ่งจะเป็นช่วงเวลาส่วนใหญ่ของการบินที่ส่งเสียงรบกวนไปยังผู้คนด้านล่าง
เพื่อแก้ปัญหานี้ทีมพัฒนาได้เลือกใช้หลากวิธีในการควบคุมการบินเพื่อลดเสียงรบกวน อาทิเช่น ปรับมุมปะทะแนวการบินของใบพัดแต่ละใบให้มีความต่างกัน 2-3 องศา รวบถึงการปรับรอบของใบพัดแต่ละใบที่มีความเร็วรอบต่างกันเล็กน้อย
ด้วยเทคนิคการบังคับให้แหล่งกำเนิดเสียงมีเฟสต่างกันจะทำให้ย่านความถี่เสียงที่รบกวนเกิดการซ้อนทับกันและลดทอนกำลังเสียงรบกวนที่เกิดขึ้นโดยรวม
ด้วยโหมดควบคุมการบินที่ผสมการควบคุมชุดใบพัดที่หลากหลายเป็นการบังคับให้แหล่งกำเนิดเสียงมีเฟสต่างกัน ซึ่งจะทำให้ย่านความถี่เสียงที่รบกวนเกิดการซ้อนทับกันและลดทอนกำลังเสียงรบกวนโดยรวมที่เกิดขึ้น
สำหรับประเด็นด้านความปลอดภัย e-VTOL S4 นี้ตั้งใจออกแบบมาให้ใบพัดทั้ง 6 ใบอยู่ในตำแหน่งที่ห่างจากจุด C.G. ของตัวเครื่องเท่า ๆ กันเพื่อให้มอเตอร์แต่ละตัวนั้นรับภาระพอ ๆ กัน ไม่ว่าจะอยู่ในตำแหน่งลอยตัวขึ้น-ลงหรือตำแหน่งบินร่อน
ตำแหน่งและรูปแบบใบพัดที่ปรับมุมได้
ซึ่งในกรณีที่เกิดเหตุมอเตอร์ตัวใดตัวหนึ่งมีปัญหา ระบบควบคุมการบินจะสั่งให้มอเตอร์ที่เหลือ 5 ตัวเพิ่มกำลังไปที่ 140% เพื่อช่วยชดเชยตัวที่หายไป
โดยมอเตอร์แต่ละตัวนั้นจะถูกเลือกให้มีกำลังอย่างน้อย 2 เท่าของกำลังที่ต้องการใช้ในระหว่างทำการบินปกติ หรือก็คือเหลือใบพัด 3 ตัวก็ยังประคองเครื่องลงจอดได้
อีก 2-3 ปีข้างหน้าหากใครไปนิวยอร์กคงอาจจะมีโอกาสได้ใช้บริการแท็กซี่อากาศกันได้แล้ว และอีกไม่นานก็คงจะมีกระจายไปตามเมืองใหญ่ต่าง ๆ ทั่วโลก

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา