24 พ.ย. 2023 เวลา 12:24 • นิยาย เรื่องสั้น

นิยายแมว เริ่มจากร้าย กลายเป็นรัก

"นางมนุษย์ผู้นี้เหรอที่จะมาเป็นทาสรายต่อไปของพวกเรา" 'เสือใหญ่' เมนคูนตัวผู้ที่มีลวดลายเหมือนเสือแถมหน้าตาก็ยังดูเหมือนเสือแต่แววตาดูอ่อนโยนกว่าเสือนิดหน่อย เส้นขนที่หางของมันเรียงเส้นยาวสยายเป็นพวงพุ่มแตกช่อออกมาเป็นทางสวยงาม
(แมวเมนคูนเป็นสายพันธุ์แมวขนาดใหญ่ที่สุดในโลก รูปร่างแข็งแรงกำยาและขาแข็งแรง หัวทรงเหลี่ยม ใบหูใหญ่และตั้งตรง ขนด้านนอกมีลักษณะยาวหนาเป็นมันและกันน้ำได้ดี มีขนชั้นในซ่อนอยู่ข้างใต้ ส่วนขนที่หัว คอและไหล่จะสั้นกว่าจุดอื่นแต่จะค่อย ๆ ยาวขึ้นเรื่อย ๆ บริเวณส่วนหลัง ข้างลำตัวและหาง ส่วนท้องกับสะโพกมีขนดกและหนา ที่โคนหูจะมีขนยาวเป็นพู่งามสง่า
โดยแมวเมนคูนเพศผู้จะมีขนส่วนนี้หนากว่าเพศเมีย ส่วนขนที่หางจะยาวนุ่มสลวย บริเวณปลายหูจะมีขนยาวแซมออกมา เช่นเดียวกับบริเวณอุ้งเท้า มองผ่าน ๆ เหมือนใส่รองเท้าขนฟูหุ้มอีกชั้น แมวเมนคูนเป็นแมวสายพันธุ์ที่เพาะเลี้ยงออกมาได้หลายสี มากกว่า 30 สีเลยทีเดียว ส่วนสีตาอาจมีสีเขียว ทองหรือทองแดง แต่ถ้าแมวสีขาวอาจมีตาสีฟ้าหรือตาสองสีก็ได้)
เครดิตข้อมูล : https://www.purina.co.th/find-a-pet/cat-breeds/maine-coon
เสือใหญ่พูดกับปุกปุย แมวสาวตัวอ้วนกลมที่มีตาสีฟ้ามีขนสีขาวทั้งตัวขนของเธอดกหนานุ่มน่ากอดที่สุด
(แมว บริติช ช็อตแฮร์ (British Shorthair) หนึ่งในสายพันธุ์แมวที่เก่าแก่ที่สุดของประเทศอังกฤษ มีขนหนานุ่มน่ากอด ถึงจะอยู่แบบเงียบๆ แต่ก็เข้ากับทุกคนได้ง่าย) เครดิตข้อมูล : https://www.purina.co.th/find-a-pet/cat-breeds/british-shorthair
และเบาหวิวแมวสาวตัวเล็กสุดเธอมีขนสีขาวสลับดำ จมูกสั้นที่มีน้ำตาไหลเกือบจะตลอดเวลา ดูไปดูมาก็น่าสงสาร หน้าตาก็ดูมู้ตู้แต่มองอีกทีก็น่ารักดีนะ ใครกันที่เป็นคนต้นคิดสร้างสายพันธุ์แมวที่ตาโตกลมบ็อก แต่ให้มันต้องมีน้ำตาไหลออกมาตลอดเวลา แถมจมูกก็สั้น สั้นจนน่ากลัวว่าพวกมันจะหายใจไม่ออก
เจ้าแมวสาวทั้งสองคอยติดตามเสือใหญ่ไปทุกที่ เอ่อ ก็แค่ในบริเวณบ้านนั่นแหละ
( เอ็กโซติก ช็อตแฮร์เป็นแมวสายพันธุ์ที่พัฒนามาจากเปอร์เซียรุ่นขนสั้น เอ็กโซติกมีความคล้ายคลึงกับเปอร์เซียในหลายๆ ด้าน รวมถึงลักษณะนิสัยและรูปร่าง จมูกแบนและหน้า ยกเว้นขนสั้นหนาแน่น สายพันธุ์เอ็กโซติกโดยทั่วไปมีอายุได้ 12-15 ปี เอ็กโซติก ช็อตแฮร์ที่มีอายุยืนที่สุดเป็นอันดับสองที่รู้จักมาจากซิดนีย์)
"ข้าไม่ชอบนางเลยจริง ๆ "
เสือใหญ่ยังคงไม่ไว้ใจในนางทาสคนใหม่ ผู้ที่จะมาคอยรับใช้ หาอาหาร ขนม และแปรงขน เช็ดหน้า เช็ดตา เช็ดตัว ทั้งยังเก็บขี้เก็บเยี่ยวให้มันอีก ไหนจะงานยิบย่อยอีกสารพัดไม่ว่าจะเป็นการซักล้างทำความสะอาดแผ่นปูกันทรายหรืออาหารเม็ดหก กระบะทรายเอย กระปุกอาหาร และน้ำพุนั่นอีก อ้อ ของเล่นมากมีที่นายท่านนำมาบรรณาการแก่พวกมันอีกสารพัด
"นางมีกลิ่นของแมวบ้านนอกด้วยแหละพี่เสือใหญ่" ปุกปุยรีบสำทับเอาใจเสือใหญ่
"ฉันก็ไม่ค่อยชอบเลย ดูท่าทางเจ้ากี้เจ้าการ แถมยังพูดจาเสียงดัง พูดมากอีกต่างหาก"
"นั่นนะสิ นางกล้าดุนายน้อยของพวกเราด้วยนะ จะว่าไปถึงนายน้อยจะแกล้งจะรังแกไล่เหยียบหางฉัน ไล่เตะตีฉันก็เถอะ พอเห็นนางทาสคนใหม่เถียงกับนายน้อยฉันนี่นะอยากฝากรอยเล็บที่หน้าของนางสักครั้งเหมือนกัน นางกล้าดียังไงกัน นางทาสคนก่อน ๆ ทุกคนต่างก็ยอมนายน้อยกันหมด นางทาสคนใหม่สงสัยจะเป็นคนบ้าแน่ ๆ เลยที่ไม่รู้จักเจียมเนื้อเจียมตัว ไม่รู้สถานะของตัวเองหรือยังไงกันนะ " ปุกปุยรีบเข้าข้างเบาหวิว แล้วเม้าท์ต่ออย่างออกรส
"นี่นะวันแรกก็ทำเป็นดี เป็นเอาใจ อยากจะเข้ามาจับหัวลูบหางฉันแล้ว อี๊ นางมนุษย์ทาส ฝันไปเถอะ" 
ปุกปุยพูดแล้วเชิดหน้าสวย ๆ ของนางขึ้นไปหาเสือใหญ่ที่นั่งปัดหางที่มีขนนุ่มฟูยาวสลวยไปมาอยู่บนโต๊ะอาหาร
"ข้ามีแผน" เสือใหญ่มองมาทางสองสาวอย่างเจ้าเล่ห์
"เดี๋ยวก่อนพี่เสือใหญ่ คือว่าเรื่องนี้ เราควรต้องปรึกษากับปริ้นเซสก่อนไหม ฉันไม่อยากมีปัญหากับนาง"
เบาหวิวพูดแล้วทำหน้าเศร้า เพราะเธอกับปริ้นเซสไม่ค่อยถูกคอกันเท่าไหร่
"เรื่องนี้นางมนุษย์คือศัตรูของพวกเราซึ่งต้องหาวิธีกำจัดให้เร็วที่สุด และปริ้นเซสก็ฉลาดที่สุด ถ้านางยอมร่วมมือด้วยก็จะดี"
"ข้าจะว่าอะไรได้ล่ะ นางก็ไล่ตะเพิดข้าอย่างกับแค้นกันมาสิบชาติเหมือนกัน" เสือใหญ่พูดแล้วส่วยหน้าเอือมระอากับพฤติกรรมของปริ้นเซสที่เอาแต่ใจ จมอยู่กับความสูญเสียจนมองว่าทุกคนเป็นศัตรู นางยอมอยู่ผู้เดียวอย่างโดดเดี่ยว แต่ไม่ยอมเล่นกับใครเลย
"เอาอย่างนี้ เดี๋ยวฉันจะลองพูดกับปริ้นเซสเอง" ปุกปุยอาสาเจรจาหาแนวร่วม แม้ว่าเธอเองก็ไม่ค่อยจะเข้าหน้ากับปริ้นเซสสักเท่าไหร่ แต่ก็ถือว่าพอเข้าใกล้กันได้มากกว่าพี่เสือใหญ่กับเบาหวิว
