28 พ.ย. 2023 เวลา 02:19 • ท่องเที่ยว
ตำบล ปิล็อก

เหมืองผีหลอก แห่งหุบเขาวิญาญาณ

เออเนอะ ไม่คิดว่าตัวเองจะต้องมาเขียนอะไรเกียวกับการท่องเที่ยวเลย ความว่าเป็นคนเก็บเนื้อเก็บตัว ชอบอยู่บ้านเล่นเกม เดินห้าง..
แต่ความฝันอีกอย่างก่อนตายที่ว่าการขี่มอเตอร์ไซค์เที่ยวเมืองไทยยังอยู่ และส่วนหนึ่งของมันก็ทำให้ตัวเองต้องมาสนใจเรื่องการท่องเที่ยวแม้รู้ว่าการปลีกตัวเที่ยวในวันที่ลูกเล็กนั้น แทบเป็นไปไม่ได้.. เลยเปลี่ยนความคิดว่า งั้นก็เที่ยวมันทั้งครอบครัวเลยแล้วกัน .. และหวยก็มาออกที่กาญจณบุรี
ด้วยความที่อยากปีนสันคมมีดก่อนตาย และสัญญาว่าจะทำมันในปีนี้ ภรรยาเลยจัดแจงโทรจองให้เสร็จสรรพ นัยว่าไปลองดูลาดเลาก่อน..
บอกเลยว่าการเที่ยวในวันสุดสัปดาห์นั้นจองห้องพักยากสุดๆ ขอบคุณคุณภรรยาที่รักที่ยังอุตส่าห์ อุตสาหะหาที่พักเป็นเต้นท์บนดาดฟ้าโฮมสเตย์แถววัดให้จนได้ มีราคา 500 บาทและ 200 บาทสำหรับเต้นท์สามคนและ 1 คน ถามว่าทำไมไม่จองแบบนอนสี่คน ก็บอกเลยว่า มีเหลือแค่นี้แหล่ะครับ
อีต่องเป็นชื่อหมู่บ้านภาษาพม่าแปลว่าเขาแห่งวิญญาณ (ข้อมูลจากอินเตอร์เน็ต ใช้วิจารณญาณก่อนเชือ) และ ปิล็อค เองก็มาจากคำไทย ว่า “ผีหลอก” ด้วยประวัติศาสตร์การสู้รบของสองชนชาติที่สังเวยผู้คนจำนวนไม่น้อยผมว่าทั้งชื่อหมู่บ้านและเหมืองก็ดูมีสตอรี่ดี เอาเป็นว่าผมจะเชื่อแบบนี้ไว้ก่อนแล้วกัน
ผมใช้รถเจ็ดที่นั่นราคาประหยัดจากซูซูกิ แบรนด์มอเตอร์ไซค์ที่ผมรัก ขับภาพพวกเราออกมาจากนนทบุรีตอน. 10.01 น. เวลาสวยดีเนอะ เลข 1 เป็นเลขของการเริ่มต้น มีคนบอกอย่างนั้น..
เส้นทางจากนนทบุรีบ้านตัวเองมาปิล็อกนั้น ประมาณ 5 ชั่วโมงจับเวลาโดยกูเกิ้ลแมพ จะเริ่มสวยงามมากๆหลังผ่านอำเภอไทรโยค
เคยมาทางนี้นสองครั้งตอนเด็กหนึ่งครั้งและตอนเริ่มทำงานหนึ่งครั้ง นับจากครั้งสุดท้ายก็เกือบ..25 ปีมาแล้ว นานจนทุกสิ่งที่เห็นตอนนี้เหมือนเห็นครั้งแรก..
