กองทุน TESG คืออะไร? ควรเลือกลงทุนอย่างไร?
ล่าสุดเราก็ได้กองทุนลดหย่อนภาษีตัวใหม่ออกให้เลือกซื้อกันแล้ว โดยเมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน 2566 ทางครม.ได้อนุมัติกองทุนเป็นที่เรียบร้อย และคาดว่าทางแต่ละบลจ.น่าจะเริ่มออกขายกองทุนได้ตั้งแต่ 1ธันวาคม 2566 เป็นต้นไป วันนี้เรามาดูรายละเอียดของกองทุน และหาวิธีเลือกกองทุนที่น่าลงทุนกันครับ
1. TESG คืออะไร?
ถ้าจะพูดกันแบบสั้นๆกองทุนนี้ก็คือ LTF แบบเดิมที่..
- ลดวงเงินซื้อได้เหลือไม่เกิน 30% ของรายได้ ไม่เกิน 100,000 บาท
- ต้องถือตรอง 8 ปีเต็ม แบบวันชนวัน
เช่นซื้อ 1 ธันวาคม 2566 จะไปขายได้ 1 ธันวาคม 2574
โดยเริ่มซื้อและลดหย่อนภาษีในปีนี้ได้เลย และจะซื้อได้ทุกปีไปถึง 2575
(ไม่ได้บังคับซื้อทุกปีแบบ RMF)
- กองทุนจะลงทุนเฉพาะในหุ้นที่ผ่านเกณฑ์ ESG (Environmental, social, and corporate governance) ซึ่งแสดงถึงความมีธรรมภิบาล
โดยปัจจุบันมีหุ้นที่ผ่านเกณฑ์ ESG จะมีราว 194 ตัว แต่คาดว่าการลงทุนจะอิงจากดัชนี SETTHSI ซึ่งการ Revise ล่าสุด มีหุ้น 114ตัว ซึ่งครอบคลุม 80% ของ SET
(ล่าสุดทางตลทกำหนดเปลี่ยนชื่อไปเป็น SET ESG Rating แต่ยังใช้เกณฑ์เดิม)
- เงินลงทุน TESG จะแยกออกจากส่วนของ RMF/SSF/เงินเกษียณอื่นๆ อีก 500,000บาท หมายความว่าหากเราลงทุนเพื่อลดภาษีสูงสุดจะซื้อได้รวมเป็น 600,000 บาท
2. ควรเลือกกอง TESG อย่างไร??
เนื่องจากเราทุกก็ทราบดีว่า ตลาดหุ้นไทยเป็นตลาดที่ "ไม่ค่อย" เติบโตหากย้อนไปดูผลตอบแทน 10ปีย้อนหลัง Set Index แทบจะไม่ให้ผลตอบแทน หลายๆคนที่ลงทุน LTF ที่หมดอายุปีนี้คงจะเห็นกองทุนขาดทุนเช่นกัน
**ดังนั้นแล้วการลงทุนในหุ้นไทยจึงไม่สามารถจะหวังเกาะแค่ดัชนีได้ หรือ ที่เรียกว่าเป็น Passive Investment
หากเราไปดูที่ดัชนี SETTHSI จะเห็นว่าสัดส่วนของหุ้นในดัชนีใกล้เคียงกับ SET50/SET100(หุ้นใหญ่ๆล้วนผ่านเกณฑ์ ESG) ดังนั้นผลตอบแทนจึงอาจจะออกมาใกล้เคียงกัน
*** ต้องเลือกกองทุน Active เลือกหุ้นให้ชนะ
ในเมื่อเราคาดหวังกับ Set index ได้น้อย เราต้องหาว่ากองทุนไหนล่ะ??
