Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
กรุงเทพธุรกิจ
ยืนยันแล้ว
•
ติดตาม
2 ธ.ค. 2023 เวลา 14:00 • ธุรกิจ
‘Yves Saint Laurent’ แบรนด์แห่งการปฏิวัติแฟชั่น และผลักดันสิทธิ LGBTQ+
“Yves Saint Laurent” หรือ “YSL”เป็นแบรนด์แฟชั่นระดับไฮเอนด์ (High-End) จากฝรั่งเศสที่ได้รับการยอมรับไปทั่วโลก ด้วยดีไซน์ที่ทันสมัย หลากหลาย มีการตลาดที่ดี
นอกจากความปังของสินค้าหรู ประวัติความเป็นมาของแบรนด์ก็ไม่ธรรมดา เพราะกว่าจะมาเป็น YSL อันโด่งดังได้ ตัวของ Yves Saint Laurent ผู้ก่อตั้งแบรนด์ที่ได้รับการขนานนามว่าเป็นอัจฉริยะแห่งวงการแฟชั่น ก็ต้องฝ่าฟันมรสุมใหญ่มากมาย ทั้งโรคซึมเศร้า ยาเสพติด และการที่เขาเป็น “LGBTQ+”
✨ “Yves Saint Laurent” เด็กหนุ่มที่เข้ามาปฏิวัติโลกของ “แฟชั่น”
คำว่า “Yves Saint Laurent” มาจาก อีฟส์ มาติเออร์ แซงต์ โลรองต์ (Yves Mathieu Saint Laurent) ชื่อของเด็กหนุ่มสัญชาติแอลจีเรีย-ฝรั่งเศส วัย 18 ปี ที่เข้าสู่วงการแฟชั่นจากเวทีการประกวด The International Wool Secretariat (IWS) และได้รับรางวัลการออกแบบสาขาเสื้อผ้าสตรียอดเยี่ยม
ความโดดเด่นจากผลงานของโลรองต์ในครั้งนั้น ก็ได้ไปเข้าตา คริสติยอง ดิออร์ (Christian Dior) ดีไซเนอร์ชื่อดังแห่งยุค และโลรองต์ก็ได้เข้ามาเป็นที่ปรึกษาของดิออร์ หลังจากนั้นไม่นานจุดเปลี่ยนสำคัญในชีวิตของโลรองต์ก็มาถึง เมื่อดิออร์เสียชีวิตอย่างกะทันหันในปี 1957 ทำให้โลรองต์ก้าวขึ้นเป็นนักออกแบบหลักของดิออร์ในขณะที่มีอายุเพียง 21 ปี
แม้ว่าผลงานของโลรองต์ภายใต้ชายคา “ดิออร์” จะได้รับการยอมรับในช่วงแรก แต่หลังจากนั้นเขาก็ต้องเผชิญกับขาลง บางคอลเลกชันถูกวิพากษ์วิจารณ์ในแง่ลบอย่างกว้างขวาง รวมถึงความกดดันในการแข่งขันอย่างรุนแรงของอุตสาหกรรมแฟชั่น ประกอบกับโลรองต์ถูกทางการเรียกตัวไปเกณฑ์ทหารช่วงสงครามแอลจีเรีย ทำให้ดิออร์ใช้โอกาสนี้หาคนมาทำงานแทนเขา
เหตุการณ์เหล่านี้ทำให้โลรองต์รู้สึกแตกสลายเป็นอย่างมากจนต้องเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลจิตเวช (สื่อนอกบางสำนักอ้างว่าเขาได้รับการรักษาด้วยการช็อตไฟฟ้า ร่วมกับการใช้ยากล่อมประสาท หลังจากเขาออกจากโรงพยาบาล โลรองต์และคนรักของเขา ปิแอร์ แบร์เช (Pierre Bergé) ก็ร่วมกันเปิดตัวแบรนด์ของตัวเองขึ้นมาในชื่อ “YSL” ที่ย่อมาจากชื่อของโลรองต์ และมีโลโก้แบรนด์ที่โดดเด่นด้วยการนำตัวหนังสือมาเรียงเป็นแนวตั้ง ในปี 1961
กระแสตอบรับการเปิดตัวคอลเลกชันแรกของ YSL ในปี 1962 แม้จะอยู่ในระดับปานกลางไม่หวือหวามากนัก แต่หลังจากนั้นไม่นานโลรองต์ก็สร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับโลกของแฟชั่นด้วยไอเดียที่ไม่เคยมีใครทำมาก่อน และยังคงอยู่มาจนถึงทุกวันนี้ เช่น ชุดโมนดรียาน (Mondriaan) และ แจ็กเกตซาฟารี (Saharienne) ในปี 1965 ที่นำเสนอภาพลักษณ์เรียบหรูของผู้หญิงสมัยใหม่ แต่สิ่งที่ถูกจับตามองมากที่สุด คือ การทำลายกรอบทางเพศที่ถูกจำกัดด้วยเครื่องแต่งกาย เพื่อสร้างความเท่าเทียมทางเพศและสร้างภาพลักษณ์ใหม่ให้กับผู้หญิงในยุคนั้น
✨ “YSL” ไม่ใช่แค่แฟชั่น แต่ยังเป็นสัญลักษณ์ของความเท่าเทียม และสิทธิทางเพศ
ชุดที่สร้างความฮือฮาที่สุดของ “YSL” ก็คือ “Le Smoking” หรือ เลอ สโมกิง ในปี 1966 เป็นการนำชุดทักซิโด้ของผู้ชายมาดัดแปลงให้เป็นสูทแบบกางเกงสำหรับผู้หญิง (Pants Suit) ที่ถือว่าเป็นขบถต่อขนบแนวคิดเรื่องเพศในวงการแฟชั่น ก่อนจะมีคอลเลกชันในลักษณะเดียวกันตามออกมาอีกมากมาย
หลังจาก YSL ยังออกคอลเลกชันเสื้อผ้าที่ได้แรงบันดาลใจมาจากผู้หญิงขายบริการ และแจ็กเกตหนังที่ผู้ชายใช้สวมเวลาขี่มอเตอร์ไซค์ ที่ค่อยๆ ปลดล็อกความหลากหลายในการแต่งตัวของผู้หญิงมากขึ้น ซึ่งหลายคนมองว่าเป็นปรากฏการณ์ที่ทำให้ผู้หญิงมองเห็นสิทธิของตัวเองมากขึ้น เสื้อผ้าของโลรองต์จึงได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง และทำให้มีรองเท้า กระเป๋า เครื่องประดับ ค่อยๆ ทยอยเปิดตัวตามมา
นอกจากการปฏิวัติเสื้อผ้าผู้หญิงได้สำเร็จจนเป็นที่ยอมรับมาจนถึงปัจจุบัน อีกหนึ่งประเด็นที่ โลรองต์ กับ แบร์เช ผลักดันก็คือ สิทธิเกย์ หรือ Gay Rights (ในยุคนั้นยังไม่ใช้คำว่า LGBTQ+) ด้วยการก่อตั้ง “Sidaction” องค์กรระดมทุนที่อุทิศให้กับการวิจัยและการรักษาโรคเอดส์ในปี 1994 โดยเฉพาะในฝรั่งเศส เพราะพวกเขาเชื่อว่ายังมีคู่รักเพศเดียวกันอีกมากมายที่ไม่กล้าเปิดเผยตัวตน และต้องการที่จะแต่งงานเช่นเดียวกับคู่รักชาย-หญิง
✨ แม้ยุคเรืองรองของ โลรองต์ จะหมดไป แต่ YSL อาจคงอยู่ตลอดไปในโลกแฟชั่น
เมื่อเข้าสู่ช่วงปี 1970 เริ่มมีผู้คนจากหลายแวดวงเข้าหาโลรองต์มากขึ้น (ภายหลังเขามองว่าส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะผลประโยชน์) มีคนพาเขาเข้าสู่วังวนของยาเสพติด แอลกอฮอล์ ไปจนถึงการมีเพศสัมพันธ์กับคนแปลกหน้ามากมาย จนเกิดรอยบาดหมางในความสัมพันธ์กับแบร์เช และเลิกรากันไปในที่สุด แต่พวกเขายังคงเป็นหุ้นส่วนทางธุรกิจกันไปจนถึงวาระสุดท้ายของชีวิต
ในที่สุดโลรองต์ก็ตัดสินใจเกษียณตัวเองจากวงการแฟชั่นในปี 2002 เพื่อไปใช้ชีวิตในบั้นปลายที่คฤหาสน์ในปารีส ซึ่งเขาได้ขอขอบคุณทุกคนที่คอยอยู่เคียงข้างและสนับสนุนเขาเสมอมา และเขาจะไม่มีวันลืมใครไปแน่นอน ก่อนจะเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งสมองในปี 2008 ในวัย 71 ปี
สุดท้ายนี้แม้ว่า “Yves Saint Laurent” หรือ “YSL” จะมีการรีแบรนด์ครั้งใหญ่ในปี 2012 โดย เอดี สลิมาน (Hedi Slimane) ผู้อำนวยการฝ่ายสร้างสรรค์ของแบรนด์ในตอนนั้น มาใช้ชื่อว่า “Saint Laurent Paris” ที่แม้ว่าจะถูกวิจารณ์แต่ก็ยังประสบความสำเร็จและคงอัตลักษณ์ของแบรนด์ไว้ได้
ก่อนจะเปลี่ยนมือมาอยู่ภายใต้การบริหารของ ฟรานเชสกา เบลเลตตินี (Francesca Bellettini) และมี แอนโทนี วัคคาเรลโล (Anthony Vaccarello) เป็นดีไซเนอร์หัวเรือใหญ่ของแบรนด์ แต่ด้วยกลยุทธ์ที่วางไว้อย่างมั่นคงสร้างรากฐานที่แข็งแรงมาตั้งแต่สมัยก่อตั้งแบรนด์ ทำให้หลายคนยังมั่นใจว่า YSL จะยังเติบโตต่อไปในศตวรรษที่ 21 ด้วยความชัดเจนของภาพลักษณ์ที่โลรองต์สร้างสรรค์ไว้ เหมือนกับประโยคสุดคลาสสิกที่เขาเคยพูดไว้ว่า “Fashions fade. Style is eternal.”
อ่านต่อ:
https://www.bangkokbiznews.com/lifestyle/beauty-fashion/1100367
1 บันทึก
8
1
8
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย