แอสตัน วิลล่า อันดับ 3 ไม่ได้มาเพราะโชคช่วย
น้อยครั้งมากที่คนอย่างเป๊ป กวาร์ดิโอล่า จะยอมศิโรราบให้คู่แข่งขนาดนี้ แต่หลังจากแพ้แอสตัน วิลล่า ที่วิลล่า พาร์ก เป๊ปให้สัมภาษณ์ว่า "ทีมที่ดีกว่าย่อมชนะ และแอสตัน วิลล่า ดีกว่าเราจริงๆ"
ตั้งแต่เป๊ปคุมทีมมาตลอดชีวิต ไม่เคยมีครั้งไหน ที่ทั้งเกมได้โอกาสยิง 2 ครั้ง แต่มันก็เกิดขึ้นในนัดนี้
ตั้งแต่เป๊ปคุมทีมมาตลอดชีวิต ไม่เคยมีครั้งไหน ที่โดนคู่แข่งล่อเป้า ได้ยิงถึง 22 ครั้ง และมันก็เกิดในเกมนี้เช่นกัน
ถ้าเทียบรายชื่อผู้เล่น 11 ต่อ 11 จะเห็นเลยว่า ทีมเรือใบสีฟ้าเหนือกว่าเยอะ พวกเขามีกองหน้าระดับโลกอย่างเออร์ลิ่ง ฮาแลนด์อยู่แท้ๆ แต่นัดนี้ ไม่สามารถทะลวงแนวรับของแอสตัน วิลล่าได้เลย
ทุกคนรู้ว่าวิลล่าเป็นทีมที่ดี และได้โควต้ายูฟ่า คอนเฟอเรนซ์ ลีก แต่มาปีนี้ พวกเขาอัพเกรดขึ้นอีก กลายเป็น 2 ทีมในลีก ที่มีสถิติชนะรวด 100% ในบ้าน และตอนนี้อยู่อันดับ 3 ของตารางคะแนน
ทำเป็นเล่นไป พวกเขามีโอกาสลุ้นแชมป์เลยนะนั่น
เกิดอะไรขึ้นกับวิลล่า ทำไมพวกเขาดีขึ้นแบบผิดหูผิดตาขนาดนี้ เราจะไปไล่เรียงกันตั้งแต่แรกนะคร้บ
ย้อนกลับไปในช่วงต้นฤดูกาลที่แล้ว (2022-23) แอสตัน วิลล่า มีผู้จัดการทีมคือสตีเว่น เจอร์ราร์ด ปรากฏว่าทีมฟอร์มแย่มาก อยู่อันดับ 16 ของตาราง อีกนิดเดียวจะหล่นไปโซนสีแดงอยู่แล้ว นั่นทำให้เจอร์ราร์ดโดนไล่ออก สโมสรแต่งตั้งอูไน เอเมรี่ ผู้จัดการทีมของบียาร์เรอัลมารับหน้าที่แทน
ตอนนั้นเอเมรี่ มีสัญญากับบียาร์เรอัลอยู่ ถ้าวิลล่าอยากได้ ต้องจ่ายค่าฉีกสัญญาสูงถึง 5.25 ล้านปอนด์ ซึ่งวิลล่ายอมจ่าย พวกเขามั่นใจจริงๆ ว่าเอเมรี่ จะช่วยยกระดับสโมสรให้ดีขึ้นกว่าเดิมได้
แล้วทำไมเอเมรี่ ถึงย้ายออกจากบียาร์เรอัล ทีมที่ได้แชมป์ยูโรป้าลีก และเข้ารอบรองชนะเลิศยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก มาอยู่วิลล่าที่กำลังหนีตาย? เรื่องนี้ กิลเยม บาลาเก้ นักข่าวคนดัง อธิบายว่า เป็นปมในใจของเอเมรี่ ที่ไม่ประสบความสำเร็จในพรีเมียร์ลีก เขาอยู่อาร์เซน่อลได้แค่ซีซั่นเดียว ก็โดนไล่ออก จนผู้คนคลางแคลงใจในความสามารถของเขา
ดังนั้นเมื่อได้โอกาสอีกครั้งจากทีมในพรีเมียร์ลีก จึงต้องการแก้ตัว ทำให้ผู้คนได้เห็นกันไปเลย ว่าเขาไม่ใช่ของปลอมนะ
