22 พ.ย. 2023 เวลา 03:10 • ไลฟ์สไตล์

การลงทุนแบบไทยๆ

การเก็งกำไรดูจะไม่ใช่เรื่องที่คนไทยโดยทั่วไปมีความชำนิชำนาญนัก   แต่ไหนแต่ไรมาไทยเราเป็นชาติเกษตรกรรม  คนที่ไม่ได้เป็นเกษตรกรก็มักต้องไปทำงานรับจ้างหรือทำมาค้าขายโดยไม่ได้มุ่งหวังความร่ำรวยอาจจะถือว่าความมั่งมีเป็นเรื่องเกี่ยวพันกับบุญวาสนา,การได้อยู่ในเศรษฐกิจเพื่อการยังชีพที่เน้นการแลกเปลี่ยนสิ่งของยิ่งกว่าเงินตรามาอย่างยาวนาน  และอาจจะใช้ชีวิตกันโดยไม่ดิ้นรนขวนขวายอะไรนักด้วยคิดว่าความสบายคือความสุข
ใครที่อยากมีความสุขเเบบนี้นานๆและค่อนข้างมีฐานะก็มักนิยมปลูกบ้านสร้างห้องให้คนเช่าเป็นกิจการเล็กๆส่วนตัว   ไม่ได้คิดไกลในทางธุรกิจ  การทำกิจการประเภทร่วมหุ้นลงทุนทำเป็นโครงการ คนไทยที่ทำก็มักมีเชื้อสายจีน
ผู้ที่มีเบี้ยน้อยก็มักลงทุนเล็กๆเช่นเปิดร้านขายของที่เน้นให้มีสินค้ามากมายซึ่งตอนนี้นิยมเรียกว่าร้านโชห่วย เเละร้านขายข้าวแกงและอาหารตามสั่ง ขายในตลาดบ้าง เดินขายนั่งขายตามริมทางบ้าง ขายของกันเพื่อเลี้ยงตัวเลี้ยงครอบครัวไม่ได้มุ่งกำไรเป็นกอบเป็นกำ
ร้านรวงต่างๆมักไม่ติดเครื่องปรับอากาศหรือตกแต่งร้านให้สวยเพื่อเรียกลูกค้า  แต่ก็ต้องการค้าขายได้อย่างอุ่นใจคือแค่เพียงขายได้  ก็อาจตั้งของขลังไว้หน้าร้านเช่นนางกวัก
แล้วบวงสรวงด้วยน้ำอัดลมสีแดงตามที่เชื่อกันว่าเทพโปรดจะได้ช่วยเรียกลูกค้ามาให้
ร้านข้าวแกงบางที่ทำอาหารโดยไม่ได้มีฝีมืออะไรเลย  คือแค่ทำเป็นไม่ได้คิดว่าจะต้องทำรสชาติให้อร่อยจนลูกค้าติดใจจะได้เปิดสาขาเพิ่ม ถ้าอยากขายดีหน่อยก็อาจไปขอซื้อสูตรจากร้านที่มีชื่อแล้วติดป้ายชื่อร้านของต้นตำรับโดยไม่เคยมีประสบการณ์ทำงานที่นั่นมาก่อน ต้องการเพียงอาศัยชื่อเสียงเรียงนามของร้านนั้นทั้งๆที่มาจากการซื้อขาย
ผู้เขียนก็เคยถามร้านอาหารที่แม่ครัวมีฝีมือว่าเคล็ดในการทำอาหารอร่อยคืออะไร ก็มักได้คำตอบว่า ขึ้นอยู่กับคนทาน คือถ้าลูกค้าคิดจะทานให้อร่อย มันก็อร่อย 
แต่ถ้ามโนว่าอาหารจะต้องเป็นอย่างนั้นอย่างนี้   มันก็ไม่อร่อย  จริงๆแล้วแม่ครัวอาจรู้สึกว่า การชี้แจงแถลงไขในเรื่องการปรุงอาหารเป็นเรื่องยุ่งยากไม่จำเป็นอะไร  แต่ผู้เขียนเชื่อว่าบางคนคิดเช่นนั้นจริงๆว่า คือถ้าลูกค้าไม่เรื่องมาก จะทานอะไรย่อมทานได้อร่อยทั้งนั้น
ค่านิยมแบบไทยๆดูจะไม่ให้คุณค่าต่อการทำให้เงินตรางอกเงยขึ้นมานัก 
สำนวนสุภาษิตในเรื่องทรัพย์สิน ผู้เขียนก็ไม่เคยได้ยินคำกล่าวใดจะเกี่ยวข้องกับการลงทุนเลยไม่ว่าจะเป็น ไก่ได้พลอย,  วานรได้แก้ว,
ยื่นแก้วให้วานร  ซึ่งหมายถึงของมีค่านั้นไร้ความหมายกับผู้ที่ไม่ได้เห็นคุณค่า  
สำนวนที่กล่าวถึงทัศนคติในเรื่องการลงทุนที่นึกได้ก็เป็นเพียงทำกันในระบบแลกเปลี่ยนคือยื่นหมูยื่นแมว  นอกนั้นก็เป็นเพียงการรักษาผลประโยชน์เช่น
 เรือล่มในหนอง เงินทองจะไปไหน
คำเปรียบเปรยดังกล่าวไม่ได้บ่งบอกถึงการลงทุนที่หวังกำไร  อีกทั้งคำกล่าวแบบไทยๆถึงทรัพย์สินในทางที่ไม่ชื่นชมนักก็มีเช่นเกียรติยศสำคัญกว่าเงินทอง, เงินทองของนอกกาย,  มีทองเท่าหนวดกุ้งนอนสะดุ้งจนเรือนไหว ภูมิปัญญาเเบบไทยๆจึงอาจไม่ได้เน้นเพื่อการหาทรัพย์หรือทำให้ทรัพย์สินงอกเงยขึ้นมา
เมืองไทยเราเปิดประเทศค้าขายกับชาติตะวันตกไม่นานนักเนื่องจากสยามประเทศปลายสมัยรัชกาลที่4 ต้องรับมือกับลัทธิล่าอาณานิคม  เราจึงทำการค้าขายในประเทศโดยวิธีการแลกเปลี่ยนสินค้ามาอย่างยาวนาน   แต่เราต้องเรียนรู้ในเรื่องเงินไว้ เพราะโลกของเงินตรามีความเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง  ต้องเกาะกระแสการใช้เงินในรูปแบบใหม่ๆ  อย่างน้อยก็จะได้ไม่ตกข่าว
ถ้าอยากค้าขายให้ได้เงินดีหวังกำไรงามๆ เราชาวไทยคงต้องดูศึกษาด้านการตลาดของสินค้านั้นให้ดี ต้องหาที่ปรึกษาที่รู้กว้างรู้จริงจะได้เข้าถึงลูกค้า ไม่ใช่เอาเเต่คุยกับคนใกล้ชิดที่ไร้ประสบการณ์และความถนัด โดยที่พอใครจะทำอะไรใหม่ๆ ก็มักพูดทัดทานไว้ก่อน เลยเกิดขัดแย้งกันไปก็มี
ในโลกยุคปัจจุบัน คนรุ่นใหม่อาจจะหาข้อมูลการลงทุนจากเวบไซต์กูเกิลและโซเชียลมีเดียหรือมิตรสหายมากกว่าคนในครอบครัว ในกรณีนี้ คงไม่ใช่เรื่องที่ชาวไทยเราต้องเสียความรู้สึกแต่ประการใด
โฆษณา