ซึ่งทั้ง 20 เรื่อง ส่วนมากเป็นหนังฟอร์มยักษ์แทบทั้งสิ้น ทั้งหนังฮีโร่อย่าง “Ant-Man and the Wasp: Quantumania”, “Guardians of the Galaxy Vol.3”, “The Marvels” ของ Marvel Studios และ “Aquaman and the Lost Kingdom” ของ Warner Bros.
รวมถึงผลงานแอ็คชั่นไซไฟอย่าง “The Creator”, “Indiana Jones and the Dial of Destiny”, “Mission: Impossible – Dead Reckoning Part One” กับ “Transformers: Rise of the Beasts” และหนังแฟนตาซีผจญภัยอย่าง “Dungeons & Dragons: Honor Among Thieves”
รวมถึงฝั่งสตรีมมิ่งอย่าง Netflix ก็ได้มีผลงานที่มีสิทธิชิงถึง 3 เรื่อง อย่าง “Nyad”, “Society of the Snow” และภาคแรกของหนังไซไฟฟอร์มยักษ์อย่าง “Rebel Moon: Part One – A Child of Fire”
แต่ที่น่าสนใจก็คือ หนังฟอร์มเล็กของจอร์จ คลูนีย์ อย่าง “The Boys in the Boat” ของ Amazon MGM รวมถึงหนังอสูรกายของประเทศญี่ปุ่น ของ โตโฮ อย่าง “Godzilla: Minus One” และ “Poor Things” หนังตลกร้ายของยอร์กอส แลนทิมอส โดย Searchlight Pictures ก็ติดโผเข้ามาด้วย
ด้านแอนิเมชันแห่งปีอย่าง “Spider-Man: Across the Spider-Verse” ของ Sony ก็ได้ติดโผมีสิทธิเข้าชิงด้วยเช่นกัน และถือเป็นความน่าสนใจ เพราะมีแอนิเมชันเพียงสองเรื่องอย่าง “The Nightmare Before Christmas” (1993) และ “Kubo and the Two Strings” (2016) เท่านั้น ที่เคยติดโผเข้าชิงสาขา เทคนิคพิเศษด้านภาพยอดเยี่ยม
รวมถึงหนังที่มีการเนรมิตเทคนิคพิเศษด้านภาพอย่าง “Blue Beetle,” “The Little Mermaid,” “The Flash,” “Meg 2,” “Ferrari” และ “Shazam! Fury of the Gods.” ก็ไม่ได้ติดโผมีสิทธิเข้าชิง
โดยผู้ชนะรางวัล เทคนิคพิเศษด้านภาพยอดเยี่ยม ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา มีทั้ง “Avatar: The Way of Water“, “Dune: Part One“, “Tenet“, “1917” และ “First Man“