เมื่อรับงานคุมวิลล่า สิ่งที่ผู้คนได้เห็นทันที คือเอเมรี่เป็นคนบ้างานอย่างมาก เขาทำงานวันละ 16 ชั่วโมง ไม่ใช่แค่จัดแผน คุมซ้อมเท่านั้น แต่เอเมรี่เตรียมข้อมูลอย่างละเอียดมาก
รายงานจากหนังสือพิมพ์เดอะ การ์เดี้ยน ระบุว่า เวลาคุมวิลล่าลงแข่งเสร็จ เขาย้อนกลับมาดูย้อนหลังแบบฟูลแมตช์ทุกนัด และบางครั้งวนดูซ้ำถึง 5 รอบเต็มๆ
นอกจากนั้น ยังลงทุนนั่งตัดคลิปนักเตะแต่ละคนที่ลงสนามด้วยตัวเอง เพื่อเอามาคุยกับนักเตะและสตาฟฟ์ ว่าการเล่นของคนนี้ผิดพลาดตรงไหน และจะพัฒนาให้ดีขึ้นได้อย่างไร
เอเมรี่ เข้าไปแก้ไขวัฒนธรรมองค์กรบางอย่าง เช่น ทุกๆ แมตช์ที่เล่นในบ้าน ปกตินักเตะจะนอนพักที่บ้านตัวเองในคืนก่อนแข่ง ตอนเที่ยงค่อยมารวมตัวกัน ก่อนลงเล่นเวลาบ่ายสาม
เอเมรี่ แก้รูทีนใหม่ เขาให้นักเตะทุกคนมานอนที่โรงแรม 1 คืนก่อนแข่ง และในช่วงดึก ได้จัด Pre-Match Meeting นั่งคุยกับนักเตะอย่างละเอียด ว่าคู่แข่งคือใคร เล่นแบบไหน และต้องมีแผนในการเข้าทำอย่างไร ใช้เวลามากขึ้น เพื่อให้นักเตะได้เข้าใจแท็กติก และรู้ว่าต้องเล่นฟุตบอลอย่างไรถึงจะชนะ
หนึ่งในนักเตะที่เปลี่ยนแปลงอย่างชัดเจน ตั้งแต่เอเมรี่ เข้ามาคุมทีมคือโอลลี่ วัตกินส์ กองหน้าของทีม
สิ่งที่เอเมรี่ขอให้วัตกินส์เปลี่ยน คือสไตล์การเล่น วัตกินส์เล่าว่า "เมื่อก่อนผมชอบวิ่งไปทั่วสนาม ฉีกซ้าย ฉีกขวา ผมคิดว่าการวิ่งเยอะๆ คือการทำงานหนักเพื่อทีม แต่มาตอนนี้ วิธีการเล่นของผมเปลี่ยนไปหมด ผมจะอยู่แต่ในกรอบเขตโทษ และรอจังหวะค่อยวิ่งเข้าไปทำประตู"
เอเมรี่ ต้องการให้วัตกินส์ เป็นกองหน้าตัวจบสกอร์ เขาไม่จำเป็นต้องวิ่งพล่าน เพราะหน้าที่วิ่งเป็นของคนอื่น วัตกินส์เก็บแรงเอาไว้ใช้ในยามยิงประตู และแอสซิสต์ก็พอ
เอเมรี่ เปิดคลิปของกองหน้าแบบธรรมชาติ เช่น เอดินสัน คาวานี่, ปิแอร์-เอเมริค โอบาเมย็อง และ คาร์ลอส บัคก้า ให้วัตกินส์ดู ว่าหัวหอกที่เล่นในเขตโทษแบบที่เขาต้องการคือแบบไหน
ในฤดูกาลนี้ เมื่อเปลี่ยนสไตล์จากเดิม วัตกินส์ ยิง 8 แอสซิสต์ 6 ทั้งๆ ที่ผ่านไปยังไม่ถึงครึ่งฤดูกาลด้วยซ้ำ เอาเป็นว่าในบรรดานักเตะทั้งพรีเมียร์ลีก คนที่มีส่วนร่วมกับประตู ที่เหนือกว่าเขา มีแค่สองคนคือ เออร์ลิ่ง ฮาแลนด์ (ยิง 14 แอสซิสต์ 4) และ โม ซาลาห์ (ยิง 10 แอสซิสต์ 6) เท่านั้น
