Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
วิเคราะห์บอลจริงจัง
ยืนยันแล้ว
•
ติดตาม
19 พ.ย. 2023 เวลา 08:24 • กีฬา
อิชิอิ ตัวเลือกดีที่สุด ที่ไทยปล่อยหลุดมือไปไม่ได้
ครั้งหนึ่งซีเนอดีน ซีดาน เคยกล่าวชม ทีมของมาซาทาดะ อิชิอิ
เดือนธันวาคม ปี 2016 เรอัล มาดริด ลงเล่นรายการฟีฟ่าคลับเวิลด์ ตามปกติคู่ชิงก็มักจะเป็นทีมจากอเมริกาใต้ แต่ในปีนั้น คู่ชิงกลับกลายเป็นคาชิม่า แอนท์เลอร์ส จากญี่ปุ่น ที่คุมโดยอิชิอิ
ก่อนเกมจะเริ่ม ซีดาน เฮดโค้ชของเรอัล มาดริด พูดถึงคาชิม่าว่า "นี่คือทีมที่วิ่งเยอะมากๆ พวกเขามีวินัย และมีระบบที่ดีเยี่ยม" การที่คุณสร้างทีม จนซีดานกล่าวชมได้ ไม่ใช่เรื่องที่เกิดขึ้นได้ง่ายๆ แน่นอน
เมื่อเราพูดถึงอิชิอินั้น ในสมัยเป็นนักเตะ เขาเคยคว้าแชมป์เจลีกกับคาชิม่า แอนท์เลอร์สมาแล้ว จากนั้นพอแขวนสตั๊ดในวัย 31 ปี ก็เริ่มต้นรับงานโค้ชทีมเยาวชนของคาชิม่า ก่อนจะเปลี่ยนบทบาทเป็นโค้ชฟิตเนส อยู่สิบปีเต็ม แล้วได้เลื่อนขั้นมาเป็นโค้ชทีมชุดใหญ่
1
โอกาสในการเป็นผู้จัดการทีมครั้งแรกของอิชิอิมาถึง ในปี 2015 เมื่อคาชิม่าไล่โตนินโญ่ เซเรโซ่ออกจากตำแหน่ง แล้วดันอิชิอิ ที่อยู่กับสโมสรมายาวนาน ขึ้นเป็นผู้จัดการทีมคนใหม่แทน
2
เมื่อได้คุมทีมปั๊บ อิชิอิ สร้างปรากฏการณ์ในวงการฟุตบอลญี่ปุ่นทันที
กรกฎาคม 2015 คว้าแชมป์นาบิสโก้คัพ (ลูวานคัพในปัจจุบัน) ได้แชมป์ทันทีตั้งแต่สามเดือนแรก
ธันวาคม 2016 คว้าแชมป์เจลีก กลายเป็นคนแรกในประวัติศาสตร์ที่ได้แชมป์เจลีก ทั้งในฐานะนักเตะ และผู้จัดการทีม
1
มกราคม 2017 อิชิอิคว้าแชมป์เอ็มเพอเรอร์คัพ ในระยะเวลาแค่ 1 ปีกว่าๆ เขากวาดสามแชมป์ได้อย่างสุดยอดมากๆ
ยังไม่รวมถึงการพาคาชิม่า เป็นสโมสรแรกในเอเชีย ที่เข้าชิงรายการฟีฟ่าคลับเวิลด์ แม้จะแพ้ต่อเรอัล มาดริด 4-2 ใน 120 นาที แต่ก็สู้ได้อย่างน่าประทับใจมาก
ในเกมที่แพ้เรอัล มาดริด อิชิอิใช้นักเตะญี่ปุ่น 11 คน ไม่มีต่างชาติ ลงเล่นกับเรอัล มาดริดที่ครบเครื่องทุกจุด มีคริสเตียโน่ โรนัลโด้ที่อยู่ในช่วงพีก แต่คาชิม่าก็ยังสู้ได้ดีขนาดนั้น ทำให้หลายคนชมว่า อิชิอิ เอาทรัพยากรดีๆ ในประเทศ สร้างทีมจนแกร่งแล้วต่อกรกับเรอัล มาดริดได้
1
อิชิอิมาโดนไล่ออกในปี 2017 สาเหตุเพราะไม่สามารถป้องกันแชมป์เจลีกได้ จบอันดับ 2 และ ตกรอบ 16 ทีมสุดท้ายในเอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ลีก เอาจริงๆ ผลงานของเขาไม่ได้แย่ แต่มาตรฐานที่ทำไว้ช่วงแรกมันสุดยอดเกินไป
พอโดนไล่ออกจากคาชิม่า อิชิอิย้ายมาทำทีมโอมิยะ อาร์ดิย่า ในเจทู เป้าหมายคือพาทีมเลื่อนชั้นให้ได้ในปีเดียว แต่เขาทำไม่สำเร็จ ทีมจบได้แค่อันดับ 5 เท่านั้น อิชิอิจึงแสดงสปิริต ประกาศลาออก
1
หลังเจ็บมาจาก คาชิม่า แอนท์เลอร์ส และ โอมิยะ อาร์ดิย่า ตัวอิชิอิไม่รู้ว่าเขาอยากจะทำงานฟุตบอลต่อไปไหม เขามีความข้องใจในตัวเอง ว่าทำไมไม่ประสบความสำเร็จ
3
นั่นทำให้เขาตัดสินใจสิ่งที่แปลกประหลาดมาก ด้วยการเว้นว่างจากฟุตบอลแล้วไปทำงานเป็นพ่อครัวโรงอาหารในโรงเรียนประถมแทน บางวันเขาต้อง นั่งปอกมันฝรั่ง 200 กิโลกรัม
คือตอนนั้น บางคนก็บอกว่าอิชิอิเพี้ยนไปแล้ว นึกภาพเป๊ป กวาร์ดิโอล่า เลิกคุมทีมไปทำแกงกะหรี่ขาย คงเป็นภาพที่พิลึกมาก
อิชิอิเล่าว่า นั่นเป็นช่วงพักเบรกชีวิต ที่เขาอยากตั้งสติเพื่อทำให้ตัวเองหัวโล่งๆ ซึ่งพอไปทำงานในครัวจริงๆ เขากลับได้แนวคิดใหม่ๆ แบบไม่น่าเชื่อ
อิชิอิเล่าว่า "การทำงานในครัว ทำให้ผมค้นพบว่า คุณสามารถทำทุกอย่างด้วยตัวคนเดียว อาหารก็เสร็จได้ แต่มันก็มีอีกวิธี คือคุณแบ่งงานเป็นกรุ๊ปเล็กๆ กระจายงานไป อาหารก็ทำเสร็จ และคุณยังมีเวลาเหลือจะไปคิดไอเดียอย่างอื่นได้ด้วย นี่คือสิ่งที่ผมเรียนรู้จากโรงเรียนสอนทำอาหาร คือคุณจะทำงานง่ายขึ้น ถ้าสร้างทีมงาน และกระจายงานเป็น"
3
หลังจากพักใจไปทำอาหาร 2 ปี อยู่ๆ ก็สายโทรศัพท์มาจากประเทศไทย เดือนตุลาคม 2019 ศิริมา พานิชชีวะ หรือมาดามเจี๊ยบ เจ้าของทีมสมุทรปราการ ซิตี้ ยื่นข้อเสนอ อยากให้อิชิอิ มาคุมทีมของเธอดู
1
อิชิอิแปลกใจมาก ที่ได้ข้อเสนอจากลีกต่างแดน แต่ส่วนตัวเขาก็รู้จักประเทศไทยอยู่ เพราะอากิระ นิชิโนะ ณ เวลานั้นก็คุมทีมชาติไทยอยู่
มาดามเจี๊ยบ เคยเห็นผลงานของอิชิอิ ตั้งแต่ฟีฟ่าคลับเวิลด์ รวมถึงช่วงที่พาคาชิม่า มาเตะเอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ลีกที่ไทย ดังนั้นเธอจึงเชิญ ให้อิชิอิมาดูฟอร์มของสมุทรปราการสักนัดละกัน
1
