8 ธ.ค. 2023 เวลา 09:23 • ท่องเที่ยว

Japan Autumn 2023 (17) .. วัดเซ็นโซจิ หรือวัดอาซากุสะ

Japan Autume 2023 (17) .. วัดเซ็นโซจิ (Sensoji Temple )
Senso-ji เป็นวัดที่เก่าแก่ที่สุดในโตเกียว เป็นที่รู้จักทั่วประเทศญี่ปุ่น เป็นวัดของพระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์ (โช คันเซอง โบซัตสึ) ผู้ทรงแสดงความเมตตาของพระพุทธเจ้าทั้งหลาย .. รวมถึงเป็นศูนย์กลางความศรัทธาทางศาสนาที่สำคัญแห่งนี้ดึงดูดผู้สักการะ 30 ล้านคนทุกปี
เซนโซ-จิ (浅草寺 มีชื่ออย่างเป็นทางการว่า Kinryū-zan Sensō-ji (金龍山浅草寺) หรือที่รู้จักในชื่อ อาซากุสะ คันนง (浅草観音)) [sẽ̞ꜜɰ̃so̞ːʑi] ⓘ เป็นวัดพุทธโบราณที่ตั้งอยู่ในอาซากุสะ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น เป็นวัดที่เก่าแก่ที่สุดในโตเกียวและเป็นหนึ่งในวัดที่สำคัญที่สุด
ตำนานเล่าว่า .. ในปี 628 ชาวประมงที่ออกหาปลาในแม่น้ำสุมิดะ (Sumida) ทอดแหได้เทวรูปเจ้าแม่กวนอิมทองคำ ซึ่งเป็นเทพีแห่งความเมตตา และถึงแม้พวกเขาจะนำรูปปั้นกลับลงไปในแม่น้ำ แต่รูปปั้นนั้นก็กลับมาหาพวกเขาเสมอ .. ด้วยเหตุนี้ วัดเซ็นโซจิ จึงถูกสร้างขึ้นใกล้กับเจ้าแม่กวนอิม วัดนี้สร้างเสร็จในปี 645 จึงเป็นวัดที่เก่าแก่ที่สุดในโตเกียว
.. มีเรื่องเล่าลือกันด้วยว่า ใครที่มากราบไหว้ขอพร ต่างก็มักจะสมปรารถนา
.. ตำนานเจ้าแม่กวนอิมทองคำ ดึงดูดให้ผู้คนแวะเวียนมาสักการะ วัดเซ็นโซจิ กันอย่างไม่ขาดสาย โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลสำคัญของพระพุทธศาสนา และวันขึ้นปีใหม่ จะมีผู้คนจำนวนมหาศาล เดินทางมาขอพรกันอย่างคับคั่ง นับตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันเลยทีเดียว
ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 .. วัดถูกทิ้งระเบิดและทำลายในระหว่างการโจมตีทางอากาศที่กรุงโตเกียวเมื่อวันที่ 10 มีนาคม แต่ได้รับการสร้างขึ้นใหม่ในภายหลัง และเป็นสัญลักษณ์ของการเกิดใหม่และความสงบสุขของชาวญี่ปุ่น ในลานวัดมีต้นไม้ต้นหนึ่งที่ถูกระเบิดโจมตีทางอากาศ และได้งอกขึ้นมาใหม่ในเปลือกของต้นไม้เก่าแก่และเป็นสัญลักษณ์ที่คล้ายกับตัววัดเอง
เมื่อเดินเข้าใกล้วัด .. ความคึกคักของถนนช้อปปิ้งยาวกว่า 200 เมตรที่เรียกว่า “นากามิเสะ (Nakamise-dori)” .. ทอดตัวจากประตูด้านนอกไปยังประตูที่สองของวัด
