Coinbase แพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ดิจิทัลของสหรัฐฯ กำลังเข้าสู่จุดเปลี่ยนครั้งสำคัญของบริษัท
Coinbase เป็นแพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ดิจิทัลแห่งแรกในตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐฯ ที่ก่อตั้งโดย Brian Armstrong ในปี 2012
และได้เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ Nasdaq เมื่อวันที่ 14 เมษายน 2021 ด้วยราคา IPO ที่ 381 ดอลลาร์สหรัฐ ต่อหุ้น
โดยหุ้นของ Coinbase ได้ปิดตลาดในวันแรกด้วยราคา 429 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อหุ้น ส่งผลให้มูลค่าตลาดของ Coinbase อยู่ที่ประมาณ 100 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งถือเป็นการ IPO ที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในประวัติศาสตร์ครั้งหนึ่งของตลาดหลักทรัพย์ Nasdaq
อย่างไรก็ดี ช่วงที่บริษัท Coinbase ทำการ IPO นั้นเป็นช่วงเดียวกับที่รัฐบาลสหรัฐฯมีการอัดสภาพคล่องเข้าสู่ระบบอย่างมหาศาลเพื่อกระตุ้นให้เศรษฐกิจกลับมาแข็งแรงอีกครั้งหลังจากเกิดวิกฤตโรคระบาดCovid-19
ส่งผลให้สินทรัพย์ดิจิทัลและหุ้นของบริษัทต่างๆในตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐฯดีดตัวสูงขึ้นจนเรียกได้ว่าเป็นฟองสบู่สินทรัพย์
ต่อมาเพื่อหยุดยั้งฟองสบู่สินทรัพย์นี้และปัญหาเงินเฟ้อที่เกิดจากเศรษฐกิจที่ร้อนแรงเกินไป ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) จึงได้ทำการปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายรวมกับการดึงสภาพคล่องออกจากระบบเศรษฐกิจ (QT)
เป็นผลทำให้ราคาสินทรัพย์ดิจิทัลและหุ้นของบริษัทต่างๆร่วงลงอย่างรวดเร็ว รวมถึงบริษัท Coinbase เองด้วย
หลังจากฝ่าฟันอุปสรรคในช่วงที่ผ่านมา Coinbase ก็ได้เข้าสู่จุดเปลี่ยนครั้งสำคัญของบริษัท
ซึ่งการเปลี่ยนแปลงสำคัญนี้เริ่มต้นขึ้นจากที่ BlackRock บริษัทจัดการการลงทุนที่ใหญ่สุดในโลกได้ทำการยื่นแบบข้อมูลเสนอขายกองทุน (Filing) ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐฯ (SEC) เพื่อขอเสนอขาย Spot Bitcoin ETF
ซึ่งการเคลื่อนไหวครั้งนี้ของ BlackRock สร้างความฮือฮาต่อตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลและบุคคลที่เชื่อมั่นในสินทรัพย์ดิจิทัลอย่าง Bitcoin เป็นอย่างมาก เนื่องด้วยมันแสดงให้เห็นว่า บริษัทจัดการการลงทุนที่มีทรัพย์สินมากสุดในโลกกำลังสนใจหรือเริ่มให้ความสำคัญกับสินทรัพย์ดิจิทัลอย่าง Bitcoin
แต่ทำไมการยื่นขอเสนอขาย Spot Bitcoin ETF ถึงเป็นเรื่องใหญ่สำหรับตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลขนาดนั้น คงต้องเท้าความกลับไปในปี 2021
ในช่วงนั้นได้มีการยื่นขอเสนอเปิด Future Bitcoin ETF จากบริษัทและกองทุนหลายแห่ง ซึ่งเป็นกองทุนรวมที่ลงทุนในสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (Futures) ของ Bitcoin ไม่ได้เป็นการลงทุนใน Bitcoin จริงๆ
