25 พ.ย. 2023 เวลา 18:52 • ไลฟ์สไตล์
1. ออมเงินอย่างน้อย 10% ของรายได้ทุกเดือน แต่ถ้าทำได้ ก็จะออมให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้
ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับวิถีชีวิตในตอนนั้นด้วยว่า รายได้เท่าไร มีค่าใช้จ่ายสำคัญ ๆ อะไรบ้าง
และมีค่าใช้จ่ายอะไรบ้างที่ไม่จำเป็น แล้วควรต้องชะลอการจับจ่ายใช้สอยออกไป
2. ลงทุนแบบ DCA ทุกเดือน ในกองทุนอิงดัชนีค่าธรรมเนียมถูก เช่น S&P500, MSCI World Index Fund, Total Bond Index Fund, และดัชนีหุ้นของประเทศทุนนิยม ที่ยังมีการเติบโตของเศรษฐกิจ และต้องเป็นประเทศที่น่าเชื่อถือ
โดยจะต้องแบ่งสัดส่วนกองทุนแต่ละกองด้วย เพื่อกระจายความเสี่ยง เช่น สมมติลงทุน 5 กองทุน ก็จะลงทุนในแต่ละกอง ไม่เกิน 20% ของพอร์ตกองทุน
ถ้ามีกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ และกองทุนลดหย่อนภาษี ก็จะใช้สิทธิ์ให้เต็มที่
ข้อ 2 นี้ ก็คงลงทุนไปเรื่อย ๆ ตลอดชีวิต ไม่ถอนเงินออกมาใช้จนกว่าจะเกษียณ และมีเหตุจำเป็นให้ต้องถอนเงินออกมาใช้
เพราะอยากปล่อยให้พอร์ตการลงทุนในกองทุน ได้เติบโตแบบทบต้นไปเรื่อย ๆ
นอกจากนี้ ปันผลที่ได้ ก็เอากลับไปลงทุนเพิ่ม
3. ลงทุนในหุ้นของไทยและต่างประเทศ ที่ผมเข้าใจ
-หุ้นของบริษัทที่มีความสามารถในการแข่งขันอย่างยั่งยืน มีศักยภาพในการเติบโตต่อไปในระยะยาว (เลือกหุ้นประเภทนี้ เพราะไม่อยากปรับพอร์ตบ่อย)
-มีงบการเงินที่แข็งแกร่ง ไม่มีปัญหาสภาพคล่อง สามารถเอาตัวรอดได้ แม้เกิดวิกฤติเศรษฐกิจ
-มีผู้บริหารที่น่าเชื่อถือ ไว้ใจได้ คอยดูแล
-ราคาหุ้นอยู่ต่ำกว่ามูลค่าที่แท้จริง ที่ประเมินออกมาได้
โดยต้องมีการกระจายจายความเสี่ยงด้วยการถือหุ้นแต่ละตัวในสัดส่วนที่เหมาะสม เช่น สมมติมีหุ้น 10 ตัว ก็ถือตัวละไม่เกิน 10% ของพอร์ตหุ้น
อาจจะจัดพอร์ตผสมผสาน เช่น มีหุ้นเติบโตครึ่งหนึ่ง และหุ้นแข็งแกร่งที่จ่ายเงินปันผลดีและสม่ำเสมอ อีกครึ่งหนึ่ง
เงินปันผลที่ได้ + เงินเดือนที่ออมได้ ก็นำกลับไปลงทุนเพิ่มทุกเดือน ในหุ้นที่เห็นว่าราคายังต่ำกว่ามูลค่าอยู่
ขั้นตอนที่ 3 ก็จะทำไปเรื่อย ๆ ตราบที่ยังมีรายได้เข้ามาอยู่ เพราะก็อยากเห็นพอร์ตโตขึ้นเรื่อย ๆ อีกเช่นกัน
พอพอร์ตโต เงินปันผลก็มากขึ้น เงินที่จะนำกลับเข้าไปลงทุนเพิ่ม ก็มากขึ้น
มันวนเป็นแบบนี้ไปเรื่อย ๆ นี่แหละ “มหัศจรรย์ดอกเบี้ยทบต้น”
4. ทำประกันสุขภาพ
5. เก็บออมเงินสดไว้บางส่วนบ้าง เผื่อไว้ใช้ในยามจำเป็น และสำหรับการซื้อหุ้นดี ๆ ในช่วงที่ราคาหุ้นร่วงลงมาหนัก
ทั้งหมดข้างต้นนี้ ผมต้องบอกว่า เนื่องจากวิถีชีวิตผมไม่ค่อยต้องการอะไรเท่าไร (ผมเลยออกแบบการใช้เงินของตัวเองมาหน้าตาประมาณนี้ครับ 5555)
ไม่ได้อยากไปไหน ไม่ชอบคุยกับใคร (ถ้าเลือกได้อ่ะนะ แต่ชอบคุยกับคนที่ฉลาด แล้วผมนับถือในความรู้ความสามารถและสติปัญญา) อยู่กับคนหมู่มากแล้วผมหมดแรง คุยกับคนโง่กว่ามาก ๆ ผมก็อารมณ์เสีย
ผมแค่ได้นั่งอยู่เงียบ ๆ อ่านหนังสือดี ๆ กินอาหารอร่อย ๆ ในราคาที่ผมพอรับได้ ได้วิ่ง ได้เข้าฟิตเนสเป็นประจำ
ไม่ต้องแสร้งหัวเราะในเรื่องที่ผมก็ไม่ได้คิดว่ามันขำซะด้วยซ้ำ ไม่ต้องพยายามทำให้คนอื่นมาประทับใจในตัวผม
ไม่ต้องมาทนฟังในเรื่องที่ผมก็ไม่ได้อยากจะรู้
และได้มีเวลาเหลือเฟือในการขบคิดเรื่องปรัชญา วรรณกรรม การเมือง เศรษฐศาสตร์ ธรรมมะ และการลงทุนบ้าง
แค่นี้ ผมก็คิดว่าเป็นชีวิตที่ดีในแบบของผมแล้ว..
โฆษณา