อิชิอิตอบตกลง เขาบินมาดูเกมไทยลีกนัดสุดท้ายในบ้านของสมุทรปราการ และเมื่อได้ดูจริงๆ เขารู้สึกตื่นเต้นขึ้นมา เพราะถ้าเป็นทีมจากต่างแดน เขาอาจจะสร้างทีมขึ้นมาใหม่ในสไตล์ตัวเองได้ โดยไม่ต้องแบกแรงกดดันเกินไป เหมือนตอนอยู่คาชิม่า
5
อิชิอิอยากไป แต่ตอนแรกครอบครัวไม่อยากให้ไป โดยลูกสาวอิชิอิตอนนั้นอยู่ ป.6 เขียนจดหมายให้พ่อ มีเนื้อหาว่า "เหตุผลที่หนูไม่อยากให้พ่อไปอยู่ต่างประเทศ"
อย่างไรก็ตาม อิชิอิมองว่า คนที่ว่างเว้นในฟุตบอลไป 2 ปีอย่างเขา นี่อาจจะเป็นโอกาสดีๆ ครั้งสุดท้าย ที่จะคัมแบ็กกลับมาสู่วงการฟุตบอลก็ได้ ดังนั้นจึงตัดสินใจตอบรับข้อเสนอของสมุทรปราการ ในเดือนธันวาคม 2019 โดยอิชิอิยอมไปอยู่คนเดียวที่ไทย ส่วนครอบครัวจะอยู่ที่ญี่ปุ่นต่อไป
เป้าหมายของอิชิอิในวันที่เซ็นสัญญา เขาบอกว่า" ผมเซ็นสัญญา 1 ปีกับสมุทรปราการ เชื่อไหม ผมอยากคุมทีมนี้ต่อไปเรื่อยๆ ไปจนถึงคว้าแชมป์ได้ และคงจะดี ถ้าพาสมุทรปราการได้เจอทีมญี่ปุ่นในเอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ลีก"
1
อิชิอิ เริ่มงานวันแรก 1 มกราคม 2020 และสิ่งแรกที่เขารู้สึกได้ทันทีคือ การซ้อมของไทยนั้นไม่จริงจังเลย "มีคนบอกว่าที่ไทยซ้อมไม่หนักถ้าเทียบกับญี่ปุ่น ใช่ มันเป็นเรื่องจริง โปรแกรมต่างๆ มันหลวมมาก นักเตะดูสบายๆ มาก ผมพยายามทำความเข้าใจว่าทำไม อาจจะเพราะประเทศไทยอากาศร้อนก็ได้"
4
"แต่เรื่องที่แปลกคือ ตอนซ้อมเราซ้อมไม่หนัก ไม่ดุดัน แต่พอตอนแข่งจริง แต่ละคนกลับเข้าบอลอย่างรุนแรง จนผมกลัวนักเตะจะบาดเจ็บกันหมด สิ่งที่ผมคิดว่าต้องแก้ไขอย่างด่วนเลย คือนักเตะต้องรู้ว่าควรระเบิดพลังตอนไหนกันแน่"
5
ถ้าถามว่าอิชิอิ ทำงานอย่างไร คนที่น่าจะเล่าได้ดี คือคนที่เคยร่วมงานกับเขา
เท่-เจริญศักดิ์ วงษ์กรณ์ ปีกของสมุทรปราการ ที่ตอนนี้เล่นอยู่กับเมืองทอง ยูไนเต็ด เล่าว่า ในวันแรกที่อิชิอิเข้ามาคุมทีม มีการวางกฎเหล็ก 2 ข้อ เป็นเรื่องพื้นฐานที่ทุกคนต้องทำ
ข้อแรกคือ เมื่อลงเล่นฟุตบอลต้องหวังชนะเท่านั้น แม้ว่าจะเจอกับคู่แข่งทีมใหญ่แค่ไหนก็ตาม อย่าดูถูกตัวเองเกินไป มันมีทางเอาชนะได้เสมอ ยังไงฟุตบอลก็แข่ง 11 คนเท่ากัน ถ้าหากยอมรับสภาพว่าลงเล่นไปก็แพ้อยู่ดี ก็จงอย่าลงสนามแต่แรก
