15 ธ.ค. 2023 เวลา 03:00 • หุ้น & เศรษฐกิจ

ธุรกิจที่โดดเด่นทาง ESG ประมาณ 20 ตัวเน้น ๆ ที่น่าลงทุน และใช้สิทธิลดหย่อนภาษี

ใครที่กำลังมองหาตัวช่วยลดหย่อนภาษีในช่วงโค้งสุดท้าย ในปี 2566 นี้ ต้องบอกว่าปีนี้พิเศษกว่าทุก ๆ ปีที่ผ่านมา
เพราะเราสามารถซื้อกองทุนเพื่อลดหย่อนภาษีเพิ่มเติมได้อีกไม่เกิน 100,000 บาท เมื่อลงทุนใน “กองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืน” หรือ “Thai ESG”
ซึ่งเป็นกองทุนประเภทใหม่ที่ สามารถใช้สิทธิลดหย่อนภาษีได้เพิ่มขึ้น
ส่วนกองทุน Thai ESG จะน่าลงทุนแค่ไหน แล้วช่วยให้ลดหย่อนภาษีเพิ่มขึ้นได้อย่างไร ? ลงทุนเกิร์ลจะเล่าให้ฟัง
โดยปกติแล้วเวลาลดหย่อนภาษีในหมวดการลงทุน อาทิ กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF), กองทุนรวมเพื่อการออม (SSF), กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ฯลฯ
ส่วนนี้จะได้สิทธิลดหย่อนภาษีรวมกันได้สูงสุด 30% ของเงินได้พึงประเมินทั้งปี ไม่เกิน 500,000 บาท
แต่ในปีภาษี 2566 นี้ สามารถลดหย่อนภาษีเพิ่มขึ้น โดยคนที่ลงทุนกองทุน Thai ESG จะสามารถนำส่วนนี้ไปใช้สิทธิลดหย่อนภาษีเพิ่มขึ้นได้สูงสุด 30% ของเงินได้พึงประเมินทั้งปี แต่ไม่เกิน 100,000 บาท
เท่ากับว่าเราจะสามารถลดหย่อนภาษีในหมวดการลงทุนรวมแล้วได้สูงสุด 30% ของรายได้พึงประเมินทั้งปี แต่ไม่เกิน 600,000 บาทตามเกณฑ์กรมสรรพากรเลยทีเดียว
แล้วกองทุน Thai ESG น่าสนใจอย่างไร ?
กองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืน (Thailand ESG Fund : Thai ESG) เป็นกองทุนที่มีนโยบายไปลงทุนในธุรกิจที่มีแนวคิดเกี่ยวกับการพัฒนาขององค์กรอย่างยั่งยืน 3 เรื่องหลัก นั่นก็คือ
E : Environmental ใส่ใจสิ่งแวดล้อม
S : Social มีความรับผิดชอบต่อสังคม
G : Governance มีบรรษัทภิบาล หรือบริหารกิจการด้วยความโปร่งใส
โดยกองทุน Thai ESG ที่สามารถลดหย่อนภาษีได้เหล่านี้ มีจุดสังเกตง่าย ๆ คือชื่อกองทุนจะต่อท้ายด้วยคำว่า “THAIESG” ยกตัวอย่างกองทุนที่น่าสนใจ อย่าง “MEGA20THAIESG” จาก บลจ. ทาลิส
MEGA20THAIESG เป็นกองทุนที่จะเข้าไปลงทุนในหุ้นที่ให้ความสำคัญเรื่อง ESG ประมาณ 20 ตัวในตลาดหุ้นไทย ล้วนแล้วแต่ทำธุรกิจวนเวียนอยู่ในชีวิตประจำวันเรา เช่น
1. ADVANC หรือ บมจ. แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส เจ้าของเครือข่ายโทรศัพท์และอินเทอร์เน็ต AIS
2. CPALL หรือ บมจ. ซีพี ออลล์ เจ้าของเชนร้านสะดวกซื้อ เซเว่น อีเลฟเว่น ในประเทศไทย
3. BDMS หรือ บมจ. กรุงเทพดุสิตเวชการ เครือโรงพยาบาลที่ใหญ่สุดในไทย เจ้าของโรงพยาบาลในเครือ เช่น โรงพยาบาลกรุงเทพ โรงพยาบาลพญาไท โรงพยาบาลสมิติเวช เป็นต้น
นอกจากนี้ในพอร์ตยังมีหุ้นบริษัทอื่น ๆ อีก ที่ผ่านเกณฑ์การคัดเลือกตามนโยบายของกองทุน เช่น
- เป็นบริษัทที่มี ESG Rating จากตลาดหลักทรัพย์ฯ ระดับตั้งแต่ AA ขึ้นไป ซึ่งสะท้อนว่าบริษัทที่จะไปลงทุนมีความโดดเด่นด้าน ESG
- เป็นบริษัทที่มีสภาพคล่องสูง โดยคัดเลือกจากสัดส่วนการถือหุ้นที่เป็นรายย่อย (Free Float) และไม่มีการถือหุ้นโดยผู้ถือหุ้นรายใหญ่ เพื่อให้ดำเนินธุรกิจอย่างเป็นอิสระที่เป็นไปตามหลักเกณฑ์และดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุน
-เป็นบริษัทที่มีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (Market Capitalization) สูง
เกณฑ์เหล่านี้นี่เอง ทำให้ได้มาซึ่งหุ้นของกิจการที่แข็งแกร่งทั้งด้าน ESG และมีโอกาสเติบโตอย่างยั่งยืนในระยะยาว ประมาณ 20 ตัวให้เราได้ร่วมเป็นเจ้าของ
เรียกได้ว่ากองทุน MEGA20THAIESG สามารถตอบโจทย์คนที่กำลังมองหาตัวช่วยประหยัดภาษี ที่จะได้สิทธิลดหย่อนภาษีเพิ่มขึ้นไม่เกิน 100,000 บาท แถมยังมีโอกาสทำให้เงินของเรามีโอกาสงอกเงยในระยะยาวได้อีกด้วย..
ทั้งนี้ ตัวอย่างบริษัทดังกล่าวสามารถปรับเปลี่ยนได้ตามเกณฑ์การลงทุนและสภาวะการณ์การลงทุน ณ ขณะนั้น
การลงทุนของกองทุนจะเน้นเฉพาะการลงทุนในกลุ่มตราสารที่มีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (Market Capitalization) สูงเพียง 20- 25 หลักทรัพย์
ผู้ถือหน่วยลงทุนสามารถขายคืนหน่วยลงทุน รวมถึงสับเปลี่ยนหน่วยลงทุนออก ได้ตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2567 เป็นต้นไป
สำหรับผู้ที่สนใจ สามารถศึกษารายละเอียดและเริ่มต้นลงทุนได้ที่ บลจ.ทาลิส talisam.co.th 02-0150215, 02-0150216, 02-0150222 และ 28 ผู้สนับสนุนการขาย ได้แก่
1. บริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ จำกัด
2. บริษัทหลักทรัพย์ ฟิลลิป จำกัด (มหาชน)
3. บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี พัฒนสิน จำกัด (มหาชน)
4. บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน)
5. บริษัทหลักทรัพย์ เว็ลธ์ เมจิก จำกัด
6. หลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน)
7. บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน)
8. บริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด (มหาชน)
9. บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนเมอร์ชั่น พาร์ทเนอร์ จำกัด
10. บริษัท หลักทรัพย์ ดาโอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)
11. บริษัทหลักทรัพย์ ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด
12. บริษัทหลักทรัพย์ เกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน)
13. บริษัทหลักทรัพย์นายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุน ฟินโนมีนา จำกัด
14. บริษัทหลักทรัพย์นายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุน โรโบเวลธ์ จำกัด
15. บริษัท หลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด
16. บริษัทหลักทรัพย์พาย จำกัด (มหาชน)
17. บริษัทหลักทรัพย์นายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุน แอสเซนด์ เวลธ์ จำกัด
18. บริษัทหลักทรัพย์ที่ปรึกษาการลงทุน เทรเชอริสต์ จำกัด
19. บริษัทหลักทรัพย์หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด
20. บริษัทหลักทรัพย์ ธนชาต จำกัด (มหาชน)
21. บริษัทหลักทรัพย์ สยามเวลธ์ จำกัด
22. ธนาคารแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน)
23. บริษัทหลักทรัพย์ ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) จำกัด
24. บริษัทหลักทรัพย์ ไพน์ เวลท์ โซลูชั่น จำกัด
25. บริษัทหลักทรัพย์ เอเอสแอล จำกัด
26. บริษัท หลักทรัพย์ เคเคพี ไดม์ จำกัด
27. บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน เอ็กซ์สปริง จำกัด
28. บริษัทหลักทรัพย์ ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)
เพื่อประโยชน์ของท่านอย่าลืมลงทะเบียนขอใช้สิทธิลดหย่อนภาษีตามหลักเกณฑ์ของกรมสรรพากร ได้ที่ https://www.talisam.co.th/terms-and-conditions/
คำเตือน :
-กองทุนรวมนี้มีลักษณะเฉพาะและความเสี่ยงเฉพาะ และการลงทุนในกองทุนรวมตราสารแห่งทุนอาจมีความเสี่ยงจากความผันผวนของราคาหลักทรัพย์ ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะ เงื่อนไขผลตอบแทน ความเสี่ยงและศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับสิทธิประโยชน์ทางภาษีที่ระบุไว้ในคู่มือการลงทุนของกองทุน กรณีไม่ได้ปฏิบัติตามเงื่อนไขทางภาษี จะไม่ได้สิทธิประโยชน์ตามเงื่อนไขของกองทุนก่อนตัดสินใจลงทุน
-ผลการดำเนินงานในอดีต/ ผลการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ในตลาดทุน มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต
โฆษณา