.. เป็นถนนช้อปปิ้ง ที่มีร้านค้าเล็กๆครบทั้ง อาหารแบบดั้งเดิม, ของที่ระลึกแบบญี่ปุ่นทั่วไป เช่น ชุดยูกาตะและพัดแบบพับได้, ภาพอุกิโยะ (ภาพพิมพ์แกะไม้) ชุดกิโมโนและเสื้อคลุมอื่นๆ ม้วนหนังสือพุทธศาสนาเครื่องราง และขนมนานาชนิดให้เลือกช้อปมากมายกันนั่นเอง
... ร้านค้าเหล่านี้เป็นส่วนหนึ่งของประเพณีการขายของให้กับผู้แสวงบุญที่เดินไปที่เซ็นโซจิ มีประวัติยาวนานหลายศตวรรษ
ทางเดินเข้าสู่ด้านในของวัด
Photo : Internet
Kaminarimon “คามินาริมง” หรือ "ประตูสายฟ้า"
Kaminarimon ... เป็นประตูด้านนอกของประตูทางเข้าขนาดใหญ่ 2 บานที่นำไปสู่เซ็นโซ-จิ (ด้านในคือโฮโซมอน) ในอาซากุสะ โตเกียว ประเทศญี่ปุ่น
.. ประตูที่มีโคมไฟและรูปปั้นเป็นที่นิยมในหมู่นักท่องเที่ยว มีความสูง 11.7 เมตร (38 ฟุต) กว้าง 11.4 เมตร (37 ฟุต) และครอบคลุมพื้นที่ 69.3 ตารางเมตร (746 ตารางฟุต) ประตูแรกสร้างขึ้นในปี 941 แต่ประตูปัจจุบันสร้างขึ้นในปี 1960 หลังจากที่ประตูก่อนหน้าถูกทำลายในเหตุเพลิงไหม้ในปี 1865
รูปปั้น 4 รูปตั้งอยู่ในคามินาริมง .. 2 รูปอยู่ที่ซุ้มด้านหน้า และอีก 2 รูปอยู่ที่อีกด้านหนึ่ง
.. ที่ด้านหน้าประตู มีการจัดแสดงรูปปั้น “เทพเจ้าชินโต ฟูจิน” และ “ไรจิน ฟูจิน” เทพเจ้าแห่งลม ตั้งอยู่ทางฝั่งตะวันออกของประตู ในขณะที่ ไรจิน เทพเจ้าแห่งฟ้าร้อง ตั้งอยู่ทางฝั่งตะวันตก ประติมากรรมดั้งเดิมได้รับความเสียหายอย่างรุนแรงจากเพลิงไหม้ในปี 1865 มีเพียงหัวเท่านั้นที่รอดมาได้ และรูปปั้นต่างๆ ได้รับการบูรณะสำหรับการก่อสร้างประตูใหม่ในปี 1960
รูปปั้นอีก 2 รูปยืนอยู่ที่ด้านหลังของประตู: “เทพเจ้าเท็นริว” ทางทิศตะวันออก และ “เทพีคินริว” ทางฝั่งตะวันตก .. สิ่งเหล่านี้ถูกบริจาคในปี 1978 เพื่อรำลึกถึงวันครบรอบ 1,350 ปีของการปรากฏครั้งแรกของพระโพธิสัตว์คันนอน (อวโลกิเตศวร) ที่อาซากุสะ ซึ่งนำไปสู่การก่อตั้งวัดเซ็นโซจิ รูปปั้นเหล่านี้แกะสลักโดยปรมาจารย์ประติมากร Hirakushi Denchū วัย 106 ปีในขณะนั้น
โคมแดงยักษ์ (โชชิน) แขวนอยู่ใต้กลางประตู มีความสูง 3.9 เมตร (13 ฟุต) กว้าง 3.3 เมตร (11 ฟุต) และมีน้ำหนักประมาณ 700 กิโลกรัม (1,500 ปอนด์)
.. ตะเกียงปัจจุบันซึ่งเป็นครั้งที่ 5 สร้างขึ้นโดย Takahashi Chōchin K.K ในปี 2013 และมีฐานโลหะแบบเดียวกับโคมก่อนหน้านี้
.. ฐานมีป้ายชื่อที่เขียนว่า "มัตสึชิตะ เดงกิ" ซึ่งเป็นรูปแบบย่อของชื่อญี่ปุ่นเก่าของ “พานาโซนิค มัตสึชิตะ เดงกิ ซังเกียว คาบูชิกิ ไกชะ” .. ด้านหน้าโคมไฟมีชื่อประตู Kaminarimon (雷門) ด้านหลังมีชื่ออย่างเป็นทางการของประตูคือ Fūraijinmon (風雷神門) ในช่วงเทศกาลต่างๆ เช่น ซันจะมัตสึริ โคมไฟจะถูกปลดลงเพื่อให้วัตถุสูงๆ ลอดผ่านประตูได้
Hōzōmon
โฮโซมง (宝蔵門, "ประตูบ้านสมบัติ") อยู่ด้านในของประตูทางเข้าขนาดใหญ่ 2 บานที่นำไปสู่วัดเซนโซ-จิ .. เป็นประตู 2 ชั้น (นิจูมง) และชั้นที่สองเป็นที่เก็บสมบัติของวัดเซ็นโซจิจำนวนมาก
.. ชั้นที่ 1 มีรูปปั้น 2 องค์ โคมไฟ 3 ดวง และรองเท้าขนาดใหญ่ 2 ข้าง มีความสูง 22.7 เมตร (74 ฟุต) กว้าง 21 เมตร (69 ฟุต) และลึก 8 เมตร (26 ฟุต)
โฮโซมอน ถูกสร้างขึ้นครั้งแรกในปีคริสตศักราช 942 โดย “ไทระ โนะ คินมาสะ” ถูกทำลายด้วยไฟในปี 1631 และสร้างขึ้นใหม่โดย “โทคุกาวะ อิเอมิตสึ” ในปี 1636 และยืนหยัดต่อไปอีก 300 ปีจนกระทั่งถูกไฟไหม้อีกครั้งระหว่างการโจมตีทางอากาศของโตเกียวในปี 1945 ในปีพ.ศ. 2507 .. โครงสร้างคอนกรีตเสริมเหล็กในปัจจุบันได้ถูกสร้างขึ้นโดยเงินบริจาค 150 ล้านเยนจาก “โยเนะทาโร โมโตยะ”
เนื่องจากประตูถูกสร้างขึ้นใหม่โดยใช้วัสดุที่ทนไฟ ชั้นบนของโฮโซมอนจึงเก็บพระสูตรอันล้ำค่าของเซ็นโซจิไว้ สมบัติเหล่านี้ประกอบด้วยสำเนาสัทธรรมปุณฑริกสูตรที่ได้รับการกำหนดให้เป็นสมบัติประจำชาติของญี่ปุ่น และ อิสไซ-เคียว ซึ่งเป็นชุดคัมภีร์ทางพระพุทธศาสนาที่สมบูรณ์ที่ได้รับการกำหนดให้เป็นทรัพย์สินทางวัฒนธรรมที่สำคัญ
โฮโซมงเป็นที่ประดิษฐานรูปปั้นผู้พิทักษ์ 2 รูปซึ่งตั้งอยู่ที่ด้านทิศใต้ของประตูทั้ง 2 ข้าง .. รูปปั้นสูง 5.45 เมตรเป็นตัวแทนของ Niō ซึ่งเป็นเทพผู้พิทักษ์ของพระพุทธเจ้า เนื่องจากรูปปั้นเหล่านี้ ประตูจึงถูกเรียกว่า Niōmon (仁王門, "ประตู Niō") ก่อนที่จะเปลี่ยนชื่อเป็น Hōzōmon
ประตูยังมีโคมไฟขนาดใหญ่ 3 ดวง .. โคมไฟที่ใหญ่ที่สุดและโดดเด่นที่สุดคือโชชินสีแดงที่แขวนอยู่ใต้ตรงกลางช่องเปิดประตู โคมไฟนี้มีความสูง 3.75 เมตร เส้นผ่านศูนย์กลาง 2.7 เมตร และหนัก 400 กิโลกรัม
โคมไฟนี้แสดงชื่อเมือง Kobunachō (小舟町) การทำซ้ำโคมไฟในปัจจุบันย้อนกลับไปในปี 2546 เมื่อชาวโคบุนาโชบริจาคเงิน 5 ล้านเยน การบริจาคนี้เป็นการรำลึกถึงวันครบรอบ 400 ปีการเริ่มต้นของสมัยเอโดะ ทั้ง 2 ด้านของโชชิน แขวน โทโรทองแดงสูง 2.75 เมตร สองตัว หนักประมาณ 1,000 กิโลกรัม ต่อตัว โคมไฟทั้งสามดวงจะถูกถอดออกในช่วงเทศกาลต่างๆ เช่น ซันจะมัตสึริ