2
ส่วนข้อสองคือ นักกีฬาต้องตรงต่อเวลาเสมอ เวลานัดซ้อมของสมุทรปราการ คือ 16.00 แปลว่าเวลา 16.00 คุณต้องแต่งชุดพร้อมแล้ว ในแต่ละวัน ซ้อมสูงสุดไม่เกิน 2 ชั่วโมง ถ้าหากทำงาน 2 ชั่วโมงต่อวัน แล้วยังมาสายอีก คุณจะไปทำอะไรได้
สำหรับเรื่องตรงต่อเวลานั้น ต้า-สุพร ปีนะกาตาโพธิ์ ฟูลแบ็กของบุรีรัมย์ ที่เคยร่วมงานกับอิชิอิช่วงสั้นๆ เล่าว่า "อิชิอิ จริงจังเรื่องเวลามากครับ ที่บุรีรัมย์จะซ้อมประมาณ 17.00 แต่อิชิอิมาตั้งแต่ 15.00 มาคุยกับสตาฟฟ์ มาวางแผนการซ้อม เขาไม่เคยมาช้ากว่านักเตะเลย เป็นคนตรงต่อเวลามาก"
เมื่อเริ่มลงซ้อมกับสมุทรปราการ อิชิอิ ทำสองเรื่องคู่ขนานกันไป คือเสริมสร้างพื้นฐาน และ ใส่แท็กติกเชิงรายละเอียด
เจริญศักดิ์เล่าว่า จะมีเซสชั่นการซ้อมที่อิชิอิ ให้จ่ายบอลสั้นๆ รับส่งกันอยู่อย่างนั้น ไม่มีอะไรเลย ส่งไปส่งมา
3
คือการจ่ายบอลรับส่ง เหมือนเป็นเรื่องเบสิคมาก แต่มุมของอิชิอิ คือคนไทยละเลยสิ่งนี้ ถ้าหากคุณจ่ายบอลสั้นๆ ยังไม่ตรง น้ำหนักยังขาด ก็ไม่ต้องหวังจะเล่นอะไรกันแล้ว จะเล่น Possession Play ครองบอลเยอะได้ยังไง ในเมื่อจ่ายบอลยังไม่ถึงตัวเพื่อน
ถ้าเป็นนักเตะเก๋าๆ บางคน อาจจะไม่แฮปปี้ที่ต้องทำ แต่สมุทรปราการ ณ เวลานั้น เป็นทีมคนหนุ่ม แต่ละคนรู้สึกเป็นเกียรติที่ได้ทำงานกับโค้ชรองแชมป์ฟีฟ่าคลับเวิลด์ ดังนั้นจึงทำตามอย่างไม่มีปัญหา
1
นอกจากนั้น อิชิอิ ยังมีการแยกเซสชั่นไปคุยตัวต่อตัวกับนักเตะ เพื่อสอนว่าเขาควรเล่นอย่างไรจึงจะมีประสิทธิภาพที่สุดด้วย
เจริญศักดิ์เล่าว่า เขาเป็นปีกที่ถนัดขวา ซึ่งในเทรนด์ยุคปัจจุบัน ชอบเอาคนถนัดขวามายืนซ้าย จะได้ตัดเข้าในแล้วยิงได้ แต่อิชิอิก็บอกว่า ตัวตนของเจริญศักดิ์ไม่ใช่อย่างนั้น เขามีจุดเด่นที่การครอสบอล ไม่ใช่การตัดเข้าใน ดังนั้นก็ควรยืนฝั่งขวาแล้วเน้นการเปิดบอลเข้ามาต่างหาก
2
ในไทยลีก ฤดูกาล 2020-21 เจริญศักดิ์ ทำไป 14 แอสซิสต์ในปีเดียว เป็นดาวแอสซิสต์ของไทยลีกปีนั้น เขาพัฒนาแบบพุ่งกระฉูด จนก้าวไปติดทีมชาติชุดใหญ่ในภายหลังด้วย
เจริญศักดิ์เล่าว่า "โค้ชรู้ว่าเราเล่นเก่งที่สุดตรงไหน ก็ให้เรายืนตรงนั้น และคอยแนะนำว่า เราต้องวิ่งแบบนี้ เล่นกับไลน์กองหลังคู่แข่งอย่างไร จังหวะไหนควรครอสเสาแรก หรือเสาสอง คือพอร่วมงานกัน เรารู้ได้เลยว่า โค้ชระดับแชมป์เจลีก เขาดีกรีประมาณไหน"