อีกคนหนึ่งที่เปลี่ยนแปลงเช่นกัน คือเอซรี่ คอนซ่า ที่ปกติเล่นเซ็นเตอร์แบ็กมาตลอด แต่เอเมรี่ เป็นคนจับให้คอนซ่าไปลองเล่นแบ็กขวาดู เผื่อลงหมุนเวียนกับแมตตี้ แคช
ถ้าดูผลงานในปัจจุบัน คอนซ่า ลงแบ็กขวาตัวจริงให้วิลล่ามาแล้ว 3 เกม ทีมไร้พ่ายทั้ง 2 นัด เขาทำให้แนวรับปึ้กมากๆ ซึ่งการค้นพบว่าคอนซ่า เล่นแบ็กขวาได้ดี ก็เป็นสายตาที่เฉียบคมของเอเมรี่
การเปลี่ยนแปลงเล็กๆ น้อยๆ ในวิธีการเล่นของผู้เล่นแต่ละคน ทำให้นักเตะมั่นใจขึ้น บางทีผู้เล่นก็ไม่รู้หรอกว่าเล่นแบบไหนจะดีที่สุด มันต้องให้โค้ชที่มีประสบการณ์คอยแนะนำ
ไม่ใช่แค่เอเมรี่ แต่ทีมงานที่เอเมรี่หามาแต่ละคน ก็ช่วยพัฒนาฝีเท้าของนักเตะ ได้เป็นอย่างดี
ตัวอย่างเช่น โค้ชผู้รักษาประตู ไปเอาฆาบี การ์เซีย อดีตโค้ชนายทวารของอาร์เซน่อล ที่เคยร่วมงานกับเอมิเลียโน่ มาร์ติเนซมาแล้วมาอยู่ด้วย
มาร์ติเนซ โดดเด่นที่สุดเรื่อง Shot Stopping การเซฟลูกยิง แต่เขายังเล่นบอลกับพื้น จ่ายบอลสั้นเซ็ตเกมจากแดนหลังไม่ค่อยเก่ง ซึ่งจุดนี้โค้ชการ์เซียก็พัฒนาขึ้นมา เพื่อให้วิลล่าเริ่มเล่นบอล Possession Game ได้ คือต่อให้มาร์ติเนซ เป็นนายทวารที่ได้แชมป์โลกมาแล้ว เขาก็ยังพัฒนาได้อีก
เอเมรี่ เลือกใช้งานออสติน แม็คฟี โค้ชที่อยู่มานานตั้งแต่ยุค ดีน สมิธ ให้โฟกัสเซ็ตพีซโดยเฉพาะ โดยแม็คฟี จะศึกษาข้อมูลวันละ 4-5 ชั่วโมง เพื่อให้นักเตะได้รู้ว่าเมื่อได้ลูกนิ่งต้องเล่นอย่างไร
รวมไปถึงจ้าง อันโตนิโอ ซาราเบีย โค้ชกองหน้า มาดูแลโอลลี่ วัตกินส์โดยเฉพาะ
ผู้จัดการทีมดี สตาฟฟ์ดี ทำให้ผลงานดีขึ้นตามไปด้วย
ในฤดูกาล 2022-23 ตอนแรกยุคเจอร์ราร์ด คุมทีม 10 เกมแรก วิลล่าอยู่ในสภาวะหนีตาย แต่พอเอเมรี่มาคุมปั๊บ ทีมสามารถกระโดดมาจบอันดับ 7 ได้โควต้ายูฟ่า คอนเฟอเรนซ์ ลีก เฉยเลย ทั้งๆ ที่ใช้นักเตะกลุ่มเดียวกันแท้ๆ แสดงให้เห็นถึงความสามารถในการจัดการของเอเมรี่เป็นอย่างดี
คือลำพังใช้นักเตะที่มี ยังเก่งขนาดนี้ แล้วถ้าได้เสริมทัพแบบเต็มๆ ในช่วงซัมเมอร์ ทีมจะแกร่งขึ้นขนาดไหน
จุดเปลี่ยนที่สำคัญอีกหนึ่งเรื่องของวิลล่า เกิดขึ้นในเดือนพฤษภาคม 2023 หลังจบฤดูกาลเล็กน้อย เมื่อเจ้าของทีมปลดคริสเตียน เพิร์สโลว์ ผู้อำนวยการกีฬาคนเดิมออก แล้วแต่งตั้ง "มอนชี่" ขึ้นมาเป็นผู้อำนวยการกีฬาคนใหม่
ชื่อเสียงของมอนชี่ ในวงการฟุตบอล ถือว่าสุดยอดแล้ว เขาเคยเป็นผู้อำนวยการกีฬาของเซบีญ่า เป็นคนค้นพบเซร์คิโอ รามอส ในอะคาเดมี่ และไปตามล่าหานักเตะเก่งๆ ราคาถูกมาปั้นต่อให้โด่งดัง แล้วขายต่อแพงๆ เช่น ดานี่ อัลเวส, อีวาน ราคิติช หรือชูลิโอ บัปติสต้า เป็นต้น
มอนชี่ ย้ายไปอยู่โรม่าในช่วงหนึ่ง แล้วกลับมาเซบีญ่าอีกครั้ง ก่อนตัดสินใจย้ายมาแอสตัน วิลล่า ในตำแหน่งผู้อำนวยการด้านปฏิบัติการฟุตบอล
การมาของมอนชี่ เราได้เห็นทักษะ การซื้อ-ขาย ผู้เล่น อันยอดเยี่ยม เขาไม่รู้ไปเจรจาแบบไหน จึงขายคาเมร่อน อาร์เชอร์ กองหน้าดาวรุ่งที่ไม่เคยยิงในพรีเมียร์ลีกได้เลยแม้แต่ลูกเดียว ให้กับเชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด ด้วยราคาถึง 18 ล้านปอนด์
รวมถึงขายแอร่อน แรมซีย์ ปีกชาวอังกฤษวัย 20 ปี ที่ไม่เคยเล่นพรีเมียร์ลีกแม้แต่นาทีเดียว ให้เบิร์นลีย์ได้ ในราคา 12 ล้านปอนด์
ส่วนการซื้อ ก็ไปดึงเอา เปา ตอร์เรส ของรักของหวงจากบียาร์เรอัล ดีกรีทีมชาติสเปนชุดใหญ่ มาเสริมทัพ (31.5 ล้านปอนด์) และปีกตัวจี๊ดพรสวรรค์สูง มุสซ่า ดิยาบี้ ที่ติดทีมชาติฝรั่งเศสชุดใหญ่มาแล้ว (51.9 ล้านปอนด์) รวมถึง ยูริ ตีเลอมองส์ ที่หมดสัญญากับเลสเตอร์ ก็ได้ตัวมาฟรีๆ แบบไร้ค่าตัว
การทำธุรกิจนอกสนามที่ดี ทำให้วิลล่า มีองค์ประกอบที่ดีขึ้น เปา ตอร์เรส และ ยูริ ตีเลม็องส์ เป็นคีย์แมนของสโมสรตั้งแต่ออกสตาร์ตซีซั่น
แต่ความน่าสนใจอยู่ตรงที่ ยุคเจอร์ราร์ด กับ ยุคเอเมรี่ วิลล่าไม่ได้เปลี่ยนผู้เล่นมากขนาดนั้น
นัดสุดท้ายของเจอร์ราร์ด คือเกมที่วิลล่าแพ้ฟูแล่ม 3-0 โดย 11 ผู้เล่นตัวจริงจากนัดนั้น มีถึง 6 คน ที่ลงเป็นตัวจริงในเกมที่เอาชนะแมนเชสเตอร์ ซิตี้ 1-0 เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา
6 คนดังกล่าว คือ โอลลี่ วัตกินส์, ลีออน เบลีย์, จอห์น แม็คกินน์, ดักกลาส หลุยซ์, เอซรี่ คอนซ่า และ เอมิเลียโน่ มาร์ติเนซ
ทีมไม่ได้เปลี่ยนมาก แกนหลักเหมือนเดิม แต่การที่ทีมเล่นดีขึ้นชัดเจน อยู่ที่ทักษะของโค้ชล้วนๆ
เกมที่เจอแมนฯ ซิตี้ วันพุธที่ผ่านมา เป็นอีกหนึ่งนัดที่เห็นคุณภาพของเอเมรี่อย่างแท้จริง ก่อนหน้านี้ เขาไม่เคยใช้งาน บูบาคาร์ กามาร่า, ดักกลาส หลุยซ์, จอห์น แม็คกินน์ และ ยูรี ตีเลอมองส์ ออกสตาร์ตพร้อมกันมาก่อนเลย แต่นัดนี้เขาทำแบบนั้น
4 คนนี้ ช่วยกันเพรสซิ่ง และแย่งบอลในแดนของแมนฯ ซิตี้ ได้ถึง 13 ครั้งในเกมเดียว ตั้งแต่เป๊ป กวาร์ดิโอล่า คุมแมนฯ ซิตี้ ไม่เคยมีนัดไหนโดนแย่งบอลในแดนตัวเองเกิน 9 ครั้ง แต่นัดนี้โดนไป 13
พอแมนฯ ซิตี้ โดนแย่งบอลบ่อย ต่อบอลไม่ได้ ก็อาศัยการแทงคิลเลอร์พาส แต่แผงหลังแบ็กโฟร์ของวิลล่าก็วางกับดักล้ำหน้าอีก เกมนี้แมนฯ ซิตี้ ล้ำหน้า 5 ครั้งในเกมเดียว นี่เป็นครั้งแรกในซีซั่นนี้ ที่แมนฯ ซิตี้ ล้ำหน้าถึง 5 หนด้วย
นี่คือแผนการเล่นที่วางหมากไว้แล้ว บีบเร็ว กดดัน ล่อให้จ่ายบอล แล้วเช็กล้ำหน้า คือพูดเหมือนง่าย แต่มันต้องผ่านการซ้อมมาเป็นอย่างดี และดูวีดีโอซ้ำแล้วซ้ำเล่า ต้องอ่านจังหวะว่า เมื่อไหร่ที่นักเตะแมนฯ ซิตี้ จะแทงบอล แล้วดันขึ้นมาอย่างรวดเร็ว
ไม่แปลกที่กวาร์ดิโอล่าจะยอมรับความพ่ายแพ้ เพราะเกมนี้ มันเอาต์คลาสจริงๆ ไม่อยากเชื่อว่าเราจะใช้คำนี้กับทีมของเป๊ป แต่ถ้าดูจากสถิติ โอกาสยิง 22 ต่อ 2 ไม่ใช้คำว่าเอาต์คลาส ก็ไม่รู้จะใช้คำไหนแล้ว
ณ เวลานี้ วิลล่า ขึ้นมาอยู่อันดับ 3 ของพรีเมียร์ลีก และชนะรวดในบ้านแบบ 100% ใครจะไปเชื่อว่าวิลล่าจะยืนอยู่ตรงนี้ได้
คือทุกคนรู้ว่าวิลล่า อาจไม่ได้อยู่ตรงนี้ตลอดไป เพราะขุมกำลังสำรองของพวกเขา ยังไม่แน่นมาก ถ้าวัตกินส์ หรือ มาร์ติเนซ เจ็บไปสักคนก็ลำบาก
อย่างไรก็ตาม ถ้าคิดถึงพัฒนาการจากทีมที่เคยล่อแหลมจะตกชั้น ในเวลาแค่ 1 ปี นิดๆ กลับจี้จ่าฝูงพรีเมียร์ลีก แค่ 4 แต้มก็นับว่าสุดยอดแล้ว
ถึงตรงนี้ อูไน เอเมรี่ ก็พอจะบอกให้ชาวอังกฤษรู้ได้ว่า เขาไม่ใช่ของปลอม ถ้าตอนอยู่กับอาร์เซน่อล เขาได้เวลามากกว่านี้อีกสักนิด อาจจะทำทีมประสบความสำเร็จก็ได้
และพรีเมียร์ลีกสุดสัปดาห์นี้ ก็ช่างเหมาะเจาะเหลือเกิน ที่แอสตัน วิลล่า จะได้เจอกับจ่าฝูง อาร์เซน่อล
เอเมรี่ จะปะทะกับคนที่มาเสียบแทนตำแหน่งของเขาอย่างมิเกล อาร์เตต้า และเราอาจได้คำตอบทั้งสองเรื่อง คืออาร์เซน่อลมีดีพอที่จะเป็นแชมป์หรือไม่ และแอสตัน วิลล่าชุดนี้ แกร่งพอที่จะติดท็อปโฟร์หรือเปล่า วันเสาร์นี้เราจะได้รู้กันเลยครับ
- 17
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