ความสวยงามทำให้เท้าเบาขึ้น ความเร็วเฉลี่ยลดลงอย่างเห็นได้ชัดตอน ทิวเขาสวยงามแบบนี้เรานอนแถวนี้ก็ได้ นั่นคือสิ่งที่ผมคุยกับคุณภรรยาและทราบว่าแถวนี้เองก็มีลานกางเต้นท์สวยๆมากมาย ริมแม่น้ำแคว หรือบ่อน้ำพุร้อน
เข้าเขตอุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ ต้องผ่านเขี่อนวชิราลงกรณ์เราไม่ได้แวะตอนขาไป เพราะใกล้ค่ำแล้ว ขับเรียบริมน้ำและภูเขาไปจนถึงทางขึ้นเขาสู่บ้านอีต่อง และ เหมืองปิล็อค
399 โค้งคงเริ่มจากตรงนี้ (ตัวเลขผมไม่คอนเฟิร์มนะเป็นข้อมูลจากอินเตอร์เน็ต) ทางโค้งเยอะแต่ไม่ชัน และผิวทางค่อนข้างดีเป็นคอนกรีตสลับลาดยางอย่างดี ทำให้พวกสายแว้นรถเล็กท่องเที่ยวทั้งหลาย เทโค้งกันสนุกสนาน แต่รถ XL-7 บรรทุกผู้ใหญ่ 2 เด็ก 2 วิ่งเกียร์ 2 ไม่ได้ขี่ได้มันส์ขนาดนั้น แต่มีกำลังแซงรถช้าบางคันได้ แม้ว่าตลอดทางจะเป็นเส้นทึบ แปลว่า ห้ามแซงก็ตาม
เกือบห้าโมงเย็นเราก็มาถึงที่พักมันเป็นเต้นท์บนดาดฟ้าที่ปูเสื่อโฟมรองพื้นให้ มีผ้าห่มและผ้าเช็ดตัวบริการและใช้ห้องน้ำรวมที่มีน้ำอุ่นจากเครื่องทำน้ำอุ่นแบบแก๊สที่ ดันไม่ทำงานตอนผมจะอาบเนื่องจากแรงดันน้ำต่ำเกินไป (แต่เด็กๆอาบก่อนตอนเย็นเลยได้อาบน้ำอุ่นกันไปไม่บ่น) ผมก็เลยได้อาบน้ำอุณหภูมิห้องที่อาบแล้วหายหนาวทันที
เราเช่ามอเตอร์ไซค์เพื่อพาพวกเราไปเดินตลาดอีต่อง มุมสวยๆริมสระน้ำที่เป็นสัญลักษณ์ของที่นี่นั่นแหล่ะ
แม้ว่าระยะทางไม่ไกลมาก แต่สำหรับเด็กๆแล้วคงไม่สนุกหากต้องเดินกันในระยะนี้ โดยเฉพาะภรรยาที่รักของผมคงจะไม่สนุกที่สุด ผมก็เลยได้ขี่เวฟ 100 คันใหม่ของที่พักกระเตงครอบครัวเราไป
ขี่รถในช่วงเวลาที่อากาศเย็นประมาณ 20 องศา มีลมเบาๆ แค่เสื้อกันลมตัวเดียวก็รู้สึกสบายพอดี สี่คนพ่อแม่ลูกใช้เวลาไม่ถึง 5 นาทีก็มาจอดรถหน้าทางเข้าตลาด
เราทานอาหารง่ายๆในร้านในตลาด ก่อนไปเดินถ่ายรูปกันตรงจุดห้อยแผ่นไม้ริมสระ ไม่รู้จากอธิบายความรู้สึกช่วงเดินเที่ยวอย่างไร เพราะสำหรับผม มันไม่ได้มีอะไรพิเศษ แต่แม่ๆลูกเขาก็ตื่นตากันพอสมควร คุณภรรยาเปิดเฟสหาเทมเพลตภาพถ่ายในจุดเช็คอินเพื่อให้ผมได้ถ่ายภาพตามรอย นทท.ท่านอื่นๆ
สามทุ่มเรากลับมาที่พักเพื่อให้พ่อแม่อาบน้ำเย็นตามที่บอกไว้ตอนแรกแล้วก็เข้านอนก่อน 4 ทุ่ม ที่นี่สัญญานเน็ตจากมือถือแรงทุกค่าย ลูกหลับไปตอน 4 ทุ่มครึ่ง พอแม่ก็นั่งต่ออีก ครึ่งชั่วโมงก็ทนอากาศเย็นไม่ไหว ขอไปซุกผ้าห่มกอดลูกหลับดีกว่า
….
กลางคืนผ่านไป.. หลับสบายไหม สำหรับผมและภรรยาก็ไม่นะ มันยังไม่ชินกับการนอนเต้นท์ที่ไม่ได้นุ่มนิ่มเหมือนที่นอนหกฟุตหนาๆที่นอนอยู่ทุกคืน แต่ก็ไม่ถึงกับแย่จนรู้สึกอ่อนเพลีย แต่สำหรับเด็กๆ พวกเขาไม่บ่นอะไร ข้อดีของการเป็นเด็กที่มีมีความเปรียบเทียบในหัวน้อยกว่าผู้ใหญ่เป็นแบบนี้..
