User Acceptance Test (UAT) มีความสำคัญอย่างมากในกระบวนการพัฒนาซอฟต์แวร์หรือโปรดักต์ หากไม่ได้ทำการ User Acceptance Test (UAT) อาจจะมีผลกระทบอย่างมากต่อคุณภาพ และความพร้อมใช้งานของซอฟต์แวร์หรือโปรดักต์ที่ปล่อยออกไปให้ผู้ใช้งานจริงได้ใช้ โดยมีความสำคัญดังนี้ :
1. ตรวจสอบว่าซอฟต์แวร์หรือโปรดักต์สอดคล้องกับ Requirement : การทำ User Acceptance Test (UAT) ช่วยในการตรวจสอบว่าซอฟต์แวร์หรือโปรดักต์ที่พัฒนาขึ้นมานั้น ผลลัพธ์ที่ออกมาตรงตามความต้องการของลูกค้าและผู้ใช้งาน เพื่อลดความเข้าใจผิดระหว่างทีมพัฒนาและลูกค้าผู้ให้ Requirement หากมีบัคเกิดขึ้น
2. ลดความเสี่ยงของการเจอบัคในการใช้งานจริง : การทำ User Acceptance Test (UAT) เป็นการทดสอบซอฟต์แวร์หรือโปรดักต์โดยลูกค้า และผู้ใช้งานจริง อาจจะทำให้ช่วยให้ค้นพบบัค หรือปัญหาบางอย่างที่อาจจะไม่เจอในระหว่างกระบวนการซอฟต์แวร์หรือโปรดักต์ เนื่องจากที่ผ่านมาจะเป็นการทดสอบโดย QA ทำให้อาจจะมีบางการทดสอบที่ตกหล่น
3. ความมั่นใจของลูกค้าและผู้ใช้งาน : การทำ User Acceptance Test (UAT) ช่วยในการสร้างความมั่นใจของลูกค้าผู้ให้ Requirement และผู้ใช้งานจริงในซอฟต์แวร์หรือโปรดักต์ที่พัฒนา เนื่องจากลูกค้าผู้ให้ Requirement และผู้ใช้งานจริงสามารทดสอบความถูกต้องของการใช้งานว่าได้ผลลัพธ์ตรงตามความต้องการ และซอฟต์แวร์หรือโปรดักต์มีความพร้อมสำหรับการใช้งานจริง
สรุปสั้น ๆ ได้ว่าการทำ User Acceptance Test (UAT) เป็นขั้นตอนที่สำคัญที่ช่วยในการปรับปรุงคุณภาพและความพร้อมใช้งานของซอฟต์แวร์หรือโปรดักต์ ก่อนจะเริ่มให้ผู้ใช้งานจริงเข้ามาใช้งาน
การเตรียมตัวสำหรับการทำ User Acceptance Testing (UAT) ของชาวเซนน่าแล็บ ทำอย่างไร?
หลังจากที่ทราบแล้วว่าการทำ User Acceptance Test (UAT) มีความสำคัญอย่างไร ต่อไปจะเป็นการพูดถึงขั้นตอนทำ User Acceptance Test (UAT) ของชาวเซนน่าแล็บว่ามีขั้นตอนอย่างไรบ้าง
1. นัดหมายการทำ User Acceptance Test (UAT) กับทางลูกค้า/ผู้ให้ Requirement