ทางเหนือของโฮโซมอน (ด้านหลัง) มีวาราจิ ซึ่งมีความยาว 4.5 เมตร 2 สองตัว กว้าง 1.5 เมตร ซึ่งมีน้ำหนักข้างละ 400 กิโลกรัม
ห้องโถงหลัก เป็นที่ประดิษฐานรูปเคารพหลักของวัดคือ “พระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร” อันศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งเป็นที่รู้จักว่ามีพระเมตตากรุณามากที่สุด ทรงบรรเทาทุกข์และตอบคำอธิษฐานด้วยความเมตตากรุณาอย่างยิ่ง
เรามาถึงวัดในช่วงกลางคืน ซึ่งวิหารพระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์ ปิดไปแล้ว .. แต่ก็ยังมีพุทธศาสนิกชนที่เลื่อมใส ศรัทธา เข้าคิวต่อแถวยาว เพื่อสักการะพระองค์นี้อยู่ด้านนอกวิหาร
.. แม้ว่าจะไม่มีรูปภาพมาฝาก แต่ยังอยากจะเล่าเรื่องให้ฟังค่ะ
พระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์หรือที่เรียกกันทั่วไปว่าพระคันนอนสามารถเปลี่ยนรูปได้ พระโพธิสัตว์คันนอนปรากฏในรูปแบบนับไม่ถ้วน เช่น จุยจิเมน (11 หน้า) เซ็นจู (1,000 กร) และเนียวริน (อัญมณีแห่งการขอพรและกงล้อธรรม) ซึ่งทั้งหมดนี้อิงจากพระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์ที่มีหน้าเดียวและสองมือ
Photo : Internet
ในห้องโถงใหญ่ (คันนงโด) .. มีผลงานอักษรวิจิตรชิ้นเอกสองชิ้นโดยโนกุจิ เซกโกะ ซึ่งเป็นหนึ่งในสามช่างคัดอักษรที่ดีที่สุดแห่งยุคเอโดะ (ประมาณปี 1800) ป้ายถูกแขวนไว้ที่แต่ละด้านของกล่องถวายใหญ่
เนื่องจากพระสงฆ์ Shokai ผู้มีชื่อเสียงได้ตัดสินใจซ่อนรูปปั้นเจ้าแม่กวนอิมไว้ไม่ให้ใครเห็นในปี 645 รูปปั้นนี้จึงถูกเก็บไว้ในซูชิกอร์เจียน (วัดจิ๋ว) โดยมีกุญแจล็อคหลายอัน ซึ่งทำให้แม้แต่หัวหน้านักบวชของวัดเซ็นโซจิก็ไม่สามารถเข้าไปดูได้
Photo : Internet
*หากต้องการสวดมนต์ที่ห้องโถงใหญ่ ให้วางมือประสานกันในท่าสวดมนต์ตามหลักศาสนาพุทธ และสวดมนต์ “นะมุ คันเซอง โบซัตสึ หรือ “ข้าพเจ้าขอวางใจในพระโพธิสัตว์เจ้าแม่กวนอิม”
ตรงหน้าศาลาหลักของวัดมีกระถางธูปอยู่ จุดนี้ให้เอามือโบกควันธูปเข้าตัวเพื่อความเป็นศิริมงคล .. เชื่อกันว่าถ้ากวักเอาควันธูปเข้าหาตัวจะนำความโชคดีมาให้ นอกจากนี้ดชื่อว่า การทำบุญด้วย เหรียญโกะเอน (Go-en) หรือ เหรียญ 5 เยน จะทำให้โชคดียิ่งขึ้นไปอีกค่ะ