ในฤดูกาล 2020-21 อิชิอิพาสมุทรปราการจบอันดับ 6 ของตาราง กลายเป็นทีมที่ยิงประตูที่มากที่สุดอันดับ 2 ในลีก เป็นรองแค่บุรีรัมย์ทีมเดียวเท่านั้น
1
ดาวซัลโวปีนั้นคือ บาร์รอส ทาร์เดลลี่ (25 ประตู) ดาวแอสซิสต์คือเจริญศักดิ์ (14 ประตู) ว่าง่ายๆ สมุทรปราการเหมาหมด ทั้งๆ ที่เป็นทีมไม่ใหญ่ นี่เป็นปรากฎการณ์ที่แปลก และทำให้เห็นว่า อิชิอิ สร้างทีมได้แม้จะมีทรัพยากรจำกัดก็ตาม
2
ในเดือนกันยายน 2020 ทีมชาติไทยเรียกตัวผู้เล่น มาติดทีมชาติชุดใหญ่ ปรากฏว่า มีนักเตะสมุทรปราการถึง 6 คน ได้แก่ ปฏิวัติ คำไหม, จักพัน ไพรสุวรรณ, ศุภนันท์ บุรีรัตน์, พีรดนย์ ฉ่ำรัศมี, ธีระพล เยาะเย้ย, เจริญศักดิ์ วงษ์กรณ์ ติดทีมชาติพร้อมกัน
1
และเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ ที่ทีมอย่างสมุทรปราการ มีสมาชิกใน Squad ทีมชาติมากที่สุดเป็นอันดับหนึ่งด้วย
1
ว่าง่ายๆ คืออิชิอิ ไม่ใช่แค่พัฒนาทีมให้แข็งแกร่ง แต่พัฒนาตัวนักเตะให้เก่งขึ้น และดีพอจนถึงขั้นติดทีมชาติชุดใหญ่ได้ด้วย
ด้วยฟอร์มที่โดดเด่นอย่างมาก ใครๆ ก็พูดถึง ทำให้บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ที่ได้รองแชมป์ไทยลีกในฤดูกาลนั้น ตัดสินใจทาบทามอิชิอิ ดึงมาเป็นผู้จัดการทีมคนใหม่ ในฤดูกาล 2021-22
แน่นอน ทุกคนทราบเรื่องราว ต่อจากนั้นเป็นอย่างดี เพราะเขาพาบุรีรัมย์ คว้า Treble 2 ปีซ้อน ได้ทุกแชมป์ที่ขวางหน้า ไม่เคยมีโค้ชคนไหนทำได้ขนาดนี้มาก่อน
แต่รายละเอียดที่น่าสนใจ ที่ซ่อนอยู่ คือการพัฒนาผู้เล่นให้เลเวลอัพขึ้นกว่าเดิม
กรณีศึกษาที่ดีคือเคสของศุภชัย ใจเด็ด ตอนอเล็กซานเดร กาม่า คุมบุรีรัมย์ (2020-21) ศุภชัยเล่นเป็นหน้าเป้า ได้ลงตัวจริงแค่ 18 นัด ยิง 5 ประตู
แต่พออิชิอิเข้ามาปั๊บ เขาบอกว่าศุภชัยจะเปล่งประกายมากกว่า ถ้าเล่นในตำแหน่ง False 9 ยืนเป็นกองหน้าตัวต่ำหน่อย มีส่วนร่วมกับเกมมากกว่านี้ ไม่ใช่ปักหลักกางมุ้งอย่างเดียว
1
แต่แน่นอน การจะทำแบบนั้นได้ ศุภชัยต้องมีความฟิตเยอะกว่าเดิม เพราะต้องวิ่งตลอด ต้องมีบอดี้ที่แข็งแกร่ง เพราะต้องปะทะกับมิดฟิลด์ตัวรับของคู่แข่ง ดังนั้นเขาจึงแนะนำให้ ศุภชัยไปเสริมกล้ามเนื้อให้มากกว่านี้