"ถ้าอย่างนั้นเรื่องนี้ยกให้ปุกปุยจัดการนะ ข้าฝากด้วย"
"ค่ะพี่เสือใหญ่"
"ฉันฝากด้วยนะปุกปุย ถ้าเป็นไปได้ ฉันอยากบอกกับปริ้นเซสว่า เราเป็นเพื่อนกันได้นะ"
"จ้ะ ๆ ฉันเข้าใจ ฉันก็อยากเล่นกับปริ้นเซสเหมือนกัน ไม่รู้ว่านางจะตรอมใจไปอีกนานแค่ไหน ทั้ง ๆ ที่เรื่องที่เกิดขึ้นก็ไม่ใช่ความผิดของพวกเรา"
"เรื่องนั้นคงต้องใช้เวลา ตอนนี้มาช่วยกันหาวิธีแกล้งนางมนุษย์ทาสกันก่อนดีกว่า ภารกิจนี้พวกเราต้องร่วมมือกัน"
พี่เสือใหญ่สรุปวาระการประชุม
"เจ้าทั้งสองแยกย้ายกันไปทำงานได้แล้ว ส่วนข้าจะคอยสังเกตการณ์นางมนุษย์ผู้มาใหม่นี่เอง"
ตั้งแต่นั้นมาเสือใหญ่ก็เดินตามนางมนุษย์ทาสผู้มาใหม่ทุกวัน วันแล้ววันเล่าที่เสือใหญ่เฝ้าสังเกตการณ์ว่านางมนุษย์ทาสผู้นี้จะทนรับความประสาทแดกได้อีกสักกี่วัน
"เบาหวิว มานี่มา เดี๋ยวฉันเช็ดน้ำตาให้" นางทาสผู้มาใหม่สังเกตเห็นว่าที่ตาทั้งสองข้างของเบาหวิวมีน้ำตาไหลออกมาตลอดทาง บางครั้งนางก็สะบัดออกเอง ทำให้พื้นบ้านที่เพิ่งจะเช็ดถูทำความสะอาดเกิดรอยเปื้อนเป็นสีน้ำตาลเป็นดวง ๆ
"ต้องแปรงขนทุกวันใช่ไหมเรา" เมื่อเช็คน้ำตาออกให้เบาหวิวออกหมดแล้วนางก็แปรงขนให้เธอต่อ หลังจากนั้นก็นวดบริเวณต้นคอและเกาคางให้นางอีก ทำให้เบาหวิวเคลิ้มไปกับรสสัมผัสที่เธอถวิลหาจากนายท่าน มาดาม และนายน้อย ผู้ที่เลี้ยงดูเธอมาและได้ชื่อว่าเป็นเจ้าของ หากแต่พวกเขาแทบไม่เคยปรนนิบัติเบาหวิวอย่างเช่นที่นางทาสผู้มาใหม่นี้ทำให้เธอเลย
"เบาหวิว เธออย่าไปหลงกลนางมนุษย์นั่นเด็ดขาดเลยนะ" เสือใหญ่เดินมาคำรามใส่เบาหวิว จนทำให้เธอสะดุ้งตกใจ กระโดดหนีจากไปจากมือที่แสนอบอุ่นนั้นทันที
"ฉันเปล่าสักหน่อย แต่นางนวดเก่งใช้ได้เลยนะพี่เสือใหญ่"
เสือใหญ่ต้อนเบาหวิวไปที่อีกมุมหนึ่งของบ้านแล้วต่างก็นอนหมอบกับพื้นมองออกไปทางหน้าต่างบานใหญ่ที่เปิดประตูกระจกออกไว้ให้ลมพัดเข้ามาได้ และปิดม่านมุ้งลวดเอาไว้ไม่ให้พวกเขาออกไปข้างนอกได้ รวมถึงป้องกันสัตว์ชนิดอื่น ๆ เข้ามาในบ้านเช่นกัน
"เจ้าเบาหวิว โธ่เอ๋ยนึกว่าตัวใหญ่ ที่ไหนได้ตัวเล็กจิ๋วลิ๋วอย่างกับหนูขาดสารอาหาร นี่ดีนะที่ยังมีขนหนา ๆ ฟู ๆ ถึงทำให้ดูว่าตัวใหญ่" นางแปรงขนให้เบาหวิวไปบ่นไปตามประสาคนขี้บ่น
"นางทาสคนใหม่ เหมือนนางรู้ภาษาของพวกเราเลยนะพี่เสือใหญ่ พี่ว่าป่าว" เบาหวิวชวนเสือใหญ่คุย แต่เสือใหญ่กลับอ้ำอึ้งที่จะตอบ
"ข้าก็ไม่แน่ใจ" เสือใหญ่พูดไม่เต็มปากเต็มคำนัก ทุกครั้งที่เขามองนาง แล้วนางก็หันมายิ้มให้ เขาไม่ค่อยชอบใจเท่าไหร่นัก
ยิ่งเวลาที่นางพยายามจะยื่นมือมาลูบขนที่แผงคออันสง่างามของเขาด้วยแล้วเสือใหญ่จะกระเถิบถอยหนีออกห่างทันที
มันเหมือนว่าหากเขายอมให้นางได้สัมผัสตัวแล้วอาจมีบางอย่างเปลี่ยนไป เขาเองก็ไม่แน่ใจนัก
แต่ยิ่งตามเฝ้าตามดูนางมนุษย์ทาสคนใหม่ก็ยิ่งทำให้มันรับรู้ได้ถึงความรู้สึกบางอย่าง เหมือนมีคนกำลังเคาะประตูหัวใจของมันอย่างนั้นแหละ ซึ่งเสือใหญ่จะไม่ยอมเปิดมันเด็ดขาด
"หัวใจนี่มอบแด่นายท่าน มาดามและนายน้อยไปแล้ว" เสือใหญ่สรุปให้กับห้วงความคิดของตัวเอง พร้อมกับเมินหน้ามองไปทางอื่น
"ปุกปุยถึงคิวของเจ้าแล้ว มาแปรงขนค่ะลูกขา"
นางทาสคนใหม่พูดขึ้นพร้อมกับจับปุกปุยมานั่งแปรงขนให้อย่างเบามือ นางแปรงขนไปก็ลูบหัวน้อย ๆ ของปุกปุยไปด้วย
"ปุกปุยเราแลกกันนะ จะได้ไม่ติดค้างกัน ฉันดูแลเธอ เธอก็ต้องตอบแทนฉันด้วยการเพอร์เข้าใจไหม"
นางแปรงขนไปพร้อมกัยส่งเสียงไอโขลก ๆ ใส่หน้าปุกปุยไปด้วยเพราะยังเป็นหวัดไม่หายสักที
"ฝันไปเถอะนางคนบ้า เธอมีสิทธิ์อะไรมาต่อรองกับฉัน เรามันคนละระดับกัน เธอมารับใช้พวกฉัน ก็ทำงานของเธอไปสิ จะมาต่อรองเอาอะไรอีก ชิส์"
ปุกปุยเมินหน้าหนี ไม่ยอมรับข้อเสนอที่นางทาสคนใหม่เรียกร้อง แต่เพราะมือที่แสนอบอุ่นของนางทาสผู้นี้ทำให้ปุกปุยเผลอตัวพลิกอีกด้านให้นางแปรงขนให้ต่อ แม้ใจจะบอกว่า "ไม่" แต่ก็แพ้ความสบายที่นางทาสมอบให้
"ถือว่าฉันหลอกใช้แกก็แล้วกันนางมนุษย์ทาส"
ปุกปุยยิ้มให้กับความคิดของตัวเอง แล้วยึดคางขึ้นไปให้นางเกาให้
"อื้อ ๆ ๆ รสมือนางดีกว่านายท่านสะอีกนะเนี้ย"
ปุกปุยเริ่มเหยียดขาอย่างสบายตัวที่ได้รับการเอาอกเอาใจจากนาง
"อะ แฮ่ม ปุกปุย" เสือใหญ่เดินเข้ามาด้อม ๆ มอง ๆ พร้อมกับเรียกชื่อปุกปุยเพื่อดึงสติของเธอ เมื่อเขาเริ่มเห็นว่าปุกปุยเริ่มจะมีแววตาอ่อนโยนให้กับนางทาสคนใหม่แล้วจึงต้องปลุกให้ตื่น
"พี่เสือใหญ่ อย่าตื่นเต้นไปหน่อยเลยนา ฉันแค่หลอกใช้นางก็แค่นั้นเอง ไม่มีอะไรหรอก แผนของเราต้องใช้เวลานะพี่"
ปุกปุยแสร้งทำเป็นมีแผนการณ์ทั้งที่ความเป็นจริงนั้นเธอแทบจะหมดความอดทนที่จะเก็บเสียงเพอร์ไม่ได้แล้ว ดีที่เสือใหญ่เข้ามาขัดขวางเอาไว้ทันเวลา
"อ้าว พี่เบิ้ม พี่ก็อยากแปรงขนกับเขาด้วยเหรอพี่ มา ๆ เดี๋ยวเกาให้ ขนเราไม่ค่อยร่วงนี่นา เกาคางก็พอนะ"
