5 ธ.ค. 2023 เวลา 12:00 • ความคิดเห็น

เรื่องที่ไม่อยากเล่า 1

มีหลายเรื่องมากเลยที่อยู่ในใจ ไม่ได้อยากเล่าให้ใครฟัง เหมือนรู้สึกไปเองว่าเป็นความรู้สึกด้านลบ เลยไม่ได้อยากส่งต่อให้คนอื่น แต่พอมันอยู่ในใจเราเรื่อยๆ ก็ทำให้แย่ได้เหมือนกัน สุดท้ายก็ต้องหาทางระบายออก พอได้คุยกับคนอื่น ทำให้รู้ว่าจริงๆ แล้วเราไม่ได้เป็นอยู่คนเดียว เลยอยากจะมาแบ่งปันเรื่องราวที่คนอื่นก็อาจจะประสบอยู่ จะได้ไม่รู้สึกโดดเดี่ยว หรืออย่างน้อยๆ ก็โดดเดี่ยวไปด้วยกัน 😊
ส่วนตัวเพิ่งกลับมาจากอเมริกา ตอนกลับมาช่วงแรกคือความรู้สึกดิ่งหนักมาก มากแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ก่อนหน้าที่จะไปอเมริกา เป็นคนที่อยู่คนเดียวได้ ทำอะไรคนเดียวมาตลอด ไม่ได้ทุกข์ร้อนอะไรเลยสักนิด แต่พอกลับมา เหมือนอยู่ดีๆ ก็รู้สึกว่าอยู่ตัวคนเดียวไม่ได้อีกต่อไป รู้สึกทั้งเหงาทั้งโดดเดี่ยว
จะคุยกับเพื่อนที่อเมริกา เวลาก็ไม่ตรงกัน คุยก็ยากอีก และเอาจริงๆ ก็ไม่ได้อยากโทรคุยขนาดนั้น อยากส่งข้อความไปมามากกว่า สำหรับเพื่อนที่ไทย ก็ไม่ได้นัดกันได้ง่ายขนาดนั้น ทุกคนต่างมีภาระหน้าที่ แล้วช่วงสัปดาห์แรก จำได้ว่าไม่ได้อยากเจอใครเป็นพิเศษ
จำได้ว่าช่วงแรกคือ jetlag ตื่นประมาณตี 3 ตี 4 ทุกวัน แล้วเป็นช่วงที่ในใจโหวงมาก มากจนรู้สึกว่าเราเป็นซึมเศร้าหรือเปล่า ต้องไปหาหมอไหม หรือต้องปรึกษาใครไหม เป็นช่วงที่ร้องไห้หนักมาก อยู่ๆ ก็ร้องออกมาหลายครั้งมาก ร้องคนเดียว ร้องกับคนอื่น ร้องฟูมฟาย จากคนที่ปกติไม่ร้องไห้เลย
คิดว่าน่าจะเป็นเพราะเครียดหลายอย่างพร้อมๆ กันด้วย เนื่องจากกลับมาก็ต้องคิดว่าจะเอายังไงต่อในเรื่องงาน เรื่องเรียนต่อ เรื่องเงิน ทุกอย่างเหมือนรุมเร้าเข้ามาในช่วงเดียวกัน การใช้ชีวิตที่อเมริกาเหมือนเป็นดินแดนแห่งความฝัน ที่พอกลับมาก็ต้องกลับมาอยู่ในโลกความเป็นจริง เลยต้องกลับมาค่อยๆ ตั้งสติใหม่
สิ่งที่ช่วยเยียวยาได้ดีที่สุดตอนนั้นคือ "หนังสือ" การนั่งอ่านหนังสือพอจะช่วยลดความฟุ้งซ่านได้ในระดับนึง ได้มานั่งคิด ตรึกตรองว่ารู้สึกยังไง จะทำยังไงกับชีวิตต่อ จะไปทางไหน จะเปลี่ยนตัวเองยังไง
จำได้ว่าตอนนั้นอ่านไป 2-3 เล่ม เป็นหนังสือนิยายเกือบทั้งหมด แต่เรื่องที่ติดตราตรึงใจที่สุดคือ “หนังสือเรื่องนี้ที่คุณตามหา” เป็นนิยายเล่าเรื่องราวในชีวิตของคนหลากหลายวัย หลายอาชีพ ที่ทุกคนประสบปัญหาของตัวเอง จนได้เจอบรรณารักษ์แนะนำหนังสือให้พวกเขาคนละเล่ม ซึ่งเป็นเหมือนหนังสือที่เปลี่ยนชีวิตพวกเขาไป แต่แท้จริง แล้วเป็นตัวเขาเองต่างหากที่ทำให้ชีวิตพวกเขาเปลี่ยนไป
เรื่องราวในหนังสือเล่มนั้นทำให้รู้สึกว่าทุกอย่างเชื่อมโยงกันไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง สิ่งที่เราทำไป ดูไม่ส่งผลอะไรในตอนที่ทำ แต่จริงๆ บางทีอาจจะส่งผลกับเราในอนาคตได้ โดยที่เราไม่ตั้งตัวหรือรู้ตัวเลย หรือบางอย่างที่เราทำไม่ประสบความสำเร็จในตอนนี้ เช่น สัมภาษณ์งานไม่ผ่าน สอบไม่ผ่าน หรือทำธุรกิจล้มเหลว ก็ไม่ได้หมายความว่าเราเป็นคนไม่มีความสามารถ แต่เป็นเพียงบททดสอบที่เข้ามาในชีวิตเพื่อให้เราก้าวต่อไปเท่านั้นเอง
ส่วนตัวชอบช่วงนึงของหนังสือที่สุด "มีถมเถไป คนโสดมักอิจฉาคนแต่งงานแล้ว คนแต่งงานแล้วมักอิจฉาคนมีลูก ส่วนคนมีลูกก็อิจฉาคนโสด เหมือนม้าหมุนที่หมุนวนไปเรื่อยๆ น่าสนใจดีนะ ต่างคนต่างก็ตามหลังคนข้างหน้า ไม่มีหัวแถวหรือท้ายแถว แปลว่าความสุขไม่มีทั้งข้อดี ข้อด้อย หรือรูปร่างที่สมบูรณ์ไงล่ะ"
สิ่งที่ทำให้ตัวเองเครียดที่สุด รู้ตัวเลยว่าคือการเปรียบเทียบตัวเองกับคนอื่น รู้สึกว่าตัวเองประสบความสำเร็จในเรื่องเรียน เรื่องงาน หรือเรื่องอื่นๆ ช้ากว่าเพื่อนๆ ตลอด ทำให้เป็นความเครียดที่สะสมมายาวนาน ตอนอ่านข้อความนั้น คือก็เหมือนปลดล็อกตัวเองได้นิดนึง ถามว่ายังมีอิจฉาอยู่บ้างไหม ถ้าบอกว่าไม่มีเลยก็เหมือนโกหก แต่กลับรู้สึกยินดีกับตัวเอง รวมถึงคนอื่นๆ มากขึ้น กับจุดที่ตัวเองยืนอยู่
โฆษณา