Hazara Rama Temple ..เทวาลัยพระราม เรื่องราวในหินสลัก
เทวาลัย Hazara Rama เป็นเทวาลัยที่สำคัญใน Hampi .. เทวาลัยเล็กๆแต่สวยงามแห่งนี้ เป็นเทวาลัยเดียวที่ตั้งอยู่ในใจกลางเขตพระราชฐานในขณะที่กษัตริย์และเหล่าราชวงศ์ยังปกครองและพำนักอยู่ที่พระราชฐานที่อยู่ใกล้ๆเทวาลัยแห่งนี้ และถือเป็นเทวาลัยส่วนพระองค์ของกษัตริย์และราชวงศ์วิชัยนครา เพื่อใช้ในการประกอบพิธี
เทวาลัย Hazara Rama ได้รับการอนุรักษ์ไว้อย่างดีแห่งนี้ ครอบคลุมพื้นที่ประมาณ 33.5x61 เมตร สร้างและอุทิศให้กับการอวตารของเทพเจ้าในศาสนาฮินดู คือพระวิษณุในอวตารของพระราม มีอีกชื่อหนึ่งว่าเทวาลัยรามจันทรา โครงสร้างนี้สร้างขึ้นในสไตล์ Dravida โดยมีความใกล้ชิดกับเทวาลัย Chola และ Pandya ในยุคแรกๆ หลายแห่ง
ประวัติความเป็นมาของเทวาลัย Hazara Rama, Hampi
ตามคำจารึกที่พบในเทวาลัย .. สร้างขึ้นโดยกษัตริย์เทวารยาที่ 1 แห่งราชวงศ์สังคมะ ในปี 1442-46 .. วัดแห่งนี้อุทิศให้กับพระรามซึ่งสร้างขึ้นโดยผู้ที่ได้รับพรจากเจ้าแม่ปัมปา .. แสดงว่าในช่วงเวลานั้น ความเป็นศัตรูกันระหว่างชาวไศวะหรือชาวไวษณพมีไม่มากนัก หรืออาจจะเป็นชาวรายาที่พยายามรักษาสมดุลที่ดีระหว่างทั้งสองศรัทธา แม้ว่าพวกเขาเองจะมีความโน้มเอียงไปทางไวษณพก็ตาม
พระรามถูกมองว่าเป็นกษัตริย์ในอุดมคติ และ "รามราชยา" ถือเป็นตัวอย่างของธรรมาภิบาลที่ดี ดังนั้นวัดที่อุทิศให้กับท่านพระรามจึงอาจถูกสร้างขึ้นเพื่อมุ่งมั่นเพื่อความฝันในการปกครองในอุดมคตินี้อยู่เสมอ
องค์ประกอบของรูปแบบสถาปัตยกรรมวิชัยนครในระยะแรก
เทวาลัย Hazara Rama .. เดิมทีสร้างขึ้นในยุควิชัยนครตอนต้น เป็นโครงสร้างเรียบง่าย ประกอบด้วยเพียงห้องศักดิ์สิทธิ์ ห้องโถงเสาหลัก และอรรธะมันตปะ ต่อมาได้ปรับปรุงโครงสร้างเทวาลัยให้มีระเบียงเปิดโล่งและเสาหลักสวยงาม
เมื่อเปรียบเทียบกับเทวาลัยอัมมานในบริเวณเดียวกัน ซึ่งที่สร้างขึ้นในภายหลังและมีองค์ประกอบทางสถาปัตยกรรมวิชัยนครตอนปลาย วัดนี้ดูเรียบง่ายกว่ามาก
แรงบันดาลใจเบื้องหลังการออกแบบวัด Hazara Rama
เทวาลัยแห่งนี้เป็นหนึ่งในตัวอย่างที่ดีที่สุดของเทวาลัยสไตล์ Dravida-Vimana style ... วิมานขนาดเล็ก ในแบบดินแดนทมิฬถูกเพิ่มเข้ามาในจักรวรรดิวิชัยนครในช่วงเวลานี้
.. และดูเหมือนว่าวัดนี้จะได้รับแรงบันดาลใจอย่างมากจากสถาปัตยกรรมของวัดทมิฬ ดังที่เห็นได้จากความต่อเนื่องของหอคอยที่ลดน้อยลงเหนือสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ และแม้แต่แนวคิดเรื่องเครือเถาชั้นใต้ดินและแผงหินสลักบนผนัง ก็มาจากแนวคิดนี้
โครงสร้างที่สวยงามของวัดฮาซาราพระราม
เราเดินทางมาตามถนนที่ทอดยาวไปสู่บริเวณวัด .. ซึ่งบรรยายไว้ในคำจารึกสมัยศตวรรษที่ 16 ว่าถนนสายนี้เป็นที่รู้จักในนาม "ถนนตลาดสดขนาดใหญ่" เทวาลัยที่เรากำลังจะไปชมจึงไม่เพียงเกี่ยวข้องกับขบวนแห่และงานเฉลิมฉลองของราชวงศ์เท่านั้น แต่ยังเกี่ยวข้องกับงานของพลเมืองและในเมืองเช่นเดียวกับตลาดอีกด้วย
วัดมีสนามหญ้าทอดยาวทางด้านทิศเหนือ .. บนแนวกำแพงสูง 24 ฟุต มีภาพประติมากรรมนูนต่ำนูนสูงแสดงถึงกิจกรรมในราชสำนัก เช่น ขบวนแห่ทางทหารและศาสนา ภาพการเฉลิมฉลองมหานาฟมี ขบวนช้าง ม้า นาฏศิลป์ ทหาร นักรบ นักดนตรี ...