นางมนุษย์ทาสทักทายกับเสือใหญ่ที่มาจ่อต่อคิวจากปุกปุย แต่เสือใหญ่ก็ไม่รู้ว่าอะไรดลใจให้เขาเผลอปล่อยตัวให้นางทาสคนใหม่เกาคางให้ เพียงแค่อึดใจเดียวเสือใหญ่ก็สะบัดหลุดมือออกมา
"กล้าดียังไงมาจับตัวข้า นางมนุษย์ เจ้าจะล่อลวงข้าเหรอ ฝันไปเถอะ"
เสือใหญ่คำรามใส่นางก่อนจะวิ่งหายลับเข้าไปในห้องนอนด้วยใจตุ้ม ๆ ต่อม ๆ เขาต้องรีบสลัดความรู้สึกของหัวใจที่เต้นระรัวนั้นออกไปให้เร็วที่สุด
"สงสัยนางคนบ้านั่นอาจร่ายมนต์ดำใส่ข้าหรืออย่างไร" เขายังคงตั้งแง่รังเกียจเธอต่อไป
ความรักเป็นคลื่นพลังงานที่บริสุทธิ์ สวยงาม หากอยากได้ความรักจากใคร เราต้องให้ออกไปก่อน
ความรัก
วันต่อมา
"ฉันเป็นหวัดมาหลายวันแล้ว กินยายังไงก็ไม่หายสักที ขอคลื่นพลังงานแห่งความรักช่วยเยียวยารักษาฉันด้วยนะคะ"
เมื่อนางพูดจบแล้วจึงก้มศรีษะลงไปจรดกับกระหม่อมน้อย ๆ ของปุกปุยที่นอนมองนางอยู่บนคอนโดชั้นสาม ซึ่งเป็นที่ที่ปุกปุยชอบขึ้นไปนอนพักเพื่องีบหลับในตอนกลางวันและหนีจากการไล่เหยียบไล่ตีของนายน้อย ปุกปุยไม่ทันระวังตัวจึงเชื่อมจิตกับนางทาสคนใหม่ไปเป็นที่เรียบร้อย เธอส่งเสียงแห่งความรักที่มีพลังแห่งการเยียวยารักษาออกมาให้นางมนุษย์ผู้มาใหม่อย่างเต็มใจ
มือของนางมนุษย์ผู้นั้นลูบไล้ไปบนลำตัวที่มีขนสีขาวนุ่มลื่นมือของปุกปุยไปด้วย ยิ่งช่วยให้เธอส่งเสียงเพอร์ออกมาอย่างมีความสุข
"ทำยังไงได้ล่ะ ก็นี่มันหน้าที่ของเรานี่นา ถือว่าช่วยมนุษย์ตาดำ ๆ ให้หายจากอาการป่วยก็แล้วกันนางจะได้ไม่ต้องเก็บขี้แมวไปสั่งขี้มูกไปเหมือนทุกวัน"
ทั้งสองอยู่ในท่านั้นสักพักใหญ่
"ขอบคุณนะปุกปุย ขอบคุณที่ยอมปล่อยคลื่นเสียงแห่งการเยียวยารักษาให้ฉัน" นางกล่าวคำขอบคุณด้วยความซาบซึ้งใจ
"ได้แล้วก็ไปทำงานสินางคนบ้า พูดอะไรก็ไม่รู้ พูดมากจริง ๆ พูดเหมือนคนหิว พูดเหมือนคนขี้เหงา ฟังแล้วน่ารำคาญจริงเชียว แต่เอ๊ะ เมื่อกี้นางพูดคำว่าขอบคุณ คำนี้นายท่าน มาดาม นายน้อยไม่เคยพูดกับฉันเลย ฉันอยากได้ยินคำนี้จากพวกเขาบ้างจัง"
ปุกปุยสะดุ้งขึ้นมาจากความหลับใหลภายในจิต
"ภารกิจลับบนโลกใบนี้ของพวกเรา นางรู้เรื่องนี้ นางคนบ้านี้รู้ความลับของพวกเราได้ยังไง"
ปุกปุยเก็บความสงสัยไว้ในใจดวงน้อย ๆ พร้อมกับความตื่นเต้นที่กำลังเต้นระรัวในอกของเธอ
"ขอเพียงให้ฉันได้ช่วยใครสักคนบนโลกใบนี้ให้หายจากความเหงาเศร้าได้ ภารกิจของฉันก็ถือว่าสำเร็จ ฉันอุตส่าห์รอว่าเมื่อไหร่พวกนายท่านจะเรียกใช้งานฉันสักที ที่ไหนได้นางคนนี้เหรอคือภารกิจของฉัน โอ้ พระเจ้า"
ตั้งแต่นั้นมาเมื่ออยู่กันสองต่อสองปุกปุยก็มักจะเข้ามาคลอเคลียกับนางและส่งเสียงเพอร์ให้นางทุกครั้ง และนางเองก็ยินดีที่จะเกาคางให้ปุกปุยเป็นการตอบแทน หากแต่เวลาที่มีพี่เสือใหญ่หรือเบาหวิวอยู่ด้วยปุกปุยก็จะแกล้งทำเป็นไม่สนิท ไม่เข้าใกล้นางทาสคนใหม่เพื่อเอาพวกพ้องของเธอ แม้สายตาที่มองมานั้นจะมีแววของคำขอโทษอยู่แต่ก็เป็นเพียงชั่วครู่เท่านั้น
ตอนนี้ปุกปุยรู้สึกสับสนกับความคิดและความรู้สึกของตัวเองแต่ก็ไม่กล้าเอ่ยปากบอกกับใคร และยังคงทำตามแผนการณ์ที่ได้ร่วมวางแผนไว้กับพรรคพวกของเธอต่อไป
"ปริ้นเซส เธออย่าทำตาขวางใส่ฉันแบบนั้นสิ" ปุกปุยพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนหวาน พยายามหาทางหว่านล้อมปริ้นเซสให้มาเป็นพวกเดียวกัน
"ยังไม่หลบไปอีก อยากลองดีใช่ไหมปุกปุย"
ปริ้นเซสแยกเขี้ยวคำรามเสียงต่ำใส่ทันทีที่ปุกปุยเข้าใกล้ ทั้งยังยืนจ้องหน้าเตรียมกางกรงเล็บใส่ปุกปุยเต็มที่ แม้ว่านายท่านจะตัดเล็บให้เธอเป็นประจำ แต่ก็ไม่ได้ทำให้ความเกรี้ยวกราดของเธอลดน้อยลงเลย
(เปอร์เซีย เป็นแมวที่มีถิ่นกำเนิดอยู่ในแถบเปอร์เซีย หรืออิหร่าน ถูกนำไปเลี้ยงในประเทศต่าง ๆ ทั้งใน ยุโรปและอเมริกาเป็นเวลาเกือบร้อยปีมาแล้ว สำหรับประเทศไทยจัดเป็นแมวต่างประเทศ พันธุ์แรกที่ถูกนำมาเผยแพร่ เนื่องจากเป็นแมวที่มีอุปนิสัยอ่อนโยน สุขุมเข้ากับคนง่าย มี ความร่าเริงซุกซน ชอบประจบประแจงและมีไหวพริบ)
เครดิตข้อมูล : https://th.m.wikipedia.org/wiki
"ใจเย็นก่อนสิจ้ะปริ้นเซส ฉันแค่อยากจะมาขอความร่วมมือจากเธอนะ"
ปริ้นเซสมองตาขวางทั้งยังแยกเขี้ยวคำรามใส่ปุกปุยไม่หยุด
"ร่วมมืออะไร"
"คืออย่างนี้นะ พวกฉันกำลังวางแผนจะแกล้งนางคนที่มาใหม่นะ เธอจะเอาด้วยไหม"
"ยังไง" ปริ้นเซสลดโทนเสียงแห่งความกราดเกรี้ยวให้เบาลง เธอเองก็ไม่ค่อยชอบคนแปลกหน้าผู้มาใหม่มากนักเช่นกัน
"เราจะแกล้งให้นางร้องไห้วิ่งหนีกลับบ้านไปเลยนะสิ" ปุกปุยพูดไปยิ้มไปอย่างเจ้าเล่ห์
"ทำไมต้องทำอย่างนั้นด้วย นายท่านสั่งพวกเธอเหรอปุกปุย" ปริ้นเซสถามกลับมาอย่างสนใจ
"ไม่ใช่หรอก นายท่านเป็นคนพานางมาต่างหากเล่า แต่พวกเราเห็นว่านางดุนายน้อยของพวกเรา ก็เลยไม่ค่อยชอบหน้านางสักเท่าไหร่"