ตรงศาลาด้านขวามือของกระถางธูป คือ Sensoji Dragon Fountain เป็นจุดสำหรับตักน้ำชำระร่างกายค่ะ วิธีการก็คือ ใช้กระบวยตักน้ำล้างมือซ้าย → ล้างมือขวา → ล้างปาก → ล้างมือซ้าย → ล้างกระบวย
ตรงศาลาที่เขียวว่า “みくじ (Mikuji)” นั้นคือที่เสี่ยงเซียมซีค่ะ คำทำนายมีเป็นภาษาอังกฤษด้วย ลองไปเสี่ยงทายดูได้นะคะ ถ้าได้ใบที่ไม่ดีก็ให้เอามาผูกไว้ตรงเสาที่เตรียมไว้ให้ค่ะ
ส่วนศาลาที่เขียนว่า “お礼 お守り (Orei Omamori)” ซึ่งอยู่ด้านซ้ายมือของอาคารหลักของวัดคือร้านขายเครื่องรางค่ะ มีให้เลือกหลายแบบเลย .. สำหรับคนที่อยากได้ความโชคดีเต็มเม็ดเต็มหน่วยกลับไป ก็สามารถเช่าเครื่องรางของทางวัด ที่ต้องอำนวยอวยพรในเรื่องต่างๆ ทั้ง สุขภาพ การเงิน การงาน การเรียน หรือเรื่องเนื้อคู่ กลับไปได้อีกด้วยค่ะ
Five-storied Pagoda ผลงานชิ้นเอกของสถาปัตยกรรมญี่ปุ่นที่มีคุณค่าทางประวัติศาสตร์
เจดีย์สูง 5 ชั้นที่อุทิศให้กับเจ้าแม่กวนอิม โบซัตสึ เจ้าแม่กวนอิมแห่งความเมตตาแห่งนี้ สร้างขึ้นครั้งแรกในปี 942 ร่วมกับห้องโถงหลักของวัดเซ็นโซจิ
เจดีย์แห่งนี้ก็ถูกไฟไหม้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า และต่อมาได้รับการสร้างขึ้นใหม่ตลอดหลายศตวรรษ .. ในปีพ.ศ. 2454 ได้รับการประกาศให้เป็นสมบัติของชาติ
ภาพที่เห็นในปัจจุบันนี้สร้างขึ้นใหม่ในปี 1973 และมีความสูง 53.32 เมตร .. เจดีย์จะมีการประดับไฟในเวลากลางคืนเพื่อเน้นสีแดงสดอันงดงามร่วมกับประตูคามินาริมงและประตูโฮโซมง
Photo : Internet
ที่นี่มีกิจกรรมต่างๆ จัดขึ้นตลอดทั้งปีในบริเวณ “วัดเซ็นโซจิ” เทศกาลที่ใหญ่ที่สุดคือ “ซันจะมัตสึริ” (Sanja Matsuri) ซึ่งเป็นเทศกาลประจำปีของศาลเจ้าอาซากุสะที่จัดขึ้นในเดือนพฤษภาคม … กิจกรรมอื่นๆ ได้แก่ เทศกาล Asakusa Samba Carnival ในเดือนสิงหาคม และ Hagoita-ichi (ตลาด Hagoita) ซึ่งมีการจำหน่ายไม้พายไม้ประดับที่ใช้ในเกม Hanetsuki แบบดั้งเดิม
ตอนขากลับเราออกมาทางด้านซ้ายมือของอาคารหลัก ..
ด้านฝั่งนี้ส่วนใหญ่จะเป็นคนญี่ปุ่นมานั่งดื่มเบียร์กินอาหารกันเสียเยอะกว่านักท่องเที่ยวต่างชาติ เดินไปเรื่อยๆ ก็จะมาทะลุที่ถนนใหญ่ค่ะ
รูปประดับอาคารที่สวยงาม และน่าสนใจ .. แต่ไม่รู้ตำนานและเรื่องราวค่ะ
เราแวะทานก๋วยเตี๋ยว ซึ่งดูเหมือนจะเป็นร้านอาหารจีนมากกว่าจะเป็นร้านญี่ปุ่น .. รสชาติอร่อยใช้ได้เลย
โฆษณา