ที่จะชนะตลาดในระยะยาว
ส่วนตัวผมคิดว่าเราสามารถใช้ข้อมูลของกอง LTF ในรอบระยะเวลา 7-8ปี เพื่อเป็นแนวทางบลจ.ไหนทำผลงานได้ดีที่สุด เพราะลักษณะการลงทุนแม้จะต่างกันบ้างแต่กอง ESG ก็สามารถเลือกหุ้นได้คล้ายๆ LTF
TOP 5 กองทุน LTF รอบ 7ปี
1. TDSLTF กองทุนเปิด ทิสโก้ ดิวิเดนด์ ซีเล็ค หุ้นระยะยาว
ผลตอบแทน 4.96% ต่อปี
2. LHSMARTLTF กองทุนเปิด แอล เอช สมาร์ท หุ้นระยะยาว
ผลตอบแทน 4.74% ต่อปี
3. ASP-GLTF กองทุนเปิดแอสเซทพลัสหุ้นระยะยาวทวีกำไร
ผลตอบแทน 4.68% ต่อปี
4. TMSLTF กองทุนเปิด ทิสโก้ Mid/Small Cap หุ้นระยะยาว
ผลตอบแทน 4.30% ต่อปี
5. TISCOLTF กองทุนเปิด ทิสโก้ หุ้นระยะยาว
ผลตอบแทน 2.94% ต่อปี
จะเห็นได้ว่าในรอบ 7ปีที่ผ่านมาในขณะที่ SET ให้ผลตอบแทนเพียง 0.06% ต่อปี มีกอง LTF หุ้นที่ทำผลตอบแทนได้สูงกว่าอย่างมาก
หากเราจะเลือกกอง TESG อาจจะเลือกใช้บลจ. หรือ ทีมกองทุนเหล่านี้เป็นตัวเลือกลงทุนได้ครับ
ในส่วนที่กองทุนเองก็สามารถลงทุนในตราสารหนี้ได้แต่ต้องเป็นตราสารหนี้ ESG หรือ Green ทำให้คาดว่ายังไม่มีปริมาณมากพอและกองน่าจะยังลงทุนหุ้นเป็นหลัก
3. ผลกระทบของกอง TESG
เหตุผลหนึ่งที่ทำให้หุ้นไทย ได้ผลตอบแทนน้อย และถูกกองทุนต่างชาติชี้นำได้ง่ายเพราะว่า เม็ดเงินในมือกองทุนลดลง หากเราไปดูข้อมูลช่วง LTF
- LTF จะมีเม็ดเงินไหลเข้ากองทุนหุ้นไทยราว 3หมื่นล้านต่อปี และมียอดสะสมกว่า 3.5-4 แสนล้านบาท
- เมื่อกองทุน LTF เริ่มหมดอายุกองทุนกลับมีเงินไหลออกจาก LTF ราว 1 หมื่นล้านบาทต่อปี
- กองทุน SSF สร้างเม็ดเงินลงทุนในหุ้นไทยได้น้อยกว่าเพียง 1-1.5 หมื่นล้านต่อปี
*** จะเห็นได้ว่ายอด SSF ทำได้เพียงประคองเงินไหลออก LTF เท่านั้น เมื่อเงินในมือกองทุนน้อยหุ้นไทยจึง "ถูกกระทบ" จากกองทุนต่างชาติที่มักลงทุนระยะสั้นๆได้ง่าย ผิดกับกองทุนไทยที่ลงทุนระยะยาวจะซื้อเก็บหุ้น และทำให้มีแนวโน้มที่ราคาจะสัมพันธ์กับพื้นฐานมากกว่าแค่ Fund Flow
- ทาง FETCO คาดหวังจะได้เม็ดเงินราวๆ 1 หมื่นล้านต่อปีจาก TESG และน่าจะทำให้เม็ดเงินของกองทุนไทยเป็นบวกมากขึ้น
- เนื่องจากเงินจะลงทุนได้เฉพาะหุ้นที่ผ่านเกณฑ์ ESG จึงเป็นแรงกระตุ้นให้ บริษัทต่างๆเร่งทำ ESG อย่างจริงจัง และอาจจะสร้างผลกระทบเชิงบวกกับมุมมองด้านสิ่งแวดล้อมของประเทศ
4. ผลต่อการเลือกหุ้น
สำหรับนักลงทุนที่เลือกหุ้นเอง เราคาดได้เลยว่าจะมี "เงินใหม่" เข้ามาซื้อหุ้น ESG แน่ๆ ดังนั้นเราสามรถทำการบ้านได้ว่า มีหุ้นไหนน่าสนใจ ที่น่าจับตามองผมคิดว่าจะเป็น
- หุ้นราคาถูก ปันผลดีๆ
- หุ้นเล็กพื้นฐานดีราคาไม่แพง
เนื่องจากที่ผ่านมาตลาดอาจจะขาดสภาพคล่อง แต่เมื่อมีเงินใหม่เข้ามา โดยเฉพาะกองทุน active ย่อมมี impact ต่อหุ้นเหล่านี้ได้ครับ
รายชื่อหุ้นที่อยู่ใน SETTHSI
- 1
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2024 Blockdit