ซึ่งแตกต่างจาก Spot Bitcoin ETF ของ BlackRock ที่เป็นกองทุนที่ลงทุนในสินทรัพย์อ้างอิงโดยตรง หรือก็คือ BlackRock จะต้องมีการถือครอง Bitcoin อยู่จริงๆ
จากมุมมองของนักลงทุนที่ลงทุนในตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลแล้ว สิ่งนี้อาจสามารถผลักดันราคาของสินทรัพย์ดิจิทัลอย่าง Bitcoin ได้
แต่แล้ว Coinbase นั้นมีส่วนได้ส่วนเสียอะไรในเรื่องนี้กัน
นั่นก็เพราะว่า Coinbase ได้ครองบริการ Spot Bitcoin ETF ที่สำคัญของสหรัฐฯไว้หลายแห่งนั่นเอง
ที่มา Coindesk
จากข้อมูลระบุว่านอกจาก BlackRock แล้วยังมีกองทุนของบริษัทอีก 8 แห่งที่เลือกให้ Coinbase เป็นผู้ดูแลรักษาทรัพย์สิน (Custodian) ใน Spot Bitcoin ETF
ได้แก่ Grayscale, Ark/21Shares, Bitwiss, WisdomTree, Invesco/Galaxy, Valkyrie, Global X, Franklin Templeton
ซึ่งนั่นหมายความว่า Coinbase กำลังก้าวเท้าไปเป็นผู้ดูแลสินทรัพย์ดิจิทัลที่ใหญ่ที่สุดของสหรัฐฯ โดยถูกต้องตามกฎหมาย หากการยื่นขอ Spot Bitcoin ETF เหล่านี้ผ่านการอนุมัติ
และถึงแม้กองทุนขนาดใหญ่อีกแห่งอย่าง Fidelity จะเป็นผู้ดูแลรักษาทรัพย์สินของพวกเขาเอง ไม่ได้ให้ Coinbase เป็นผู้ดูแลรักษาทรัพย์สิน
แต่ก็แสดงให้เห็นแล้วว่าทั้งบริษัทจัดการการลงทุนที่ใหญ่อันดับหนึ่งและสามของโลก กำลังให้ความสนใจกับสินทรัพย์ดิจิทัลอย่าง Bitcoin
ประจวบเหมาะกับที่เมื่อเร็วๆ รัฐบาลสหรัฐฯได้มีการฟ้องร้อง CZ ผู้ก่อตั้งและซีอีโอของ Binance แพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ดิจิทัลคู่แข่งสำคัญของ Coinbase
โดย Binance กำลังขอเจรจาที่จะจ่ายเงินมากกว่า 4 พันล้านดอลลารสหรัฐเพื่อยุติคดีอาญาของสหรัฐฯ
ซึ่งกระทำของรัฐบาลสหรัฐฯครั้งนี้ อาจบ่งบอกว่าพวกเขาไม่ประสงค์ให้บริษัทจากต่างประเทศอย่าง Binance หรือ Binance US เข้ามามีบทบาทอะไรกับสินทรัพย์ของชาวอเมริกัน
Coinbase ที่เป็นบริษัทของสหรัฐฯเองอาจได้รับประโยชน์จากเรื่องนี้
อย่างไรก็ตาม การยื่นขอ Spot Bitcoin ETF ที่กล่าวมาเหล่านี้กำลังอยู่ในกระบวนการตามกฎหมาย
และทางสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐฯ (SEC) ก็ได้มีการปฏิเสธหรือขอเลื่อนการประกาศผลการยื่นขอ Spot Bitcoin ETF ของกองทุนหรือบริษัทต่างๆมาหลายต่อหลายครั้ง โดยให้เหตุผลเกี่ยวกับข้อกำหนดการคุ้มครองนักลงทุน
ซึ่งเรื่องนี้ยังคงเป็นที่ถกเถียงกันมาอย่างยาวนานหลายปี เนื่องจากทาง SEC เองก็ไม่ได้ให้ข้อกำหนดที่ชัดเจนหรือตอบข้อสงสัยของเหล่ากองทุนหรือบริษัทต่างๆที่ ยื่นขอ Spot Bitcoin ETF
โดยการประกาศผลในครั้งต่อไปจะเป็นของ Ark/21Shares จาก Ark Investments และ Hashdex และ Franklin Templeton ซึ่งจะเกิดขึ้นในเดือนมกราคมปี 2024
คงต้องติดตามต่อไปว่าการยื่นขอ Spot Bitcoin ETF ทั้งหมดนี้จะได้รับการอนุมัติจากทาง SEC หรือไม่และอย่างไร
เพราะต้องไม่ลืมว่าในบรรดากองทุนหรือบริษัทที่ยื่นขอ Spot Bitcoin ETF นั่นตือ BlackRock และ Fidelity ซึ่งพวกเขาแทบจะไม่เคยขอยื่นเสนอขายกองทุนแล้วไม่ได้รับการผ่านอนุมัติเลย
References:
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