"นางก็ทำถูกแล้วนี่นา นายน้อยฤทธิ์เยอะจะตาย เธอก็เห็น อ้อ ถ้าจะพูดให้ถูก เธอก็โดนมาเยอะกว่าใคร ๆ ไม่ใช่เหรอ"
ปริ้นเซสยังคงให้ความยุติธรรมกับนางผู้มาใหม่และพูดความจริงตามสิ่งที่เกิดขึ้น เพราะปุกปุยนั้นเป็นที่รองมือรองตีนนายน้อยมาแต่ไหนแต่ไร
"แม้ว่าเธอจะยอมรับเรื่องนี้ได้ ไม่เคยคิดจะสู้กลับแม้สักครั้ง เพราะสำนึกในบุญคุณของนายท่านและมาดาม แต่การปล่อยให้นายน้อยใช้เธอเป็นที่ระบายอารมณ์ก็ไม่ถูกต้องนัก เพราะแทนที่นายน้อยจะเป็นเด็กที่มีจิตใจอ่อนโยนมีเมตตาต่อสัตว์เลี้ยงกลับกลายเป็นว่าสร้างบาปสร้างกรรมให้กับตัวเอง และยังบ่มนิสัยที่ไม่น่ารักอีก แทนที่จะได้ช่วยให้นายน้อยมีจิตเมตตากลายเป็นส่งเสริมให้นายน้อยมีจิตใจหยาบกระด้าง ซึ่งถ้าปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไป เธอจะกล้าพูดได้เต็มปากเต็มคำเหรอว่าตัวเองได้ตอบแทนบุญคุณนายท่านแล้ว"
สิ่งที่ปริ้นเซสกล่าวมานั้นทำให้ปุกปุยหน้าสลดลงทันที
"มันก็จริงของเธอนะ"
"ฉันนะ ไม่อยากยุ่งกับแผนการบ้า ๆ นี้ของพวกเธอหรอก แต่เอาเถอะ ครั้งนี้ถือว่าฉันจะทำตามที่ฉันเห็นสมควรก็แล้วกัน"
"ขอบใจเธอมากนะปริ้นเซส" ปุกปุยยิ้มตาหยีให้ปริ้นเซส แต่ปริ้นเซสกลับเชิดหน้าขึ้นอย่างถือตัว
"ฉันจะทำตามที่เห็นสมควร แล้วก็อย่าลืมไปบอกกับพรรคพวกของเธอว่าอย่าได้ใจ ห้ามเข้ามาใกล้ฉัน ต่างคนต่างอยู่ ต่างคนต่างทำงาน"
ปริ้นเซสพูดเสียงจริงจัง เธอไม่เคยลืมภาพความเจ็บปวดในอดีต และยังคงโทษว่าเป็นความผิดของทุกคน
"จ้า ๆ ฉันเข้าใจแล้ว"
"เข้าใจแล้วก็ไปสิ เสนอหน้าอยู่ได้"
ปริ้นเซสพูดจบแล้วสะบัดหน้าออกไปอีกทางทิ้งให้ปุกปุยหน้าเหวออยู่ตรงนั้นด้วยความรู้สึกที่บอกไม่ถูก
ปุกปุยกลับมารายงานความคืบหน้าให้เสือใหญ่กับเบาหวิวได้ฟัง
"ว่าไงบ้างปุกปุย ปริ้นเซสเอาด้วยไหม" เสือใหญ่ถามขึ้นมาทันทีที่เห็นหน้าปุกปุย
"สำเร็จค่ะพี่เสือใหญ่ นางเอาด้วย แต่มีข้อแม้ว่านางจะทำตามวิธีของนางให้ต่างคนต่างทำงาน ไม่ต้องข้องเกี่ยวกัน"
ในท้ายข้อความปุกปุยลดเสียงลงเบา ๆ
"แค่นี้ก็ดีมากแล้วนะฉันว่า" เบาหวิวรีบเข้ามาให้กำลังใจปุกปุยเพราะเข้าใจดีว่าการที่ปุกปุยอาสาไปพูดกับปริ้นเซสนั้นก็เป็นเรื่องที่ท้าทายอยู่เหมือนกัน ดีเท่าไหร่แล้วที่ไม่โดนนางข่วนหน้าให้
"จ้ะเบาหวิว"
"ถ้าอย่างนั้นเรามาแบ่งงานกันดีกว่า" เสือใหญ่พูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูก็รู้ว่าต้องไม่ใช่เรื่องที่ดีแน่ ๆ
"ฉันพร้อมแล้ว พี่เสือใหญ่ว่ามาเลย" เบาหวิวยื่นหน้าสั้น ๆ ของเธอเข้ามาใกล้ ๆ
"หน้าที่ของข้าคือคอยตามสอดส่องพฤติกรรมของนาง ส่วนเบาหวิวคอยสะบัดน้ำตาให้หกเลอะเรี่ยราดตามพื้น แล้วก็สะบัดขนออกไปให้ร่วงเยอะ ๆ ปุกปุยคอยโกยทรายในกระบะออกมาข้างนอกบ่อย ๆ รวมทั้งอาหารเม็ดในชามด้วย อ้อ น้ำพุนั่นมันหนักเกินไปปล่อยให้เป็นหน้าที่ของข้าเองก็แล้วกัน"
"ค่ะพี่เสือใหญ่" ทั้งสองสาวรับคำสั่งจากเสือใหญ่พร้อมกัน
"เริ่มงานได้เลยสาว ๆ" เสือใหญ่สั่งงานเสร็จแล้วก็ย่องไปดูนางผู้มาใหม่ทันที
ตอนนี้นางกำลังยืนอยู่หน้าเคาน์เตอร์ทำอาหารในครัว และแกะซองขนมแมวเลียเพื่อที่จะทำการผสมและแบ่งให้กับพวกมัน
"ใช่ซองนี้หรือเปล่านะสำหรับมื้อเย็น"
ปากก็บ่นไปมือก็หยิบกรรไกรมาตัดซองขนมแมวเลียแล้วรีดลงในชามที่เตรียมไว้
"แบ่งกันนะเด็ก ๆ อาจน้อยไปหน่อย ก็มันเป็นขนมอะเนอะ กินเยอะเกินไปก็ไม่ดี กินแค่พอให้ชื่นใจนะ"
"อย่าใส่น้ำเยอะเกินไปสินางทาส มันไม่อร่อย นั่นแหละ อย่างนั้น ใส่น้อย ๆ ก็พอ นางทาสคนก่อนใส่น้ำผสมลงไปเยอะเกิน ขนมดี ๆ กลายเป็นขนมอะไรก็ไม่รู้รสชาติผิดเพี้ยนรสจืดชืดอย่างกับน้ำเปล่า นี่ถ้าข้าไม่เกรงใจนายท่านนะ ข้าไม่กินหรอก"
เสือใหญ่ชะเง้อคอรอให้นางผสมอาหารให้ไป บ่นไป จนสองสาวที่วิ่งออกมาจากห้องยังต้องหยุดเท้าน้อย ๆ แล้วค่อย ๆ ชะเง้อคอยึดคอยาวมองตามมือของนางที่กำลังตักอาหารแบ่งให้เท่ากัน
"เร็ว ๆ หน่อยสิ ฉันหิวแล้ว" ปุกปุยยกขาหน้าขึ้นมาตะกายกับขาของนาง ส่วนเบาหวิวได้แต่ยื่นหน้ามู่ทู้มาส่องตาม
"อย่าลืมของฉันล่ะ"
"นั่งรอดี ๆ อย่าเดินวนไปมาสิพวกเธอ เดี๋ยวก็โดนฉันเหยียบหางเข้าหรอก"
นางยังคงพูดกับพวกมันอย่างกับว่าคุยภาษาเดียวกัน
"มากินขนมกันได้แล้วเด็ก ๆ"
"อื้ม ๆ อร่อยจัง กลมกล่อมกำลังดีเลย" เสือใหญ่กินไปชมไปไม่หยุดปาก
"ไม่อร่อยเลยอ่ะ" ปุกปุยลองชิมแล้วเดินหนีไปนอนอยู่มุมห้อง
"งั้นเดียวข้ากินเอง" เสือใหญ่กินขนมในชามของตัวเองอย่างเอร็ดอร่อยแล้วรีบกินขนทในชามของปุกปุยต่อจนหมด
"อ้าวปุกปุยเป็นอะไรนะ ทำไมถึงไม่กินขนม" นางลงไปนั่งข้าง ๆ แล้วยื่นมือขวาไปลูบหัวน้อย ๆ ของปุกปุยด้วยความเอ็นดู
"นางเป็นห่วงฉันด้วยเหรอเนี้ย ก่อนหน้านี้ไม่เคยมีใครสนใจเลยว่าฉันชอบอะไร ไม่ชอบอะไร ไม่เคยมีใครสังเกตเลยด้วยซ้ำ ฉันชอบวิธีที่นางลูบหัวแล้วเกาคางให้ฉันแบบนี้จัง มีความสุขกว่ากินขนมอีกนะแบบนี้"
ปุกปุยซาบซึ้งใจและรับรู้ได้ถึงความห่วงใยจากนาง ความรู้สึกแบบนี้ช่างอบอุ่นในหัวใจยิ่งนัก
"ฉันจะนอนหมอบแบบนี้ไปอีกสักพักก็แล้วกัน" ว่าแล้วปุกปุยก็ส่งเสียงเพอร์ออกมาให้นางจนได้
"ขอบใจนะปุกปุย" นางใช้ฝ่ามือทั้งสองข้างยกคางของปุกปุยขึ้นมาสบตากัน
"มีขี้ตาด้วยเหรอเนี้ย มาเดี๋ยวฉันเช็ดออกให้จะได้สวย ๆ ขนสีขาว ๆ นุ่ม ๆ มีขี้ตาเกรอะกรัง ดูแล้วไม่ค่อยเข้ากันเลยนะ ว่าไหม"
ทุกเช้าปุกปุยจะกระโดดจากคอนโดชั้นสามลงมาที่เตียงนอนของนางแล้วส่งเสียงเพอร์ออกมาให้นางอย่างเงียบ ๆ หากแค่นั้นก็เพียงพอแล้วที่ช่วยให้นางมีเช้าวันอันสดใส
"ขอบใจนะปุกปุยที่มาช่วยปลุกฉันในตอนเช้าแถมยังส่งเสียงแห่งการรักษาเยียวยาให้ฉันอีกด้วย"
ปุกปุยแอบทำภารกิจลับของเธอไปเงียบ ๆ หากแต่บอกกับเสือใหญ่และเบาหวิวว่า
"นี่คือวิธีการแกล้งเป็นการรบกวนการนอนของนาง
"ปุกปุยเธอทำอะไรของเธอนะ ฉันเห็นเธอปล่อยคลื่นแห่งการรักษาให้นางด้วย นี่อย่าบอกนะว่าเธอ"
เบาหวิวที่คอยตามปุกปุยสังเกตเห็นความผิดปกติบางอย่างของปุกปุย ปกติแล้วนางจะนอนตื่นสายกว่าใครเพื่อน แต่ช่วงนี้ปุกปุยตื่นขึ้นมาก่อนพี่เสือใหญ่ แล้วยังจะลงไปที่เตียงนอนของนางทาสด้วย
"ฉันก็กำลังแกล้งนางไง" ปุกปุยสะดุ้งสุดตัวเมื่อเบาหวิวกระโดดมาดักหน้าของเธอไว้ แม้ว่าเบาหวิวจะตัวเล็กกว่าเธอมาก แต่ถ้าหากมีใครกล้ามารังแกเบาหวิวแล้วละก็พี่เสือใหญ่พร้อมออกโรงปกป้องทันที เรื่องนี้เขารู้กันทั้งบ้าน
"มีอะไรกันเหรอสาว ๆ" เสือใหญ่วิ่งเข้ามายืนข้าง ๆ เบาหวิวเพื่อปกป้องน้องเล็กสุดของบ้านทันที
"ฉันกำลังแกล้งนางนะสิพี่เสือใหญ่ แต่เบาหวิวเข้าใจผิดซะอย่างนั้น" ปุกปุยแก้ต่างให้ตัวเองด้วยเสียงสั่น ๆ
"ถ้าฉันเข้าใจผิด ก็ขอโทษนะปุกปุย" เบาหวิวไม่อยากให้เสือใหญ่ไม่สบายใจจึงตามน้ำไปกับปุกปุยทั้งที่เธอเองนั้นก็เห็นกับตามาหลายวันแล้วว่าแท้จริงนั้นปุกปุยทำอะไรอยู่
"ถ้าอย่างนั้นก็ดี ถือว่าเธอเริ่มงานก่อนใครเพื่อนเลยนะปุกปุย"
"ค่ะพี่เสือใหญ่"
"นั่น ๆ นางตื่นแล้ว พวกเรารีบเผ่นลงจากเตียงกันเถอะ"
เบาหวิวบอกกับทุกคน แล้วกระโดดออกมายืนรอที่ประตูห้องนอนทันที
"เลี้ยงแมวนี่ดีจริง ๆ เป็นนาฬิกาปลุกได้ด้วย ขอบใจนะเด็ก ๆ"
นางตื่นขึ้นมาแล้วออกไปจับปริ้นเซสเก็บไว้ในกรงก่อนจะกลับมาเปิดประตูให้เจ้าสามตัวได้ออกไปวิ่งเล่นที่ลานกว้างในบ้าน เสือใหญ่วิ่งขึ้นไปนั่งบนโซฟาตัวใหญ่ เบาหวิวรีบวิ่งไปที่จานอาหาร ส่วนปุกปุยยังยืนเหยียดขารอให้นางกลับเข้ามาหาแล้วก็ซุกหัวป้อม ๆ ของตัวเองเข้ากับขาของนางอย่างเอาใจ
"ไปเล่นกับเพื่อนนะปุกปุย"
นางนั่งลงแล้วเกาคางให้ปุกปุยก่อนจะลูบหัวให้ตามไปเบา ๆ
ปุกปุยเดินออกมาข้างนอกแล้วออกไปนั่งที่ริมหน้าต่างชมวิวธรรมชาติข้างนอก สูดดมอากาศยามเช้าที่แสนสดชื่น กลิ่นไอดินลอยมาแตะจมูกน้อย ๆ ทำให้เธอเชิดหน้าขึ้นไปรับกับสัมผัสนั้นอย่างสุขใจ ละอองหมอกลอยเรื่อย ๆ เอื่อย ๆ หายลับไปกับสายลม
ปุกปุยครุ่นคิดถึงความฝันเมื่อรุ่งสาง ท่านผู้การจากดาวแมวมาส่งข่าวกับเธอว่า องค์ราชาและองค์ราชินีขอแสดงความยินดีกับเธอด้วย ตอนนี้ภารกิจของเธอสำเร็จแล้ว ในความฝันนั้นท่านผู้การได้มอบมงกุฎแมวและตราสัญลักษณ์แห่งดาวแมวให้เธอ
"องค์ราชาและราชินีฝากมาให้เธอนะปุกปุย"
"ให้ข้าเหรอเจ้าคะท่านผู้การ องค์ราชาและองค์ราชินีประทานสิ่งนี้ให้ข้าเหรอเจ้าคะ"
ปุกปุยยังคงลังเลที่จะรับของรางวัลนั้น
"รับไว้สิ" ท่านผู้การจากดาวแมวยืนยันคำตอบ
"ข้า เอ่อ…"
"อย่าสงสัยในความดีสิปุกปุย"
"ข้าไม่ได้สงสัยในความดี หากแต่ว่าข้าทำไม่ดีกับนางด้วยเจ้าค่ะท่านผู้การ" ปุกปุยสารภาพความผิดที่ยังคงคั่งค้างในใจ
"นางหาได้แค้นเคืองเจ้า ใยเจ้ายังไม่ให้อภัยในความผิดพลาดของตัวเองบ้างล่ะ"
"เจ้าค่ะท่านผู้การ"
"ทั้งเจ้าและนางรวมถึงผู้อื่นล้วนมีสิ่งที่ต้องเรียนรู้ เข้าใจ และบททดสอบที่จะต้องผ่านให้ได้ เรื่องนี้เจ้าเข้าใจหรือไม่"
"เจ้าค่ะ ข้าเข้าใจแล้วเจ้าค่ะท่านผู้การ"
"ถ้าอย่างนั้นก็รับรางวัลของเจ้าไปสิ"
"ขอบพระทัยองค์ราชาและองค์ราชินี"
ปุกปุยย่อขาหน้าทั้งสองข้างลงไปถวายความเคารพต่อรางวัลที่อยู่ตรงหน้าก่อนจะรับมากอดไว้แนบกับอก
"เสร็จธุระแล้ว ข้าคงต้องขอตัวกลับก่อนนะปุกปุย"
"ขอบคุณท่านผู้การที่เมตตาข้าเจ้าค่ะ เดินทางโดยสวัสดิภาพนะเจ้าคะ"
"อื้ม ขอบใจเจ้ามาก รักษาตัวนะ แล้วเจอกันที่ดาวแมวของเรา"
"เจ้าค่ะ" ปุกปุยกล่าวคำอำลากับท่านผู้การด้วยหัวใจที่พองโตกับรางวัลที่ได้รับจากองค์ราชาและองค์ราชินีแห่งดาวแมว รางวัลอันทรงเกียรติในการลงมาทำภารกิจบนโลกมนุษย์ของเธอ ปุกปุยยิ้มให้กับความฝันนั้นจนลืมไปกินขนม
"ปุกปุยวันนี้กินขนมให้อร่อยนะ"
นางเอาชามขนมมาวางให้ตรงหน้าของปุกปุย ยิ่งทำให้ปุกปุยรู้สึกซาบซึ้งใจกับการที่นางให้ความใส่ใจและปฏิบัติต่อเธออย่างดี วันนี้ปุกปุยกินขนมหมดชามเกลี้ยง แม้จะเป็นขนมที่เธอไม่เคยชอบ แต่หากคนที่นำมาให้คือนาง ปุกปุยก็จะกินเพื่อตอบแทนน้ำใจของนาง และนางจะได้ไม่ต้องลำบากใจกับการที่ต้องรายงานนายท่านว่าเธอไม่กินขนมอีกแล้ว
"ปุกปุยวันนี้กินขนมหมดเกลี้ยงเลยเหรอ ปกติเธอไม่ชอบขนมยี่ห้อนี้นี่นา" เสือใหญ่ที่ยังไม่อิ่มวิ่งวุ่นไปมาเพื่อดูว่าชามขนมใครมีเหลือบ้างจะได้จัดการให้เรียบ แต่ผลปรากฏว่าในชามขนมของปุกปุยสะอาดเหมือนไม่เคยมีขนมเทใส่ในชามมาก่อนหน้านั้น
"วันนี้ฉันหิวนะพี่เสือใหญ่" เธอยังคงไม่กล้าเอ่ยปากบอกความจริงกับเสือใหญ่อีกเช่นเคย
"น่าจะเหลือไว้ให้ข้าบ้าง สักหน่อยก็ยังดี"
"พี่เสือใหญ่ก็เห็นแก่กินไปได้" เธอพูดขำ ๆ กลับไป
"ก็ข้าตัวใหญ่ ใช้พลังงานเยอะ ก็ต้องกินเยอะเป็นธรรมดา"
เสือใหญ่ตอบกลับแล้วขำแก้เขินให้กับความตะกละของตัวเอง
"มื้อต่อไปนะพี่"
"อื้ม ๆ ข้าก็พูดไปเรื่อย เจ้ากินให้อิ่มเถอะ" เสือใหญ่หันหลังจากไป แล้ววิ่งมาที่จานของเบาหวิว
"ของฉันก็หมดแล้วเหมือนกันค่ะพี่เสือใหญ่"
"ช่วงนี้พวกเธอกินเก่งกันจังเลยนะ"
"ก็ขนมยี่ห้อนี้มันอร่อยนี่นา ฉันได้ยินนางพูดกับมาดามว่า นำเข้ามาจากประเทศญี่ปุ่นเลยนะพี่" เบาหวิวพูดแล้วเลียปากแพล็บ ๆ
"คงอร่อยจริง ๆ สินะ ปุกปุยก็กินเกลี้ยงชามเลย" เสือใหญ่เห็นด้วยกับเบาหวิว
"ฉันอิ่มจัง ขอพักก่อนนะพี่เสือใหญ่" เบาหวิวว่าแล้วก็นอนลงไปกับพื้นบ้านแล้วยกขาหน้าขึ้นมาเลียทำความสะอาด เสือใหญ่เห็นแล้วก็เข้ามานอนลงใกล้ ๆ แล้วก็ยกขาหน้าขึ้นมาเลียเหมือนกัน
"ช่วงนี้เธอไม่ได้สะบัดน้ำตาบ้างเลยเหรอเบาหวิว" เสือใหญ่หยุดการเลียขนอันยาวนุ่มสลวยของตัวเอง แล้วตั้งคำถามกับเบาหวิว
"จะสะบัดได้ยังไงคะพี่เสือใหญ่ นางจับฉันเช็ดน้ำตาทั้งวัน บางทีนะ น้ำตาของฉันยังไม่ไหลเลย นางก็เดินมาจับหน้าของฉันให้เงยขึ้นแล้วพูด ๆ บ่น ๆ อะไรของนางก็ไม่รู้ เสร็จแล้วก็เช็ดหน้าให้ฉัน พอเช็ดหน้าให้ฉันเสร็จ นางก็เกาคาง นวดกระหม่อมให้ฉันด้วย"
1
เบาหวิวพูดไปเรื่อยเปื่อยตามประสาของเธอโดยไม่ได้หันไปสังเกตสีหน้าของเสือใหญ่ที่มีบางอย่างเปลี่ยนไป ความรู้สึกบางอย่างที่เคยหนักหน่วงอยู่ในใจของเสือใหญ่คล้ายดั่งว่ามันบรรเทาเบาบางลง
'ตั้งแต่เมื่อไหร่' เสือใหญ่ย้อนมาตั้งคำถามกับใจตัวเอง แล้วก็พลันคิดถึงความฝันตอนรุ่งสางขึ้นมา
"หรือจะเป็นความจริง" 
เสือใหญ่ถอนหายใจขึ้นมาเมื่อคิดย้อนไปในการกระทำของตัวเอง
"เสือใหญ่พวกเจ้าสนุกกันพอหรือยัง" เสียงของท่านผู้การดังขึ้นมาทำให้เสือใหญ่สะดุ้งตื่น
"ท่านผู้การ มายังไงครับเนี่ย" เสือใหญ่กล่าวทักทายกับท่านผู้มาจากดาวแมวอย่างนอบน้อม
"มาธุระแถวนี้แหละ เลยแวะมาดูพวกเจ้าสักหน่อย ได้ข่าวว่าช่วงนี้เล่นอะไรสนุก ๆ กันอยู่" ท่านผู้การหลิ่วตาให้เสือใหญ่
"ท่านครับ เล่นอะไรกันเหรอครับ" เสือใหญ่ถามกลับไปพร้อมเสียงหัวเราะเจื่อน ๆ ในลำคอทั้งยังก้มหน้ามองพื้นไปอีก
"แผนการแกล้งนางมนุษย์ผู้นั้นที่เจ้าเป็นคนต้นคิด เจ้าคิดว่านี่คือสิ่งที่พวกเจ้าสมควรทำหรือ นี่ใช่ภารกิจที่พวกเจ้าลงมาทำหรือเปล่าเสือใหญ่" ท่านผู้การไม่อ้อมค้อมอีกต่อไป เพราะต้องไปหาแมวตัวอื่น ๆ อีกมาก
"ท่านผู้การ ผมขอโทษ ผมผิดไปแล้วขอรับท่าน" เสือใหญ่พูดน้ำเสียงเศร้า ๆ
"รู้แล้วใช่ไหมว่าอะไรควร หรือไม่ควร"
"ขอรับท่าน ผมผิดไปแล้ว ได้โปรดอย่าให้โทษแก่พวกเราเลยนะครับท่าน ปุกปุยกับเบาหวิวแค่ทำตามที่ผมสั่ง อย่าลงโทษพวกนางเลยนะครับ"
"เสือใหญ่ เจ้าจงฟังข้าให้ดี เราทุกคนล้วนมีภาระหน้าที่ มีสิ่งที่ต้องทำตามวิถีแห่งชีวิต นางมนุษย์ผู้นั้นก็มีชะตาชีวิตของตัวเอง ภารกิจของนางที่ต้องมาที่นี่ก็เพื่อปลดปล่อยปมปัญหาในใจนายน้อยของพวกเจ้า จงอำนวยความสะดวกให้นาง ส่งเสริมและสนับสนุนนาง เข้าใจไหม"
"ขอรับท่านผู้การ"
ท่านผู้การมองมายังเสือใหญ่ที่ตอนนี้ได้แต่ทำหน้าสำนึกผิดในการกระทำของตน ทั้งยังเกรงว่าปุกปุย เบาหวิวและปริ้นเซสจะถูกลงโทษไปด้วยอีก
"มีคำกล่าวหนึ่งที่มนุษย์ยังคงให้ความสำคัญสืบต่อกันมา เจ้าอยากรู้ไหมว่าคืออะไร"
"ครับท่าน"
"พบเจอกันคือโชคชะตา จากลากันคือหมดวาสนา หากได้กลับมาคือพรหมลิขิต"
ท่านผู้การหยุดคำกล่าวนั้นไว้แล้วเดินไปมารอบ ๆ เสือใหญ่
"เมื่อมีโอกาสได้มาพบเจอกัน จงสร้างทำความดี มีจิตเมตตา เอื้ออารีย์ เกื้อหนุน ค้ำจุนต่อกัน เพื่อส่งเสริมวาสนา หากแม้ต้องจากลา เราจะได้ไม่ติดค้างกันอีกต่อไป แม้ไม่ได้กลับมาพบ แต่เมื่อใดที่คิดถึงก็มีแต่ความสุขใจ ในโลกมนุษย์นั้นความสุขใจคือของขวัญอันล้ำค่า คือสวรรค์ ตอนนี้พวกเจ้ายังมีโอกาสแก่ตัวนะเสือใหญ่"
ท่านผู้การกล่าวยิ้ม ๆ ไม่ได้เคร่งเครียดมากนัก
"ขอรับท่านผู้การ ผมเข้าใจแล้วครับ"
"เอาล่ะ ข้ามาเพื่อนเตือนสติเจ้าแค่นี้แหละ หวังให้เจ้าจำภารกิจของตัวเองได้ แล้วอย่าหลงในความสุขสบายบนโลกนี้มากนัก"
"ขอรับท่าน"
"ดีมาก ถ้าอย่างนั้น ข้าคงต้องขอลาสักที ขอให้เจ้าโชคดีนะเสือใหญ่"
"เดินทางปลอดภัยนะครับท่านผู้การ"
"อืม ขอบใจเจ้ามาก"
หลังจากนั้นท่านผู้การได้แวะมาหาปริ้นเซสและบอกกล่าวข่าวดีให้แก่เธอ
"ปริ้นเซส แม่สาวน้อยผู้ที่เคยอ่อนหวาน ตอนนี้ใยเจ้าเปลี่ยนไปมากนักนะ"
"ท่านผู้การ ท่านมาอย่างไรเจ้าคะ" ปริ้นเซสรีบลงไปย่อเข่าถวายความเคารพต่อท่านผู้การผู้ที่มาจากดาวแมวอย่างอ่อนน้อม กิริยาที่เธอแสดงต่อท่านผู้การนั้นงดงามดั่งเจ้าหญิง
"เจ้ายังคงงดงามเสมอ สมกับชื่อของเจ้า" ท่านผู้การกล่าวชมด้วยใบหน้าที่เปี่ยมเมตตา
"ข้ามาที่นี่เพื่อจะปลดปล่อยความทุกข์ในใจเจ้า มันนานเกินไปแล้วลูกเอ๋ย ที่เจ้าปล่อยให้ความทุกข์เกาะกินหัวใจของเจ้า" ปริ้นเซสได้ยินดังนั้นก็น้ำตาไหลพรากทันที
"ท่านค่ะ ข้าก็ไม่รู้จะทำเช่นไร"
"หากเจ้าห่วงว่าน้องสาวของเจ้าจะทุกข์ร้อนละก็ ขอให้เจ้าวางใจ ปลดปล่อยความคิดเคียดแค้นชิงชังออกจากหัวใจของเจ้าเถิด"
ท่านผู้การยื่นมือมาวางบนหัวของปริ้นเซสที่ตอนนี้ยังก้มหน้าสะอื้นอยู่
"น้องสาวของเจ้าสบายดี นางฝากคำทักทายและความรักความปรารถนาดีมาให้เจ้าด้วยนะ นางรอเจ้าอยู่ที่บ้านของเรา เจ้าจงวางใจ และมีชีวิตที่มีความสุขบนโลกนี้เถิด เปิดหัวใจของเจ้าอีกครั้งนะปริ้นเซส"
"นางสบายดี ไม่เจ็บไม่ปวดแล้วใช่ไหมคะ" ปริ้นเซสเงยหน้าขึ้นมา ในหน่วยตายังคงรื้นไปด้วยน้ำตาแห่งความอาดูรที่มีต่อน้องสาวผู้ที่จากเธอไปก่อนวัยอันควรเพราะโรคร้าย
"นางมีความสุขดี และรอเจ้าอยู่ วางใจเถิด"
"เจ้าค่ะ"
"ต่อไปนี้เจ้าจงมีความสุขนะปริ้นเซส"
"เจ้าค่ะ"
"ข้าแวะมาบอกเจ้าแค่นี้แหละ ข้าไปแล้วนะ รักษาตัวด้วย แล้วเจอกันที่บ้านของเรานะ"
"ขอบคุณท่านผู้การเจ้าค่ะ ขอให้ท่านเดินทางปลอดภัยนะเจ้าค่ะ ข้าคงส่งท่านได้เพียงเท่านี้" ปริ้นเซสย่อตัวลงอีกครั้ง แล้วท่านผู้การก็หายไป
"ฉันจะตอบแทนน้ำใจของนางได้อย่างไรบ้างนะ"
ในตอนบ่ายที่ปุกปุยนอนหมอบอยู่บนคอนโดที่พักของเธอแล้วความคิดหนึ่งก็พุดขึ้นมาในใจ
"ถ้าความฝันนั้นเป็นความจริง ซึ่งฉันก็รู้ว่ามันคือความจริง ฉันควรต้องทำอะไรสักอย่างให้สมกับที่องค์ราชาและราชินีมีเมตตาประทานของรางวัลมาให้ในครั้งนี้"
ปุกปุยลุกขึ้นมายืนแล้วยึดแขนเหยียดขาบิดขี้เกียจเพื่อให้ลำตัวป้อม ๆ ของเธอได้ผ่อนคลายบ้าง การบิดตัวของเธอส่งให้ขนสีขาวที่นางมนุษย์ผู้นั้นแปรงให้ทุกวันขึ้นเป็นลอนเงางาม เมื่อเหยียดตัวเสร็จแล้วปุกปุยจึงเดินออกไปข้างนอกห้อง เธอตัดสินใจทำบางสิ่งเพื่อตอบแทนน้ำใจของนาง
“นี่คือส่วนหนึ่งในความเป็นพวกเรา คือสิ่งที่มนุษย์เชื่อว่าจะนำมาซึ่งความโชคดีในทุกด้าน ฉันให้เธอนะ”
ปุกปุยสลัดหนวดสีขาวที่ยาวที่สุดของเธอออกมาหนึ่งเส้นแล้ววางไว้ในกล่องที่เธอชอบเข้าไปนอนเล่น
“นี่คือของขวัญจากฉัน  ขอให้นางได้มาพบและเข้าใจในสิ่งนี้ด้วยเถิด”
วันนั้นปุกปุยนอนเล่นอยู่ในกล่องอย่างมีความสุข
ตอนเช้าที่แสนวุ่นวายเมื่อนายน้อยเข้าไปรื้อเอากล่องมาเล่นซนตามประสาของเด็ก “น้องนายขอกล่องให้พี่นะคะ นี่เป็นของใช้ ไม่ใช่ของเล่น”
นางขอที่ครอบกล่องคืนจากเด็กน้อย แต่เขากลับหัวเราะใส่นาง แล้วเอาที่ครอบกล่องนั้นมาสวมที่คอแล้วเดินไปมาหัวเราะชอบใจ นางคิดว่าปล่อยให้เด็กน้อยเล่นตามใจไปสักพักพักเดี๋ยวก็คงเบื่อเอง แทนที่จะตามไปดุแล้วเอาที่ครอบกล่องกลับคืนมาจึงนั่งลงแล้วใช้ผ้าขี้ริ้วเช็ดทำความสะอาดกล่องใบนั้น
เมื่อเช็ดรอบ ๆ กล่องเสร็จแล้วนางจึงโกยเศษฝุ่นในกล่องขึ้นมา แต่สิ่งที่ทำให้หัวใจของนางพองโตในเช้าวันอันแสนวุ่นวายนี่ก็คือ นวดแมวสีขาวยาวสวย ที่ติดมือมาด้วยนั่นเอง
“พระเจ้า ขอบคุณสำหรับของขวัญในเช้าวันนี้ค่ะ”
นางบอกกับตัวเองเบา ๆ แล้วหันไปยิ้มให้กับเด็กน้อยที่กำลังเล่นซนอยู่ข้าง ๆ ‘หากเขาไม่มาเล่นซนเปิดเอาที่ครอบกล่องใบนี้ออกไปเล่น ฉันก็คงไม่ได้มาเช็ดถูทำความสะอาดอย่างนี้ คงไม่ใช่เรื่องบังเอิญที่พาให้ฉันได้มาพบกับของขวัญชิ้นนี้’ นางรำพึงรำพันในใจอย่างรู้สำนึก
“ขอบคุณสำหรับของขวัญนะคะ” เธอกล่าวคำขอบคุณออกมาจากความรู้สึกซาบซึ้งที่เกิดขึ้นอย่างล้นใจ แต่เด็กน้อยก็ไม่ได้สนใจอะไร ยังคงเล่นสนุกตามประสาของเขาต่อไป ‘ไม่ว่าของขวัญชิ้นนี้จะมาจากใคร ฉันก็ขอบคุณนะคะ' เธอเก็บหนวดแมวนั้นห่อใส่ในแผ่นกระดาษแล้วเก็บใส่ในกระเป๋าเสื้อ ใบหน้าเปี่ยมด้วยรอยยิ้ม
😻 หมายเหตุ :ความเชื่อเรื่องหนวดแมว
หนวดของแมวเป็นเส้นขนที่ยาว และมีความหนาแน่น มีลักษณะเรียวแหลม มีทั้งหมด 24 เส้น แบ่งข้างล่ะ 12 เส้น
หนวดแมวมีไว้สำหรับช่วยแมวในการรับรู้สิ่งต่าง ๆ รอบตัว สามารถรับรู้แรงสั่นสะเทือนในอากาศได้ ช่วยให้แมววัดระยะทางหรือทิศทางได้ ช่วยในการสัมผัสกับวัตถุและสิ่งต่าง ๆ รอบตัว ช่วยให้แมวสามารถหลีกเลี่ยงสิ่งกีดขวางได้ ช่วยในการล่าเหยื่อ จับเหยื่อได้แม่นยำขึ้น