2
ศุภชัยเอาคำแนะนำของอิชิอิ มาพัฒนาตัวเอง ปรากฏว่า ปีแรกของอิชิอิกับบุรีรัมย์ (2021-22) ศุภชัยได้ลงตัวจริง 25 นัด ยิง 14 แอสซิสต์ 5
2
จากนั้นปีที่สองของอิชิอิ (2022-23) คราวนี้ อาร์ม-ศุภชัย ระเบิดฟอร์มดีที่สุดในชีวิต ลงตัวจริง 28 นัด ยิง 19 แอสซิสต์ 4 คว้าดาวซัลโวของไทยลีก เป็นนักเตะไทยคนแรกในรอบ 10 ปีที่คว้าดาวซัลโวได้ด้วย
อิชิอิ เข้าใจคุณภาพของนักเตะ เขารู้ว่าเมื่อมี ศุภชัย และ ศุภณัฏฐ์ เล่นด้วยกัน (รวมถึงสุภโชคในช่วงหนึ่ง) จะระเบิดฟอร์มนักเตะออกมาอย่างไร
ไม่แปลกที่ถึงวันนี้ตัวศุภชัยก็ยังรู้สึกเคารพอิชิอิอยู่เสมอ
อิชิอิเดินหน้าคว้า 3 แชมป์ 2 รอบ กับบุรีรัมย์ แต่หลังจากพลาดท่าเสียแชมป์ไดกิ้นให้แบงค็อก (แชมป์ไดกิ้น = ถ้วยคอมมิวนิตี้ชิลด์ของไทย) บุรีรัมย์ตัดสินใจแต่งตั้งอาร์เธอร์ ปาปาส เสียบตำแหน่งของเขาทันที
3
อิชิอิ ถูกดันไปรับตำแหน่งผู้อำนวยการเทคนิคทีมชาติไทย และถูกสัญญาว่าจะเป็นเฮดโค้ชทีมชาติคนต่อไปหลังจบคิงส์คัพ แต่สุดท้าย สถานการณ์พลิกกลับ 180 องศา เมื่อทีมชาติไทย ให้โอกาสมาโน่ โพลกิ้งต่อไป ส่งผลให้อิชิอิ ลาออกจากตำแหน่งผู้อำนวยการเทคนิค กลับประเทศญี่ปุ่นในที่สุด
6
---------------------------
เรื่องราวของอิชิอิ สะท้อนให้เห็นว่า เขาเป็นโค้ชมืออาชีพ ที่ถึงพร้อม ทั้งคุณวุฒิ และวัยวุฒิ
อิชิอิ พาคาชิม่า แอนท์เลอร์ส ได้ทุกแชมป์ในญี่ปุ่น และ รองแชมป์ฟีฟ่า คลับเวิลด์มาแล้ว จากนั้นพอย้ายมาไทย ก็ได้ทุกแชมป์ในไทยเช่นเดียวกัน
อิชิอิ รู้จักวัฒนธรรมไทย แต่ไม่มีย่อหย่อน ไม่มีต่อรอง ไม่มีหยวนๆ ช่วยๆ กัน อย่างตอนที่ผิดสัญญาไม่ให้เขาคุมทีมชาติ เจ้าตัวลาออกทันที เขามีศักดิ์ศรีของตัวเอง
1
นอกจากนั้น ยังเข้าใจทักษะของนักเตะอย่างลึกซึ้ง เขาคุมทีมสามปี ทำให้นักเตะในไทยได้ดาวซัลโว 2 ครั้ง (ทาร์เดลลี่, ศุภชัย) และ ดาวแอสซิสต์ 2 คน (เจริญศักดิ์, ศุภณัฏฐ์) คือรู้ว่าจะใช้งานนักเตะที่มีอยู่อย่างไร
ผู้เล่นทุกคนที่ร่วมงานกับเขา ยอมรับว่าอิชิอิ จริงจัง และเป็นมืออาชีพ ถ้าคุณเล่นดี ต่อให้ไม่ใช่ขาใหญ่ ไม่ใช่ซีเนียร์ ก็จะได้ลงเล่นเสมอ ทุกอย่างวัดกันที่ความสามารถเท่านั้น เอาผลประโยชน์ของสโมสรเป็นที่ตั้ง
ถ้าหากถามผมนะครับ ในตอนที่อิชิอิ ยังว่างงานอยู่ตอนนี้ นี่แทบจะเป็นคำตอบเดียวที่กอบกู้ทีมชาติไทย จากยุคมาโน่ โพลกิ้งได้
โค้ชไทย คนที่มีดีกรีมากพอ ก็มีสังกัดหมดแล้ว ขณะที่โค้ชต่างชาติคนอื่นไปเลย ก็คงไม่รู้จักบอลไทย กว่าจะมาเรียนรู้ ว่าใครชื่ออะไร เล่นสไตล์ไหน ก็คงสายเกินไป เนื่องจากเอเชียนคัพ จะเตะในเดือนมกราคมนี้แล้ว
อิชิอิ เคยทำไทยลีกมา 3 ปี เคยได้แชมป์มา 2 รอบ เข้าใจนักเตะไทย ทั้งนิสัย และ วิธีการซ้อม นี่คือตัวเลือกที่ลงตัวที่สุด เท่าที่จะนึกออกแล้ว
นักเตะคนอื่นๆ ในไทย ถ้าได้รู้ว่าโค้ชใหม่เป็นอิชิอิ ก็จะรู้สึกคึกคัก และได้รู้ว่าพวกเขาก็มีโอกาสสอดแทรกเหมือนกัน
ถ้าคุณเล่นดี ไม่ว่าอยู่สโมสรไหน ก็เชื่อได้ว่า อิชิอิจะเรียกคุณติดทีมชาติชุดใหญ่ได้
ตอนนี้มันมีข่าวลือหนาหู ว่าเราจะไปทาบทาม อเล็กซานเดร กาม่า (ลำพูน) หรือ โบซิดาร์ บันโดวิช (ประจวบ) มาเป็นโค้ชคนใหม่ คืออยากบอกว่า อย่าเลย ในเมื่อมีชอยส์อิชิอิอยู่แบบนี้
1
ยิ่งตัวอิชิอิ เปิดใจว่า "พร้อมเสมอ" ในการคุมทีมชาติไทย ขอเพียงแค่เราติดต่อไป ดังนั้น เราไปเลือกเขาเถอะครับ อย่าทิ้งเพชรเม็ดงามไปเลย
1
หายากนะ โค้ชที่มีวินัย มีดีกรี และ เข้าใจวงการฟุตบอลไทย แถมยังว่างงานอยู่แบบนี้
สมมุติว่า มาดามแป้งเลือกอิชิอิ แล้วซัพพอร์ทเขาทุกอย่างเต็มที่ ผมว่าบรรยากาศทุกอย่างจะดีขึ้นแน่นอน กระแสเสียดทานที่มีต่อตัวเธอจะลดลงอย่างมากเลย
1
หลังจบเกมสิงคโปร์ ไม่ว่าจะแพ้หรือชนะ มาโน่ โพลกิ้ง จะโดนเด้งแน่
ได้แต่หวังว่าการเลือกโค้ชคนต่อไปของสมาคมฟุตบอลจะไม่พลาดครับ
ถ้าเราชนะสิงคโปร์ได้ โอกาสเข้ารอบฟุตบอลโลกยังมีอยู่นะ เช่นเดียวกับ เอเชียนคัพ คือถ้าเราเลือกโค้ชที่ถูกต้องล่ะก็ เราจะไม่ใช่หมูให้เขาเชือดแน่นอน
ผมคิดว่าการลองฟังกระแสสังคม ให้โอกาสกับคนที่ดู "ใช่ที่สุด" คือทางออกของทีมช้างศึกในเวลานี้ครับ อย่าให้แฟนบอลที่รักทีมชาติ ต้องเฮิร์ทซ้ำแล้วซ้ำอีกเลยนะ
1
#GIVEHIMACHANCE
14 บันทึก
88
10
25
14
88
10
25
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2024 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย