25 พ.ย. 2023 เวลา 23:24 • ความคิดเห็น
เรื่องของสมาธิ สมาธิเป็นเรื่องของปลดปล่อย อารมณ์กรรมความยึดถือต่างๆออกไป ..ไม่ใช่สมาธิที่ไปยึดถืออะไร สมาธิที่เค้าบอกให้มีพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์อ(อัครสาวก พระโมคคัลลา พระสารีบุตร พระอานนท์ พระสีวลี พระกัสสปะ) นั่นท่านเป็นผู้ที่จิตบริสุทธิ์ ไม่มีอารมณ์ หมดทุกข์ไปแล้ว เราก็ทำสมาธิ ให้จิตเรามีพระเป็นที่พึ่ง
หากเราเป็นผู้สวดมนต์ ภาวนาเป็น นิจสิน ..เวลาเราไปดูเรื่องนั้นเรื่องนี้มา มีอารมณ์ชอบใจ หรือไม่ชอบใจ ตาบันทึกภาพ หูบันทึกเสียง ส่งเข้าเก็บไว้ในธาตุทั้งสี่ ..ที่ประกอบเป็นตัวตนของเรา ..มีการเก็บสะสมตลอดเวลา บันทึกตลอดตั้งแต่เกิดไปจนตาย
.ถ้าจะพูดง่ายๆ มันเป็นเหมือนสีที่ทาทับลงไป ตลอดเวลา สิ่งเหล่านี้ ..มันก็ทำให้จิต เราวุ่นวาย เดี๋ยวมีอารมณ์นั้น อารมณ์นี้เกิดขึ้น ..มีเรื่องราวทะเยอทะยานต่อเนื่องกันไป..วนเวียนในคำว่า โลภโกรธหลง ตัณหาราคะ ..ดีใจเสียใจ เป็นเหมือนน้ำวน .ห้อมล้อมจิตตลอดเวลา จิตเราก็ถูกกระแสน้ำนั้นจมลงไปเรื่อยๆ โดยที่จิตนั้นไม่รู้ตัวเลย..สนุกสนานเพลิดเพลินที่โลกปรนเปรอให้ ..แล้วจิตก็สะสมกรรมไปเรื่อยๆ
เมื่อเรามาสวดมนต์ ..เราแค่สวดมนต์ ..ปากเราสวดมนต์ คล่องแคล้ว ..แต่ว่า อารมณ์ที่เราไปรับเข้ามา ที่เราเอาตาไปดูไปเห็น เช่นคนตีกัน มีคนพูด ยิ่งที่ไม่ดี เสียงต่ำๆ หยาบคลาย หรือ..มันก็ไหลมาดึงจิต ดึงสติของเรา ให้ไปอยู่กับอารมณ์นั่น สติที่จิตจดจ่ออยู่กับการสวดมนต์ ไม่มีเลย ..นั่นก็หมายความว่า จิตของเรา มีแต่อารมณ์กรรมที่ทับถมจิต ..จิตไม่สามารถปลดเปลื้องอารมณ์ไปได้ . สวดมนต์ทั้งที..ก็มีแต่อารมณ์ ..ปากสวดมนต์ จิตตกเป็นทาสของอารมณ์ไป..
เรื่องของสมาธิ..ให้ยึดอารมณ์มันเป็นกรรม แม้แต่การเพ่งกสิน เราคลายถามพระเรื่องกสินไฟ ท่านบอกว่า ฉันก็ได้กสิน .เราก็ถามว่า ที่ว่าได้กสินนั้นเป็นอย่างไรท่านก็บอกให้ แล้วท่านก็บอกว่าอย่าไปเอามันเลย มันเป็นเรื่องอิทธิฤทธิ์..แล้วก็บอกว่า สร้างบุญกุศล ประพฤติปฏิบัติธรรมของเราไป ตามรอยพระพุทธเจ้าไป ..จะได้สะสาง..สลัดอารมณ์ เราจะได้รู้จัก คำว่าอารมณ์กรรมของเราเอง ..รู้แล้วก็ละมัน ..สิ่งทั้งหลายที่ทับถมจิตใจเรา เราเป็นคนไปเอามายึดเอง เอามาทับถมจิตให้หนักเอง..
โฆษณา