Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
Wealthy Thai
•
ติดตาม
6 ธ.ค. 2023 เวลา 03:45 • หุ้น & เศรษฐกิจ
เปิดรายชื่อหุ้นกลุ่มค้าปลีกสุดเด่น
รับผลบวกมาตรการ “Easy E-Receipt” ดีเดย์ใช้วันที่ 1 ม.ค. – 15 ก.พ. 67
เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมาคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบมาตรการ "Easy E-Receipt" (e-Refund เดิม) โครงการซื้อสินค้าและบริการจากร้านค้าที่อยู่ในระบบภาษี โดยจะต้องมีใบกำกับภาษีเต็มรูปแบบ ในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ผ่านระบบ e-Tax Invoice & e-Receipt ของกรมสรรพากร มูลค่าไม่เกิน 50,000 บาท มีผลตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม – 15 กุมภาพันธ์ 2567
สำหรับมาตรการ Easy E-Receipt มีวัตถุประสงค์เป็นการสนับสนุนการบริโภคในประเทศ สนับสนุนผู้ประกอบการที่อยู่ในระบบภาษีให้ใช้ระบบภาษีอิเล็กทรอนิกส์ รวมถึงส่งเสริมการผลิตสินค้าท้องถิ่นและการอ่าน ส่งเสริมให้ผู้ประกอบการเข้าสู่ระบบภาษีและการใช้ระบบภาษีอิเล็กทรอนิกส์
นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) มีความเห็นว่า ประเด็น Easy E-Receipt ซื้อสินค้าตั้งแต่ 1 มกราคม – 15 กุมภาพันธ์ 2567 ขอใบรับกำกับภาษีออนไลน์ ลดหย่อนสูงสุด 50,000 บาทต่อคน สำหรับคนที่ไม่ได้สิทธิ์ตามมาตรการ Digital Wallet มองจิตวิทยาบวกต่อกลุ่มค้าปลีก เน้น CPALL, CPAXT และ CRC
ขณะที่นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) มองว่ามาตรการดังกล่าว คาดกระตุ้นการใช้จ่ายของประชาชนมากขึ้นเป็นบวกกับกลุ่มห้างสรรพสินค้า (CRC), วัสดุก่อสร้าง (HMPRO DOHOME GLOBAL), ค้าปลีกมือถือ (COM7 JMART SYNEX)
ส่วนนักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด ประเมินว่า จากการพิจารณาข้อมูลสถิติ พบว่า กลุ่มสินค้าไอทีและของตกแต่งบ้านจะเคลื่อนไหวได้ดีกว่าตลาดในช่วง 1 เดือน ก่อนเริ่มมาตรการ แล้วจะถูก Sell on fact เพื่อสลับไปเป็นกลุ่มค้าปลีกสินค้าอุปโภคบริโภค เช่น CRC, CPALL, BJC ในช่วงดำเนินมาตรการ
และนักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ ดาโอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) มองกลุ่มสินค้า Electronics และ Basket size ใหญ่ได้ประโยชน์ โดยเฉพาะกลุ่มสินค้า IT กลุ่ม Home product และห้างสรรพสินค้าที่มีขนาด basket size ใหญ่จะได้ประโยชน์มากที่สุด
ทั้งนี้เนื่องจากผู้ที่คาดว่าจะใช้สิทธิ์นี้เป็นผู้มีรายได้ระดับกลางขึ้นไป และไม่เข้าเกณฑ์ของ Digital Wallet 1 หมื่นบาท (รายได้รวมไม่เกิน 70,000 บาทต่อเดือน และมีเงินเก็บไม่เกิน 500,000 บาท) ซึ่งทางรัฐบาลประเมินว่าผู้ที่มีรายได้เกิน 70,000 บาทต่อเดือน อยู่ที่ 1.3 ล้านคน และผู้ที่มีเงินในบัญชีรวมทุกบัญชีเกิน 500,000 บาท อยู่ที่ 3.5 ล้านคน
ดังนั้นหากทุกคนใช้สิทธิ์มาตรการ 50,000 บาทนี้ จะมีเงินจับจ่ายใช้สอยในช่วงวันที่ 1 ม.ค. – 15 ก.พ. 2567 อยู่ที่อย่างน้อย 175,000 ล้านบาท
โดยกลุ่ม Commerce คงน้ำหนัก "Overweight" หุ้นที่จะได้รับประโยชน์สูงที่สุดเรียงจากมากไปน้อยได้แก่ COM7 (ซื้อ/เป้า 30.00 บาท) HMPRO (ซื้อ/เป้า 16.30 บาท) CRC (ซื้อ/เป้า 48.00 บาท) และ CPN (ซื้อ/เป้า 82.00 บาท)
การลงทุน
หุ้น
เศรษฐกิจ
บันทึก
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2024 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย