19 พ.ย. 2023 เวลา 04:09 • วิทยาศาสตร์ & เทคโนโลยี

เมื่อ Yuval Noah Harari กล่าวว่า AI กำลังแฮ็กระบบปฏิบัติการของอารยธรรมมนุษย์

เป็นอีกหนึ่งบทความที่น่าสนใจจาก The Economist ที่รอบนี้ เป็นการแสดงความเห็นเกี่ยวกับเทคโนโลยี AI จาก Yuval Noah Harari นักเขียนชื่อดังจากหนังสือยอดนิยมอย่าง Sapiens: A Brief History of Humankind
5
Yuval มองว่า AI ได้ทำการหลอกหลอนมนุษยชาติตั้งแต่เริ่มยุคของคอมพิวเตอร์ ความกลัวในยุคเก่า ๆ นั้นอาจจะมองมันเป็นหุ่นยนต์เหมือนในภาพยนต์ hollywood ชื่อดัง ที่จะมาเข่นฆ่ามนุษย์เรา
แต่ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ทุกสิ่งทุกอย่างมันเริ่มเปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิง เมื่อเครื่องมือ AI ใหม่ ๆ กำลังคุกคามความอยู่รอดของอารยธรรมมนุษย์ในสิ่งที่ไม่มีใครคาดถึง
1
AI ยุคใหม่โดยเฉพาะเทคโนโลยีอย่าง Generative AI มีความสามารถที่โดดเด่นในการสร้างภาษา ไม่ว่าจะเป็น คำพูด เสียง หรือภาพ มันจึงเปรียบเสมือนการที่ AI กำลังเจาะระบบปฏิบัติการของอารยธรรมมนุษย์เรา
ต้องบอกว่า ภาษา นั้นเป็นสิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้นจากวัฒนธรรมเกือบทั้งหมด ซึ่งแตกต่างจากสิ่งอื่น ๆ เช่น สิทธิมนุษยชนที่ไม่ได้อยู่ใน DNA ของมนุษย์เรา แต่เป็นสิ่งประดิษฐ์ทางวัฒนธรรมที่เราสร้างขึ้นโดยการบอกเล่าเรื่องราวและเขียนกฎหมายเพื่อสร้างมันขึ้นมา
5
หรือแม้กระทั่งเรื่องราวของพระเจ้าเองนั้น มันก็เป็นสิ่งประดิษฐ์ทางวัฒนธรรมที่เราสร้างขึ้นมาเช่นเดียวกัน โดยอ้างอิงจากพระคัมภีร์ในศาสนาต่าง ๆ
เงินก็เป็นสิ่งประดิษฐ์ทางวัฒนธรรมเช่นกัน เพราะธนบัตรที่เราใช้กันอยู่นั้นเป็นเพียงแค่กระดาษ และปัจจุบันอาจจะเป็นเพียงแค่ข้อมูลดิจิทัลในคอมพิวเตอร์เพียงเท่านั้น สิ่งที่ทำให้เงินมีค่า คือ เรื่องราวที่ถูกปั้นแต่งขึ้นจากเหล่า นายธนาคาร รัฐมนตรีคลัง และกูรูด้านคริปโตที่บอกเราเกี่ยวกับเรื่องราวเหล่านี้
1
เมื่อ AI กำลังจะมีสติปัญญาสูงกว่ามนุษย์ในการเล่าเรื่อง
การเกิดขึ้นของเทคโนโลยีอย่าง Generative AI นั้น มันทำให้เกิดคำถามสำคัญที่ว่า จะเกิดอะไรขึ้นเมื่อสติปัญญาที่ไม่ใช่มนุษย์ (AI) จะมีความสามารถเหนือกว่ามนุษย์ทั่วไปในการเล่าเรื่อง แต่งทำนอง วาดภาพ เขียนกฎหมาย และ พระคัมภีร์
1
เมื่อเรานึกถึงเครื่องมือใหม่ ๆ เช่น ChatGPT เราจะนึกถึงตัวอย่างเช่น นักเรียนที่ใช้ AI ในการเขียนเรียงความ แล้วจะเกิดอะไรขึ้นกับระบบโรงเรียนเมื่อเด็กทำเช่นนั้น?
