รีวิวหนังสือ ยังไม่ทันเข้างาน ก็อยากกลับบ้านแล้ว
รีวิวหนังสือ ยังไม่ทันเข้างาน ก็อยากกลับบ้านแล้ว เป็นหนังสือ ของนักเขียน ชาวเกาหลีใต้ ที่บอกเล่าเรื่องราวชีวิต ของคนทำงาน เด็กจบใหม่ หางานทำ เปลียนงาน และ ย้ายงาน ค้นหาตัวเอง ค้นหาทางเดินของชีวิต แนะนำสำหรับ หนุ่มสาว
รีวิวหนังสือ ยังไม่ทันเข้างาน ก็อยากกลับบ้านแล้ว
เป็นหนังสือ ที่อ่านเพลิน เหมือนผู้เขียน กำลัง Self Talk คือการพูดคุยกับตัวเอง เพื่อระบายความรู้สึกของ ตัวเอง ออกมา จากการทำงาน หลากหลายบริษัท
ชีวิตการทำงาน คือชีวิต หลังจากที่เรียบจบ เหมือน นิทาน สอนเด็ก อย่าง ซินเดอร์เลยร่า เมื่อได้ เจอ เจ้าชายรูปงาม แล้ว ชีวิตก็มีความสุข นิทานก็จบ ลง
เหมือนชีวิตแต่งงานของผู้คน เมื่อเริ่มพิธีแต่งานแล้ว นิยาย เรื่องนั้น ก็จบลง
แต่ในชีวิตความเป็นจริงแล้ว ชีวิต หลังจาก ที่นิทาน จบลง นั้น มัน นรกชัดๆ
ความฝัน ความคาดหวังของ คนรอบข้าง แรงกดดัน ของ การทำงาน และหลายสิ่งหลายอย่างที่ ผู้เขียน ได้พูด ถึง แม้ว่า จะเป็นการพูดเหมือน ผู้เขียน กำลังคุยกับตัวเอง แต่ สิ่งที่ ผู้เขียน บรรยายออกมานั้น มันช่าง สะกิดใจคนอ่าน เป็นอย่างมาก
ได้ทั้งงานที่อยากทำและคนอื่นยอมรับ ทำไมถึงอยากหนีให้พ้น ๆ ไปขนาดนี้นะ
นี่เป็นหนังสือสำหรับใครก็ตามที่กำลังทอดถอนใจกับงานในปัจจุบันของตนเอง บันทึกความพยายามและความเจ็บปวดของหนึ่งในหลายคนที่กำลังสู้ชีวิตและสับสนกับชะตาของตัวเองอยู่
นักเขียนเล่าเรื่องการเป็นพนักงานบริษัทในหลายตำแหน่งของตนเองอย่างมีสีสัน สะท้อนปมปัญหา ห้วงความคิดและสารพัดอารมณ์ที่คนทำงานออฟฟิศทุกคนต้องเคยเจอ โดยมุ่งหวังว่าหนังสือเล่มนี้จะเป็นเพื่อนร่วมทางให้นักอ่าน ทำให้พวกเขารู้ว่าไม่ได้กำลังท้อแท้หรือหมดหวังอยู่เพียงคนเดียว
ที่สำคัญคือมันโอเคมาก ๆ ที่จะเหนื่อยบ้างบ่นบ้างในวันที่สุดจะทน และขอให้พวกเขาจงเชื่อมั่นว่าวันพรุ่งนี้ที่ดีกว่าจะมาถึง และทุกคนเข้มแข็งพอที่จะอยุ่ได้จนถึงวันนั้น
BLOOM: ยังไม่ทันเข้างาน ก็อยากกลับบ้านแล้ว nmb
เล่มนี้โดนมากกก ยังไม่ทันเข้างาน ก็อยากกลับบ้านแล้ว
• ผู้เขียนจับประเด็นสากลที่พนักงานออฟฟิศส่วนใหญ่ล้วนพบเจอ ทั้งเรื่องการเติบโตเส้นทางอาชีพ สมดุลระหว่างชีวิตและการทำงาน ไปจนถึงความสัมพันธ์ต่างๆ ทำให้อ่านแล้วอินเหมือนผู้เขียนมานั่งอยู่ในใจ
• เนื้อหาครอบคลุมทุกช่วงวัยทำงาน ตั้งแต่ first jobbers ไปจนถึงชาวออฟฟิศวัยกลางคนที่ผ่านประสบการณ์ทำงานมานับสิบปี
• สำนวนภาษาอ่านสนุกและมีวรรณศิลป์ โดดเด่นเรื่องการใช้ความเปรียบทำให้หัวข้อนั้นโดดเด่นน่าจดจำ
มื่อเราย้ายบริษัท เพราะคิดว่า อีกที หนึ่งจะดีกว่าที่เดิม แต่แล้ว เรากลับรู้สึกว่า เราเจอนรก ที่หนักกว่าเดิมด้วยซ้ำไป ด้วยคำถาม ว่า
"มีด้วยเหรอ บริษัท ที่ดีกว่า "
ผู้เขียน ให้ แง่คิดไว้ว่า บริษัท ทีดีกว่า ย่อมเป็น สิ่งที่ขี้นอยู่กับ ตัวบุคคลและช่วงเวลา ณ ขณะนั้น บริษัท นี้ หรือ บริษัท ไหนก็เป็น "บริษัทที่ดีกว่า" ได้ทั้งสิ้น ขึ้นอยู่กับว่า ในตอนนั้น เราให้คุณค่า กับเรื่องอะไร
ในหนังสือเล่มนี้ ยังสอน บทเรียนให้เรารู้ว่า ไม่จำเป็นต้องเอาตัวเราไปเปรียบเทียบกับใคร ไม่จำเป็นต้องไปอยากมีชีวิต แบบคนอื่น ต้องค้นหาทางเดินชีวิต และงานที่เหมาะกับเรา
ความเบื่อหน่ายต่อแรงกดดัน ภายในบริษัท ความคาดหวังของผู้คน และ การกดขี่ จากผู้อาวุโส ที่หาเราเถียงอะไรออกไป มันจะกลายเป็น ประเด็น คำพูดที่รุนแรงกลับมาอย่างเช่น ว่า "ฉันทำงานนี้มาก่อนเธอนะ" "ฉันเคยผ่านมาก่อน" และอื่นๆมากมาย
แต่เมื่อเรา เจอคำพูดคล้ายแบบนี้ไปเรื่อยๆ มันกลับทำให้เราอึดอัด เมื่อถึงช่วงหนึ่ง แล้ว ก็จะรู้สึก อยากระเบิดมันออก
ส่ิงเหล่านี้ ไม่ใช่แค่เป็นปัญหาในที่ทำงานแต่มันคือปัญหา ทางสังคม ที่อ่านแล้ว แม้ว่าจะเป็นเรื่องราว ของคนเกาหลีใต้ แต่ทำไมมันตรง กับ ประสบการชีวิตการทำงานของผม เป็นอย่างมาก
อยากแนะนำให้ นักศึกษา ได้อ่าน
หนังสือเล่มนี้ ดีนะครับ ผม อ่านแล้วคิดว่า น้องๆ นักศึกษามหาวิทยาลัย ที่กำลังสับสน ค้นหาตัวเองไม่เจอ ไม่รู้จะเลือกสาขาอาชีพอะไรและควรจะไปทำอะไร ต่อไป หนังสือ เล่มนี้ไม่ไช่ How to จ๋าๆ ที่จะแนะนำให้เราสามารถเลือกทางเดินได้ หนังสือ เล่มนี้ ในแต่ละบทตอน ผู้เขียน ว็อนจีซู ไม่เคย สรุปเลยว่า ทางเลือกไหน ดี ทางเลือกไหน ถูก เขาแค่บอกเล่าประสบการณืของเธอเองว่า ทำไมเธอเลือกทางนี้ แล้วเธอเจออะไรมาบ้าง
คำพูด คำถามมากมายจากคนรอบข้าง เธอไมไ่ด้ รับมืออะไรกับมัน แต่เมื่อเวลาผ่านไป เธอเข้าใจมันมากขึ้น และ อาจจะเป็นแนวทาง ในการตัดสินใจ ให้กับ น้องๆ นักศึกษา ในการก้าวเข้าสู่อาชีพการงาน ต่อไปในอนาคต
เพราะ การเริ่มชีวิต การทำงาน คือการเริ่มต้นชีวิตใหม่อีกรอบ
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2024 Blockdit