เราซื้อของฝากและไปเดินเที่ยวใหนเหมือง ดูธานน้ำใส บ่อปลาคาร์ฟและก้อนแร่ยักษ์ เด็กๆตื่นเต้นกันมาก จำไม่ได้แล้วว่าตัวเองตื่นตาตื่นใจแบบนี้ครั้งสุดท้ายเมื่อไร รู้สึกดีใจและมีความสุขที่เห็นลูกตัวเองเป็นแบบนี้มาก
ขากลับตั้งใจว่าจะตรงไปแวะที่เขื่อนวชิราลงกรณ์เลย แต่เพราะความมึนหัวจากโค้งจำนวนเท่าเดิมทำให้ต้องขอพักทานข้าวกินกาแฟกันตรงแถวๆริมเขื่อนที่ร้าน สุดทางรัก ก่อน
ร้านนี้มีวิวเขื่อนที่สวยมากๆ มีกาแฟและก๊วยเตี๋ยวที่ใช้เวลาทำนานพอสมควร ผมก็เลยถือโอกาสเอาโดรนมาลองฝึกบินถ่ายภาพวิวเขื่อนดู ก่อนจะกลับมากินผัดกระเพราะและตบด้วยกาแฟดำร้อนๆ หอมๆ
ที่เขื่อนเราปเดินสกายวอร์คในร้านอาหารในตัวเขื่อน เห็นไกลๆก่อนไปถึงก้อแอบบลูลี่เค้าว่า อีหยังวะ สูงนิดเดียวเอง แต่พอไปเดินจริงๆต้องถอนคำพูด มันเสียวใช้ได้อยู่นะ วิวภูเขาด้านหลังก็สวยใช้ได้
ที่สันเขื่อนเราถ่ายรูปเล่นกันหลายรูป ใช้กล้องใหญ่ที่ไม่ค่อยได้ออกงานมานานนน มากๆ เกือบลืมไปแล้วว่าเคยชอบถ่ายภาพขนาดไหน.. จริงๆแล้วการถ่ายภาพนั่นเองที่พาเรามาถึงจุดนีี้.. ไว้วันหลังเล่าในบล็อคแล้วกัน
จบจากเขื่อนเราตรงดิ่งเข้ากทม.แต่ก็ต้องมาหยุดทานข้าวเย็นแถวบางเลนเนื่องจากทนหิวไม่ไหว ถึงบ้านก็ราวๆสองทุ่มครึ่ง
เราไม่ได้ตั้งงบประมาณก่อนเที่ยวนะครับ นึกได้ก็ไปเลย.. ไม่ได้วางแผนอะไรมาก นี่ไม่ใช่ตัวอย่างที่ดีของการจะเป็นนักท่องเที่ยว รีวิวการท่องเที่ยวหรือ Vlogger , Blogger สายนี้ ไม่ควรเอาเป็นเยี่ยงอย่าง
สรุปการท่องเที่ยว
- ค่าน้ำมัน ประมาณ 2000 บาท
- ค่าที่ฟัก 1 คืน และมอเตอร์ไซค์ 1000 บาท
- อาหารของกินตลอดทริป ประมาณ 2000 บาท
- ค่าของฝาก ของที่ระลึก อื่นๆ ประมาณ 700 บาท
สัญญาไว้ว่าคราวหน้าจะเตรียมตัวไปถ่ายภาพประกอบเรื่องมากกว่านี้ ครั้งนี้กะไปเที่ยวเฉยๆ แต่คุณภรรยาบอกว่าลองเขียนรีวิวดูสิไหนๆก็ไปเที่ยวมาแล้ว งานเขียนนี้จึงเกิดขึ้น
ขอบคุณภรรยาและบุตรธิดาของตัวเอง ต้นเหตุความสุขในชีวิตพยามหาความหมายของป่ะปี๊ ขอบคุณคนที่อ่านๆ คราวหน้าจะทำอย่างทีสัญญาครับ มีภาพให้ดูเยอะๆ รอบนี้มีแต่รูปเมียลูก เพราะชอบถ่ายคนครับ ไม่ถนัดถ่ายวิวเท่าไรนัก..​แต่ของมันก็หัดกันได้เนอะ
ชีวิตมันก็ต้องเปลี่ยนแปลงนั่นแหล่ะ...
231127
โฆษณา