14 ธ.ค. 2023 เวลา 05:30 • ธุรกิจ

5 ตัวอย่างการนำระบบ AI-Face recognition มาใช้งานกับธุรกิจ

อ่านบทความฉบับเต็มคลิก : http://bit.ly/3ZKBdlL
วันนี้ AIGEN จะพามาทำความรู้จักกับระบบ AI-Face recognition ที่เป็นเทคโนโลยีสำคัญที่อยู่เบื้องหลังของการยืนยันตัวตนด้วยใบหน้า พร้อมทั้งตัวอย่างของการนำระบบ AI-Face recognition ไปประยุกต์ใช้กับธุรกิจ
1. การยืนยันตัวตนด้วยใบหน้าเพื่อทำธุรกรรมต่างๆ บนแอปพลิเคชันของธุรกิจ
ธุรกิจสามารถนำระบบ AI-Face recognition มาใช้เพื่อยกระดับความปลอดภัยในการทำธุรกรรมต่างๆ ด้วยการยืนยันตัวตนด้วยใบหน้า โดยเฉพาะกับธุรกิจการเงิน และธนาคาร ธุรกิจประกัน และธุรกิจสินเชื่อออนไลน์สำหรับการทำธุรกรรมที่มีความเสี่ยงในระดับกลาง และต่ำ ด้วยการเปรียบเทียบใบหน้าจากรูปถ่ายเซลฟี่กับรูปถ่ายในบัตรประชาชนว่าเป็นบุคคลคนเดียวกันจริงหรือไม่ ซึ่งแต่เดิมลูกค้าต้องเดินทางไปที่สาขาเพื่อที่จะยืนยันตัวตนกับพนักงาน
แต่ด้วยระบบ AI-Face cognition นั้นลูกค้าสามารถทำได้ด้วยตนเองผ่านทางแอปพลิเคชันของธุรกิจ ประหยัดเวลาการเดินทางของลูกค้า และตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้ายุคใหม่ได้เป็นอย่างดีด้วยบริการที่สะดวก และปลอดภัย ทำให้ลูกค้าสามารถเข้าใช้งานบริการต่างๆ ของธุรกิจได้อย่างรวดเร็วมากยิ่งขึ้น ส่งผลทำให้รายได้กลับเข้ามาที่บริษัทได้เร็วขึ้นนั่นเอง
ไม่เพียงแต่ธุรกิจการเงิน และธนาคาร หรือธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการเงินเท่านั้นถึงจะสามารถใช้การยืนยันตัวตนด้วยใบหน้าได้ ธุรกิจประเภทอื่นๆ ก็สามารถนำระบบ AI-Face recognition ไปประยุกต์ใช้ได้เช่นกัน แทนวิธีการเข้าใช้งานระบบ หรือวิธีการเข้าถึงข้อมูลแบบเดิม
เช่น การใช้ Password หรือจะเป็นการสมัครสมาชิกเพื่อเป็นตัวแทนจำหน่ายที่จะต้องมีการยืนยันตัวตนสำหรับธุรกิจที่ขายสินค้าผ่านตัวแทนจำหน่าย รวมถึงธุรกิจพัฒนาแพลตฟอร์ม และแอปพลิเคชันเองสามารถนำ AI-Face recognition ไปใช้สำหรับการยืนยันตัวตนผู้ทำการล็อกอินเข้าใช้งาน เป็นต้น
2. การลงทะเบียนเพื่อใช้บริการของธุรกิจ หรือหน่วยงานภาครัฐได้ด้วยตนเอง
ระบบ AI-Face recognition สามารถนำมาใช้สำหรับให้ลูกค้า หรือผู้มาใช้บริการสามารถลงทะเบียนเพื่อเข้ารับบริการต่างๆ จากหน่วยงานภาครัฐได้ด้วยตนเอง (Self-service)
โดยที่ผู้มาใช้บริการสามารถถ่ายรูปเซลฟี่ใบหน้า และบัตรประชาชนเพื่อประมวลผล และยืนยันว่าเป็นบุคคลคนเดียวกัน ช่วยลดเวลาการรอการเข้าคิวเพื่อจะลงทะเบียน และประหยัดจำนวนบุคลากรที่ต้องใช้ในขั้นตอนการลงทะเบียน ทำให้บุคลากรมีเวลาโฟกัสในการให้บริการในเคสลูกค้าที่มีความซับซ้อนได้มากขึ้น
ตัวอย่างเช่น โรงพยาบาลสามารถนำระบบการลงทะเบียนด้วยตนเองไปใช้งานสำหรับให้คนไข้ลงทะเบียนเพื่อเข้ารับการรักษาได้ ซึ่งจะช่วยอำนวยความสะดวกให้กับคนไข้ที่ต้องการความสะดวก และรวดเร็วได้เป็นอย่างดี
3. การตรวจสอบใบหน้าเพื่อเข้าตึกอาคารสำนักงาน หรือพื้นที่หวงห้าม
การนำ AI-Face recognition มาใช้กับการตรวจสอบใบหน้าเพื่อเข้าตึกอาคารสำนักงาน หรือพื้นที่หวงห้ามนั้นเป็นอีกหนึ่งรูปแบบการใช้งานที่เป็นที่นิยมในภาคธุรกิจหลายๆ อุตสาหกรรม เนื่องจากตั้งแต่มีเหตุการณ์โรคระบาดโควิด-19
จึงทำให้การนำระบบที่เป็น Contactless หรือระบบไร้สัมผัสมาใช้งานกันมากขึ้น จากแต่เดิมที่เวลาจะเข้าตึกออฟฟิศมักจะใช้เป็นการแตะบัตรพนักงาน หรือใช้ลายนิ้วมือ มาเป็นการใช้การสแกนใบหน้า ซึ่งช่วยยกระดับความปลอดภัยให้กับตึกสำนักงานได้เป็นอย่างดี เพราะกันไม่ให้ผู้ไม่ประสงค์ดีเข้ามาในตึกได้
อีกทั้งยังป้องกันเรื่องการฉ้อโกง เช่น ฝากบัตรพนักงานมาให้เพื่อนแตะบัตรเข้างานให้ เป็นต้น เนื่องจากใบหน้านั้นเป็นลักษณะจำเพาะบุคคล ไม่สามารถที่จะปลอมแปลง หรือขโมยกันได้นั่นเอง รวมถึงลดการสัมผัสตามอุปกรณ์ต่างๆ ช่วยลดโอกาสในการติดเชื้อโควิด-19 ได้อีกทาง
4. การตรวจสอบใบหน้าเพื่อเช็กการเข้าทำงาน
เป็นอีกหนึ่งตัวอย่างที่ธุรกิจนิยมนำ ระบบ AI-Face recognition ไปใช้งาน นอกจากจะช่วยสแกนคนในการเข้าไปในตึกออฟฟิศ หรือสำนักงานแล้วนั้น ยังใช้ในการเช็คการเข้างานของพนักงานได้อีกด้วย
จากแต่เดิมที่ใช้วิธีการแตะบัตรพนักงานเพื่อเช็คการเข้างาน ซึ่งอาจมีโอกาสที่พนักงานอาจจะทุจริตโดยการฝากบัตรพนักงานให้เพื่อนมาแตะบัตรแทนให้ สามารถป้องกันปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นเหล่านี้ได้ด้วยการนำระบบ AI-Face recognition มาใช้ในการเช็คการเข้างานของพนักงาน เพียงแค่พนักงานสแกนใบหน้า ระบบจะสามารถตรวจสอบรูปถ่ายใบหน้ากับรูปถ่ายในฐานข้อมูลที่มีอยู่ได้โดยทันทีว่าเป็นพนักงานคนไหน และหมดห่วงในเรื่องการทุจริต เนื่องใบหน้าถือเป็นอัตลักษณ์ของแต่ละคนซึ่งไม่สามารถปลอมแปลง หรือขโมยกันได้นั่นเอง
5. การตรวจสอบใบหน้าเพื่อเข้าร่วมงานอีเว้นต์
งานอีเว้นต์เป็นอีกหนึ่งตัวอย่างที่น่าสนใจในการนำระบบ AI-Face recognition ไปใช้งาน เนื่องจากจะช่วยประหยัดเวลา และจำนวนคนที่ต้องใช้ในการเช็คผู้เข้าร่วมงานแต่ละคน อีกทั้งยังช่วยให้ผู้ที่มาเข้าร่วมงานประทับในบริการที่รวดเร็ว เนื่องจากเพียงแค่สแกนใบหน้าก็สามาถเข้าร่วมงานได้เลย
โดยที่ระบบจะทำการเปรียบเทียบกับรูปที่มีอยู่ในระบบ หลังจากนั้นระบบจะทำงานส่งข้อมูลของใบหน้าที่มีความใกล้เคียงมากที่สุดกลับมาให้ ซึ่งหากมีค่าความเหมือนที่อยู่ในเกณฑ์จะหมายความว่ารูปภาพที่ส่งไปค้นหาในฐานข้อมูลมีตัวตนในระบบ แสดงวาเป็นบุคคลเดียวกันกับคนที่ได้ลงทะเบียนไว้นั่นเอง
Think AI Think AIGEN
ผู้ที่สนใจเกี่ยวกับการนำ aiFace โซลูชัน AI-Powered Face Recognition ไปใช้เพื่อช่วยยกระดับความปลอดภัยในการทำธุรกรรมให้กับธุรกิจ
สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ AIGEN ได้ที่
· Facebook : AI GEN : ไอเจ็น
· Line : @aigen
โฆษณา