.. ที่สื่อถึงลักษณะทางทหารของความเป็นกษัตริย์ที่วิชัยนครา ซึ่งแสดงออกด้วยประติมากรรมของกองกำลังทหาร และสตรีเต้นรำบนผนังเป็นภาพที่กำลังดำเนินต่อร่างกษัตริย์ที่นั่งอยู่ในศาลาที่มีลักษณะคล้ายเทวาลัย .. การแสดงกีฬา เช่น นักมวยปล้ำปล้ำ นักเต้นเคลื่อนไหว และการแสดงผาดโผนก็แสดงให้เห็นเช่นกัน นักวิชาการแย้งว่าสิ่งเหล่านี้สื่อถึงความแข็งแกร่งและทักษะในการต่อสู้ของผู้รับใช้กษัตริย์ โดยเน้นย้ำถึงภาพนูนต่ำนูนสูงของอำนาจของจักรวรรดิ .. กำแพงรวมจึงเป็นการถวายเกียรติแด่กษัตริย์
มีประตูใหญ่ 2 บานที่ให้เข้าถึงบริเวณวัดด้านในได้
คอมเพล็กซ์ของวัดประกอบด้วยเทวาลัย Hazara Rama และเทวาลัยย่อย 2 แห่ง .. กลุ่มอาคารเทวาลัยยังมีเฉลียงทางเข้าทางทิศเหนือและทิศใต้ด้วย มีห้องศักดิ์สิทธิ์ ห้องโถง ห้องเต้นรำที่มีเสาหลัก Kalyan Mandpam และเทวาลัยในเครือ ทั้งหมดบรรจุอยู่ใน Parkrima ที่ล้อมรอบด้วยกำแพงสูง
วัดนี้สร้างขึ้นในสามส่วนที่แตกต่างกัน ได้แก่ มหามันดาปะ - โถงเสาเปิดด้านหน้า, อาดมันทาปะ - ห้องโถงปิดที่คล้ายกันตรงกลาง และ thegarbhagriha ด้านหลัง
ศิลปะที่เล่าเรื่องรามเกียรติ์ที่แกะสลักบนผนังวัด Hazara Rama
กำแพงล้อมรอบบริเวณคอมเพล็กซ์ด้านใน มีชื่อเสียงในส่วนของแผงแสดงเรื่องราวของมหากาพย์รามเกียรติ์บนผนังของเทวาลัย .. มีลายสลักแกะสลักสามชั้นเป็นภาพนูนต่ำนูนหนาที่บรรยายเรื่องราวของรามเกียรติ์ โดยแต่ละแผงแสดงภาพตอนสำคัญหนึ่งตอน
.. ขณะที่เรากำลังเดินไปรอบๆ เราก็จะรู้สึกเหมือนได้เยี่ยมชมนิทรรศการศิลปะที่ได้รับแรงบันดาลใจจากเรื่องรามเกียรติ์ที่แกะสลักไว้บนหิน มีแผงทั้งหมด 108 แผง และเรื่องราวต้องอ่านจากซ้ายไปขวาและจากล่างขึ้นบน
งานแกะสลักรามเกียรติ์เริ่มต้นด้วยปราชญ์ วัลมิกิ เล่าเรื่องรามเกียรติ์ให้กษัตริย์ที่ประทับนั่งฟัง .. มีแผงแสดงภาพ Ahilya Udhhar .. การหักธนูของ Parshuram .. พระรามไปที่ Vanvas.. พระ รามตามกวางทอง (มาริช) .. ทศกัณฐ์บังคับลักพาตัวนางสีดา .. พระรามฆ่าวาลี .. หนุมานพบกับนางสีดามอบแหวนของพระรามให้กับพระนาง .. และสุดท้ายสิ้นสุดที่พิธีราชาภิเษกของรามที่อโยธยา
หลังจากเดินชมเรื่องราวรามายะนะอย่างเพลิดเพลินจบลง .. เราจึงสรุปได้ทันทีว่าการพรรณนามากมายเกี่ยวกับพระรามเป็นเหตุให้วัดแห่งนี้เป็นที่รู้จักในชื่อ “วัดฮาซาราพระราม” ซึ่งหมายถึง พระรามพันร่าง
วัดนี้อยู่ในแนวแกนกับสถานที่ที่เกี่ยวข้องกับเวลาที่พระรามใช้ในเมืองฮัมปี คิชกิณธาในขณะนั้น .. จากระเบียงทิศเหนือมองเห็นเนินเขา Matanga และจากทางเข้าประตูทิศตะวันออกมองเห็นเนินเขา Malyavanta
อย่างไรก็ตาม อาจจะมีเหตุผลอื่นที่แนะนำสำหรับชื่อนี้ .. ว่ากันว่า คำว่า “วัดฮาซาราพระราม” อาจเป็นความคลาดเคลื่อนของคำภาษาเตลูกู “ฮาซารามู” ซึ่งหมายถึง ผู้ชมหรือโถงทางเข้าของพระราชวัง ชื่ออันเนื่องมาจากที่ตั้งอันเป็นเอกลักษณ์ของวัด
ภาพนูนบรรยายเรื่องรามเกียรติ์บนผนังด้านในของผนังวัดที่จัดเรียงตามเข็มนาฬิกา สอดคล้องกับพิธีเวียนวน ฉากขบวนแห่ที่ด้านนอกก็เป็นไปตามทิศทางนี้เช่นกัน
มีการเสนอแนะว่ารูปแบบรัศมีที่ศูนย์กลางนี้ทำให้ความหมายแฝงทั้งสองส่วนของวิหารสมดุลกัน: ในขณะที่กำแพงรวมถวายเกียรติแด่กษัตริย์ ส่วนวิหารด้านในก็ปลุกเร้าการบูชาพระรามและท้ายที่สุดก็เชื่อมโยงสิ่งเหล่านี้เข้าด้วยกันในการแสดงออกถึงแนวคิดเรื่องความเป็นกษัตริย์ที่กล้าหาญและศักดิ์สิทธิ์
ภายในวิหารมีเสาแกะสลักอย่างวิจิตรงดงาม แท่นเปล่าที่มีสามรูแสดงว่าวัดนี้เคยมีรูปเคารพของพระราม พระลักษมณ์ และนางสีดา ภายในกลุ่มวัดมีเทวาลัยเล็กๆ ที่มีการแกะสลักบนผนังที่คล้ายคลึงกัน
เพิ่มเติมเพียงอย่างเดียวคือมีภาพวาดของพระวิษณุอยู่บนผนังของเทวาลัยแห่งนี้ด้วย วัดแห่งนี้เป็นตัวอย่างของงานฝีมืออันยอดเยี่ยมของประติมากรของวิชัยนครา
ผนังด้านนอกของเทวาลัยตกแต่งด้วยเสาที่มีเสาและมีประติมากรรมอยู่ภายใน .. มณฑปแบบเปิดเป็นส่วนต่อเติมของศตวรรษที่ 16 และนำไปสู่ระเบียงทางเข้า ภายในวัดส่วนใหญ่ไม่มีการตกแต่งใดๆ เลย ยกเว้นเสาที่แกะสลักอย่างวิจิตรงดงามสี่เสาตรงกลาง แท่นว่าง 3 อันตั้งอยู่ภายในการ์บากริหะ เดิมทีอาจมีรูปพระราม พระลักษมณ และนางสีดา ซึ่งปัจจุบันสูญหายไปแล้ว
ศาลอัมมาน และกัลยาณะ-มณฑป
ศาลอัมมานในเครือและกัลยาณมณฑปได้รับการเพิ่มเติมในกลุ่มวัดในเวลาต่อมา ซึ่งเห็นได้จากข้อเท็จจริงที่ว่า แผงรามเกียรติ์บางส่วนเคยถูกซ่อนไว้ด้านหลังด้านในของกำแพงลาน แผงบนศาลเจ้าอัมมานมีการแกะสลักรูปอวตารของ Narsimha แต่ยังมีการสานต่อเรื่องรามเกียรติ์ต่อไปด้วยการเพิ่มตอน Lava-Kusa
วัด Hazara Rama จากด้านใน
หลังจากเดินชมรอบๆ วัด เราก็ย้ายเข้าไปข้างใน ในอารธมันดาปัม ความสนใจของเราถูกดึงไปที่เสาหินขนาดใหญ่ที่ขัดเงาอย่างประณีตสี่เสาในหินสีดำ - ถ้าให้พูดเจาะจงก็คือ โดเลอไรต์ เนื่องจากไม่พบโดเลไรต์ในส่วนนี้ของคารานาทากะ วัสดุหินสำหรับเสาเหล่านี้จึงอาจนำมาจากกรณาฏกะตะวันตก
เสาแกะสลักอย่างประณีตของมหามณฑปมีภาพนูนต่ำนูนของอวตารทั้งเก้าของพระวิษณุ - บัลกฤษณะ, นรสิมหา, วราหะ แม้กระทั่งพระพุทธเจ้าและอวตารในอนาคตกาลกี ซึ่งมักเป็นภาพขี่ม้าถือจักระ สังข์ ดาบ และโล่ในแต่ละมือทั้งสี่ของพระองค์
นอกจากการจุติเป็นอวตารของพระวิษณุแล้ว พระพิฆเนศและเทวีทุรคาในอวตารของพระมหิศสุรมาร์ดินี ก็ถูกแกะสลักไว้บนเสาเหล่านี้ด้วย
เดิมทีพระรามเป็นที่สักการะในโถงถ้ำ แต่ตอนนี้ว่างเปล่าและประตูสู่ถ้ำถูกล็อค
เสาหินสีดำขัดเงาโดดเด่นท่ามกลางสภาพแวดล้อมสีชมพู และให้ความรู้สึกเย็นสบายในวันที่อากาศร้อนอบอ้าว นั่นเป็นสาเหตุที่สถาปนิกใช้เสาเหล่านี้และวัสดุโดเลอไรต์ภายในวิหารหรือไม่?
ความเป็นเอกลักษณ์ของเทวาลัยฮาซาราพระราม
เทวาลัย Hazara Rama มีเอกลักษณ์ในหลายด้าน .. สิ่งแรกที่ดึงดูดความสนใจเกี่ยวกับเทวาลัยคือชื่อ คำว่า 'Hazara Rama' หมายถึงพระรามหนึ่งพัน เนื่องจากมีแผงรามเกียรติ์มากมายบนผนังของเทวาลัย
กำแพงบริเวณวัดสนับสนุนการเชื่อมโยงกับพิธีกรรมของราชวงศ์อย่างยิ่ง ภาพนูนต่ำนูนสูงแสดงถึงกองกำลังทหารราบและทหารม้า ขบวนช้าง ม้าและผู้เข้าร่วม และสตรีเต้นรำ ภาพเหล่านี้มีความคล้ายคลึงอย่างใกล้ชิดกับงานเฉลิมฉลองประจำปีมหานาวามีที่วิชัยนครา
Mahanavami เป็นพิธีกรรมของรัฐที่เฉลิมฉลองชัยชนะและอำนาจของกษัตริย์ โดยมีตัวอย่างผ่านร่างของพระราม ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของความเป็นกษัตริย์ในอุดมคติ รวมถึงการบูชาเทพธิดาแห่งการต่อสู้ เชื่อกันว่าวัด Hazara Rama แท่นใหญ่ที่อยู่ใกล้เคียง และโถงร้อยเสาเป็นสถานที่หลักในเทศกาล Mahanavami
วัด Hazara Rama ยังคงเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญที่ Hampi
- 2
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