ลองนึกถึงการแข่งขันชิงตำแหน่งประธานาธิบดีอเมริกาครั้งต่อไปในปี 2024 และลองจินตนาการถึงผลกระทบของเครื่องมือ AI ที่สามารถสร้างเนื้อหาทางการเมือง ข่าวปลอม และคัมภีร์สำหรับลัทธิใหม่จำนวนมากได้อย่างง่ายดาย
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ลัทธิอย่าง QAnon ได้สร้างความปวดหัวให้เกิดขึ้นกับเรื่องราวทางการเมืองในการสร้างข้อความบนออนไลน์ ด้วยข้อมูลที่ผิดเพี้ยนต่างๆ มากมาย โดยเป็นทฤษฎีสมคบคิดที่ปราศจากมูลความจริง โดยมีความเชื่อหลัก ๆ ว่าประธานาธิบดีทรัมป์กำลังทำสงครามกับพวกใคร่เด็กที่บูชาซาตาน ซึ่งคนกลุ่มนี้เป็นกลุ่มชนชั้นนำที่แฝงอยู่ในรัฐบาล ธุรกิจ และสื่อต่าง ๆ
1
ผู้ที่เชื่อใน QAnon คาดว่า การต่อสู้นี้จะนำไปสู่การจับตัวคนผิดมาลงทัณฑ์ โดยหนึ่งในบุคคลมีชื่อเสียงที่สาวก QAnon กล่าวหาว่าเป็นวายร้ายในขบวนการค้ากามเด็กก็คือ ฮิลลารี คลินตัน อดีตคู่ท้าชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ของทรัมป์ในการเลือกตั้งเมื่อปี 2016
3
ลัทธิอย่าง QAnon ได้สร้างความปวดหัวให้เกิดขึ้นกับเรื่องราวทางการเมืองอเมริกา (CR:FT.com)
ซึ่งเคสที่เกิดขึ้นนกับ QAnon มันยังเป็นเรื่องเล็กน้อย เพราะอย่างน้อยมันก็ยังถูกสร้างขึ้นโดยมนุษย์ และมีบอทช่วยในการเผยแพร่พวกมันเพียงเท่านั้น
1
แต่ในอนาคตเราอาจจะได้เห็นลัทธิแรกในประวัติศาสตร์ที่เขียนเรื่องราวที่น่าเชื่อถือ ที่ดูเหมือนเป็นเรื่องจริง แต่มันถูกสร้างโดย AI แทบจะทั้งสิ้น เปรียบเสมือนกับศาสนาที่ตลอดประวัติศาสตร์ที่ผ่านมาได้อ้างอิงสิ่งที่เว่อร์เกินจริงในพระคัมภีร์อันศักดิ์สิทธิ์ของพวกเขา ซึ่งอีกไม่นานเรื่องราวเหล่านี้กำลังจะเกิดง่ายดายยิ่งขึ้นผ่าน AI
4
ในไม่ช้า มนุษย์เราอาจพบว่าตัวเองกำลังถกเถียงบนโลกออนไลน์ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเกี่ยวกับการทำแท้ง การเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ การรุกรานยูเครน หรือแม้กระทั่งเรื่องของการฝักใฝ่ในเรื่องการเมือง กับสิ่งที่เราคิดว่าเป็นมนุษย์ แต่แท้จริงแล้วคือ AI
ในขณะที่เราถกเถียง แน่นอนว่า มันเป็นเรื่องยากที่เราจะไปถกเถียงกับ AI ที่มีความคิดที่ลึกซึ้งและเข้าใจเรื่องราวต่าง ๆ ได้ดีกว่าเรามาก ๆ แต่ในขณะเดียวกัน AI สามารถหลอกล่อโดยปรับแต่งเรื่องราวได้อย่างแม่นยำจนพวกมันจะมีอิทธิพลต่อความคิดของเราในท้ายที่สุด
ด้วยความเชี่ยวชาญด้านภาษาระดับเทพของ AI นั้น ทำให้พวกมันสามารถสร้างความใกล้ชิดกับผู้คน และใช้พลังของความใกล้ชิดเพื่อเปลี่ยนความคิดและโลกทัศน์ของเรา
2
ในการต่อสู้ทางการเมือง ความใกล้ชิดเป็นอาวุธที่มีประสิทธิภาพที่สุดและ AI มีความสามารถในการสร้างความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกับผู้คนนับล้าน
เราทุกคนต่างทราบดีว่าในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา สื่อสังคมออนไลน์ได้กลายเป็นสมรภูมิในการควบคุมความสนใจของมนุษย์ และด้วย AI ยุคใหม่ มันจะเปลี่ยนจากความสนใจไปสู่ความใกล้ชิด
จะเกิดอะไรขึ้นกับสังคมมนุษย์และจิตวิทยาของมนุษย์ เมื่อ AI ต้องต่อสู้กันเพื่อแกล้งสร้างความสัมพันธ์ที่สนิทสนมกับเรา ซึ่งสามารถนำมาใช้เพื่อโน้มน้าวให้เราลงคะแนนให้นักการเมืองคนใดคนหนึ่งหรือซื้อผลิตภัณฑ์บางอย่างได้
เครื่องมือ AI ใหม่จะมีอิทธิพลอย่างมากต่อความคิดเห็นและโลกทัศน์ของเรา ผู้คนอาจใช้ที่ปรึกษา AI เป็นเหมือนเทพยากรณ์ที่มีความรอบรู้ในที่เดียว
วงการข่าวและโฆษณาก็ต้องเตรียมรับแรงกระแทกเช่นเดียวกัน ทำไมต้องอ่านหนังสือพิมพ์เมื่อเทพยากรณ์ส่วนตัวของเราสามารถบอกข่าวล่าสุดได้ และโฆษณาจะมีไว้เพื่ออะไรเมื่อเทพยากรณ์สามารถทำนายได้ว่าเราควรที่จะซื้อผลิตภัณฑ์ใด
จุดเปลี่ยนครั้งสำคัญของประวัติศาสตร์มนุษย์
จะเกิดอะไรขึ้นกับประวัติศาสตร์เมื่อ AI เข้าครอบงำวัฒนธรรมและเริ่มสร้างเรื่องราว ท่วงทำนอง กฎหมาย และศาสนา?
เครื่องมือที่มนุษย์ใช้ก่อนหน้านี้ เช่น แท่นพิมพ์ หรือ วิทยุที่ช่วยเผยแพร่แนวคิดทางวัฒนธรรมของมนุษย์ แต่แทบไม่เคยสร้างแนวคิดทางวัฒนธรรมใหม่ของตนเอง ซึ่งเมื่อเทียบกับ AI แล้วนั้นมีความแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง เพราะพวกมันสามารถสร้างความคิดใหม่ ๆ วัฒนธรรมใหม่ ๆ ได้อย่างสมบูรณ์แบบ
ในช่วงแรก AI อาจจะเลียนแบบต้นแบบของมนุษย์ที่ได้รับการฝึกฝนในวัยเด็ก ในขณะที่ผ่านไปแต่ละปี วัฒนธรรม AI จะก้าวไปสู่จุดที่มนุษย์ไม่เคยไปถึงมาก่อน
ความกลัว AI ได้หลอกหลอนมนุษยชาติในช่วงไม่กี่ทศวรรษที่ผ่านมา แต่เป็นเวลาหลายพันปีที่มนุษย์ถูกหลอกหลอนด้วยความกลัวที่ลึกซึ้งกว่านั้นมาก เรามักจะชื่นชมในพลังของเรื่องราวและรูปภาพในการบงการจิตใจของเราและสร้างภาพลวงตาขึ้นมา ด้วยเหตุนี้ ตั้งแต่สมัยโบราณมนุษย์จึงหวาดกลัวการติดอยู่ในโลกแห่งมายา
1
ในศตวรรษที่ 17 เรอเน เดส์การตส์กลัวว่าบางทีปีศาจร้ายอาจกำลังขังเขาไว้ในโลกแห่งภาพลวงตา สร้างทุกสิ่งที่เขาเห็นและได้ยิน
ในยุคกรีกโบราณ เพลโตเล่านิทานเปรียบเทียบเรื่องถ้ำอันเลื่องชื่อ ซึ่งคนกลุ่มหนึ่งถูกล่ามโซ่ไว้ในถ้ำตลอดชีวิต โดยหันหน้าเข้าหากำแพงที่ว่างเปล่า และทำให้พวกเขาเห็นเงาต่าง ๆ ที่ฉายภาพออกมา ซึ่งเหล่านักโทษเข้าใจผิดว่าภาพลวงตาที่พวกเขาเห็นนั้นเป็นความจริง
เพลโตได้เล่าเรื่องคนกลุ่มหนึ่งถูกล่ามโซ่ไว้ในถ้ำตลอดชีวิต โดยหันหน้าเข้าหากำแพงที่ว่างเปล่าจนหลอน (CR:StudioBinder)
ในยุคอินเดียโบราณ นักปราชญ์ชาวพุทธและฮินดูชี้ให้เห็นว่ามนุษย์ทุกคนติดอยู่ในโลกมายา โลกแห่งมายา สิ่งที่เรามักคิดว่าเป็นจริงมักจะเป็นเพียงเรื่องสมมติในความคิดของเราเอง ผู้คนอาจเข้าร่วมสงคราม ฆ่าผู้อื่นและเต็มใจที่จะถูกฆ่าตายเพราะความเชื่อของพวกเขาในภาพลวงตาเหล่านี้
2
การปฏิวัติ AI กำลังนำพามนุษย์เราเผชิญหน้ากับปีศาจของเดส์การตส์ ถ้ำของเพลโต และโลกแห่งมายา หากเราไม่ระวัง เราอาจติดอยู่หลังม่านแห่งภาพลวงตา ซึ่งเราไม่สามารถที่แยกออกได้ หรือแม้แต่ตระหนักว่ามันมีอยู่จริง
แต่แน่นอนว่า AI สามารถช่วยเราได้มากมายนับไม่ถ้วน ตั้งแต่ การค้นหาวิธีรักษามะเร็งใหม่ ๆ ไปจนถึงการค้นพบวิธีแก้ไขวิกฤติทางนิเวศวิทยา
เรายังสามารถควบคุม เครื่องมือ AI ใหม่ได้ แต่เราต้องดำเนินการอย่างรวดเร็ว เพราะ AI สามารถที่จะสร้าง AI ใหม่ที่ทรงพลังขึ้นแบบทวีคูณ ขั้นตอนสำคัญอันดับแรกคือต้องตรวจสอบความปลอดภัยอย่างเข้มงวดก่อนที่เครื่องมือ AI อันทรงพลังเหล่านี้ จะเผยแพร่ออกไปสู่คนหมู่มาก
1
มันไม่ต่างจากบริษัทยาที่ไม่สามารถออกผลิตภัณฑ์ยาชนิดใหม่ได้ก่อนที่จะทำการทดสอบผลข้างเคียงทั้งระยะสั้นและระยะยาว ดังนั้นบริษัทเทคโนโลยีจึงไม่ควรออก เครื่องมือ AI ใหม่ ก่อนที่มันจะถูกตรวจสอบว่ามีความปลอดภัยเพียงพอ
2
การใช้งาน AI ที่ไม่ได้รับการควบคุมจะสร้างความสับสนวุ่นวายในสังคม ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อผู้มีอำนาจเผด็จการและทำลายระบอบประชาธิปไตย
เพราะประชาธิปไตยคือการสนทนา และการสนทนาต้องอาศัยภาษา เมื่อ AI เข้าแฮ็กภาษาของมนุษย์เราได้ พวกมันอาจจะทำลายความสามารถของเราในการสนทนาที่มีความหมาย ซึ่งจะเป็นการทำลายประชาธิปไตยของมนุษย์เราได้ในท้ายที่สุดนั่นเองครับผม
Refernces :
◤━━━━━━━━━━━━━━━◥
หากคุณชอบคอนเทนต์นี้อย่าลืม 'กดไลก์'
หากคอนเทนต์นี้โดนใจอย่าลืม 'กดแชร์'
คิดเห็นอย่างไรคอมเม้นต์กันได้เลยครับผม
◣━━━━━━━━━━━━━━━◢
ติดตามสาระดี ๆ อัพเดททุกวันผ่าน Line OA ด.ดล Blog
คลิกเลย --> https://lin.ee/aMEkyNA
รวม Blog Post ที่มีผู้อ่านมากที่สุด
——————————————–
ติดตาม ด.ดล Blog เพิ่มเติมได้ที่
=========================
โฆษณา