แมวเป็นสัตว์ที่ชื่อว่าเป็นสัตว์นำโชค เป็นสัญลักษณ์ของความโชคดี ความเจริญรุ่งเรือง ความเป็นมงคล ในประเทศญี่ปุ่นมีความเชื่อว่า แมวกวักคือเครื่องรางของความโชคดี บ้านไหนหรือร้านค้าใดมีแมวกวักวางตั้งไว้ ก็จะช่วยเรียกลูกค้า เรียกทรัพย์สินเงินทองมาได้ง่าย ๆ
ความเชื่อเรื่องหนวดแมว คือเป็นสิ่งนำโชค ใครเก็บหนวดแมวไว้ติดตัว จะมีโชคลาภทาง ช่วยคุ้มครอง สุขภาพแข็งแรง ประสบความสำเร็จในการดำเนินชีวิต
ทั้งนี้จะต้องเป็นหนวดแมวที่ร่วงหล่นเองตามธรรมชาติ ห้ามตัดหรือดึงมาโดยเด็ดขาด
ทุกคืนก่อนนอนนางจะจับปุกปุย เบาหวิวและเสือใหญ่มาแปรงขน และนวดเพื่อผ่อนคลายให้อย่างรักใคร่เสมือนว่าการได้ดูแลพวกมันคือความสุขของนาง มือก็แปรงขนไปนวดไป ใบหน้าของนางก็ยิ้มไปบ่นไป
“นั่งรอตรงนี้นะเด็ก ๆ ใครจะนวดก่อนขยับมานั่งข้างหน้าเลย” เมื่อนางพูดจบเสือใหญ่ก็ขยับมาอยู่ตรงหน้าทันที
“พี่เสือใหญ่เป็นคนแรกเลยค่ะ ฉันรอได้” เบาหวิวรีบเอาใจเสือใหญ่ ส่วนปุกปุยนั้นอยู่อย่างสบายใจ
“ข้าทั้งคันทั้งปวดเมื่อยไปหมด ขอข้าก่อนนะสาว ๆ” เสือใหญ่พูดแล้วนอนลงตรงหน้าของนาง
“ตามสบายค่ะพี่เสือใหญ่” ปุกปุยว่าแล้วก็นอนมองนางแปรงขนให้เสือใหญ่
เสือใหญ่ชอบให้นางนวดบริเวณคางและลำคอด้านบนไล่ยาวไปจนถึงหางที่เป็นพวงสวยงาม
ส่วนเบาหวิวนั้นก็เริ่มจะเสพติดการมีนางอยู่ในสายตาตลอดเวลา ถ้านางหายไปจากสายตาเบาหวิวจะร้องหาทันทีจนกว่าจะเห็นนาง เรื่องนี้สร้างความลำบากใจให้นางไม่น้อยเพราะแม้แต่ตอนเข้าห้องน้ำทำธุระส่วนตัวเบาหวิวก็มักจะมานั่งเฝ้าหน้าประตูห้องน้ำพร้อมทั้งใช้เท้าตะกุยตะกายประตูบวกกับส่งเสียงร้องเรียกหา
“เมี๊ยวววววว ๆ ๆ”
ปุกปุยนั้นช่วงกลางวันมักจะทำตัวนิ่ง ๆ สงบ ๆ ใช้ชีวิตของเธอแบบเรียบง่าย ไม่ค่อยเล่นซนอะไร รอให้นางขึ้นไปบนที่นอนก่อนปุกปุยจึงจะขึ้นไปนวดให้นางเป็นการตอบแทนน้ำใจ และนอนเคียงหมอนกับนางไปจนถึงเช้าจึงลุกมาปลุกนางอีกทีด้วยการส่งเสียงเพอร์เรียกให้นางตื่น
เบาหวิวก็อยากจะขึ้นมานอนใกล้ ๆ กับนางเหมือนกัน แต่กลับถูกปุกปุยไล่ให้ไปนอนที่ปลายเท้าแทน เรื่องนี้เบาหวิวไม่กล้าเถียงและไม่กล้าหือ ขอแค่ได้อยู่ใกล้ ๆ ได้มองเห็นหน้านางก็พอ ส่วนเรื่องการนวดนั้นเบาหวิวยังทำไม่เป็น เสือใหญ่ก็อยากขึ้นมานอนบนเตียงด้วยเหมือนกัน แต่ปุกปุยไม่ยอม
“ทำไมพวกเธอขึ้นไปนอนบนเตียงได้ แต่ห้ามข้าล่ะปุกปุย ข้าก็อยากนอนบนเตียง นอนใกล้ ๆ ได้รับไออุ่นจากนางเหมือนกันนะ” เสือใหญ่ตัดพ้อต่อว่าที่ปุกปุยกีดกันไม่ให้เขาขึ้นมานอนด้วย
“พี่เสือใหญ่อย่าคิดมากสิจ๊ะ ถ้าเราขึ้นมานอนบนเตียงกันหมด แล้วใครจะคอยเฝ้าระวังข้างล่าง พี่คิดดูสิ ตอนนี้เราต้องช่วยกันพิทักษ์นางนะ”
ปุกปุยพูดไปยิ้มไปที่ตอนนี้สามารถหาเหตุผลมากีดกันเสือใหญ่ได้แล้ว
“ก็จริงของเธอ” เสือว่าพลางยิ้มแก้เขินกับความขี้อิจฉาของตัวเอง
“ถ้าอย่างนั้น ปุกปุยนอนด้านหัวเตียง เบาหวิวนอนด้านแลายเตียง ส่วนข้าเฝ้าข้างล่าง ตกลงตามนี้”
เสือใหญ่ยอมทำข้อตกลงใหม่
“ฉันขอได้ไหมปุกปุย” เบาหวิวกระโดดมาในวงสนทนา
“ว่ามาสิเบาหวิว”
“คือบางครั้งฉันก็อยากให้นางเกาคาง ลูบหัว หรือกอดเหมือนกัน ฉันขึ้นมาเล่นกับนางได้ไหม”
“ได้สิจ๊ะ แต่ต้องไม่ใช่ตอนที่ฉันนวดให้นางนะ”
“อ้าว ทำไมล่ะ”
“เพราะมันจะเป็นการรบกวนสมาธิของฉันนะสิ ตอนนวดฉันกับนางต้องทำการเชื่อมจิตต่อกัน การส่งคลื่นพลังแห่งการเยียวยาจึงจะได้ผล”
“อ๋อ เข้าใจแล้ว ตามนี้นะ”
“ต่อไปนี้เราจะช่วยกันเป็นผู้พิทักษ์ให้นาง” เสือใหญ่พูดขึ้นมา
“ช่วงที่เราได้อยู่ด้วยกัน ฉันจะทำให้ดีที่สุด” เบาหวิวพูดขึ้นมาบ้าง
“นางบอกข้าว่าอีกไม่นานนางก็ต้องไปแล้ว ตอนนี้สิ่งที่นางมาทำ นางก็ทำสำเร็จแล้ว” ปุกปุยพูดยิ้ม ๆ น้ำเสียงแผ่วลงไป
“แม้มีเวลาเพียงสั้น ๆ ข้าก็จะทำให้เต็มที่” เสือใหญ่บอกกับสองสาว
ปล. แมวจะนวดให้เฉพาะคนที่แมวรักและไว้ใจเท่านั้น อีกนัยหนึ่งคือเป็นการแสดงออกถึงความเป็นเจ้าของ และแมวจะนวดให้ก็ต่อเมื่อแมวอารมณ์ดี มีความสุข
“ในวันข้างหน้าจะมีผู้คนมากมายเข้ามาถาม มาตั้งคำถามกับชีวิตของน้อง สัญญากันนะคะว่าจะไม่ลืมสิ่งที่เราคุยกันในวันนี้”
“แม่อยู่ในนี้ ผมรู้แล้วครับ”
“คุณแม่อยู่ตรงนี้ เสมอมาและตลอดไป”
เธอจับมือขวาของเด็กน้อยขึ้นมาทาบทับลงไปที่อกข้างซ้าย ตรงตำแหน่งหัวใจของเขา รอยยิ้มที่ไร้เดียงสา ดวงตาที่เปล่งประกายสดใสส่งมาให้เธออย่างมีความสุขแล้วซบใบหน้าน้อย ๆ ลงกับอกของเธอ
ก้อนเมฆดำทะมึนที่ก่อตัวขึ้นบนท้องฟ้าสลายหายไปกับสายลมหนาวที่พัดมาปะทะใบหน้าพร้อมกับกลบหยดน้ำตาของเธอให้จางหายไป เปลี่ยนเป็นรอยยิ้มแห่งความรักจากหัวใจ
เพลง ไม่เคย
เครดิตข้อมูล
😻 เรื่องหนวดแมว เครื่องรางนำโชคดี
😻เรื่องแมวนวด
โฆษณา