14 ธ.ค. 2023 เวลา 11:00 • หุ้น & เศรษฐกิจ

มัดรวมกองทุนน่าสนใจของไทยทั้ง “SSF RMF และ ThaiESG”

นับจากนี้ การตัดสินใจเลือกลงทุน จะดูเพียงแค่ “กำไรบรรทัดสุดท้ายในงบการเงินของธุรกิจ” ไม่ได้อีกต่อไป เพราะหากธุรกิจยังไม่ได้ใส่ใจต่อความยั่งยืน และความรับผิดชอบต่อสังคม และสิ่งแวดล้อมที่ส่งผลกระทบต่อโลกมากพอ ก็อาจส่งผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจได้ในระยะยาว
นี่จึงเป็นเหตุผลที่ธีม ESG นั้น ได้รับความใส่ใจในการดำเนินธุรกิจกันมากยิ่งขึ้น รวมถึงยังเป็นหนึ่งในเกณฑ์ที่ผู้ลงทุนให้ความสำคัญ เพราะมีผลต่อพอร์ตการลงทุน
จากความสำคัญนี้ จึงทำให้ประเทศไทย ได้ออกกองทุนน้องใหม่อย่าง ThaiESG หรือ กองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืน ซึ่งมีหลายหน่วยงานร่วมแถลงข่าวเปิดตัวอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 8 ธันวาคม 2566 ที่ผ่านมา เพื่อเป็นอีกหนึ่งทางเลือกในการลงทุน
ซึ่งนอกจาก กองทุน ThaiESG จะเน้นลงทุนในธุรกิจที่ใส่ใจเรื่องของ ESG แล้วนั้น ก็ยังมีสิทธิประโยชน์ทางภาษีที่มอบให้กับผู้ลงทุนอีกด้วย
โดยผู้ลงทุนสามารถลดหย่อนได้เพิ่มเติมอีก 100,000 บาท ซึ่งแยกออกจากค่าลดหย่อนภาษีที่ได้รับจากการลงทุนอื่น ๆ ถือเป็นสิทธิพิเศษที่มีให้กับผู้ที่ลงทุนในกองทุน ThaiESG โดยเฉพาะ นอกจากนี้ ยังมีเรื่องระยะเวลาในการถือครอง ที่ถือเพียงแค่ 8 ปี (นับแบบวันชนวัน) เท่านั้น
และเพื่อเป็นการตอบรับการกลับมาของ ESG ที่จะไม่ใช่เพียงแค่กระแสอีกต่อไป แต่คือเมกะเทรนด์ที่สำคัญอย่างมากของการลงทุน ทำให้วันนี้ KTAM ก็ไม่พลาดที่จะออกกองทุนน้องใหม่ กับกลุ่มกองทุน KRUNGTHAI Thailand ESG ซึ่งมีด้วยกัน 3 กองทุน
1) กองทุนเปิดกรุงไทย ESG A Grade 70/30 (ชนิดไทยเพื่อความยั่งยืน) หรือ KTAG70/30-ThaiESG
โดยกองทุนนี้จะมีการลงทุนในสินทรัพย์ของกลุ่ม ESG แบ่งสัดส่วนการลงทุนตามชื่อของกองทุน ได้แก่
  • ไม่น้อยกว่า 70% โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีลงทุนในหุ้น ทั้ง SET และ mai ที่ได้รับการประกาศผลประเมินหุ้นยั่งยืน SET ESG Ratings ของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ในระดับ A ขึ้นไป และเป็นหลักทรัพย์ที่ได้รับการคัดเลือกจาก KTAM Universe ด้วย
โดยเบื้องต้นมีกรอบการลงทุนหลักทรัพย์ที่ผ่านการวิเคราะห์ และคัดเลือกจากทั้ง SET ESG (Rating A up) และ KTAM Universe ที่แบ่งตาม ESG Ratings จะพบว่า มีกรอบการลงทุนหลักทรัพย์ที่กองทุนนี้สามารถลงทุนได้ ดังนี้
  • ESG Ratings AAA จำนวน 31 หลักทรัพย์
  • ESG Ratings AA จำนวน 53 หลักทรัพย์
  • ESG Ratings A จำนวน 29 หลักทรัพย์
หมายเหตุ: กองทุนนี้ไม่ได้ลงทุนตามจำนวนหลักทรัพย์ที่ระบุข้างต้น เป็นเพียงกรอบการลงทุนเท่านั้น และจํานวนหลักทรัพย์ข้างต้นอาจเปลี่ยนแปลงได้ในอนาคต
ข้อมูลจาก KTAM ณ วันที่ 23 พฤศจิกายน 2566
  • และลงทุนในตราสารหนี้โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่เกินกว่า 30% ของ NAV โดยจะลงทุนในตราสารอย่างใดอย่างหนึ่ง หรือหลายอย่าง ดังนี้
  • ตราสารเพื่ออนุรักษ์สิ่งแวดล้อม (Green Bond)
  • ตราสารเพื่อความยั่งยืน (Sustainability Bond)
  • ตราสารส่งเสริมความยั่งยืน (Sustainability - Linked bond)
ข้อมูลจาก KTAM ณ วันที่ 23 พฤศจิกายน 2566
ทั้งนี้ กองทุนอาจมีการปรับสัดส่วนการลงทุนได้สูงสุดบวกลบ 5% จาก KTAM Asset Allocation View ผ่านการศึกษา ติดตามผลกระทบการเปลี่ยนแปลงของภาวะเศรษฐกิจและนโยบายต่าง ๆ ที่จะส่งผลกระทบต่อสินทรัพย์
หมายเหตุ: ผู้จัดการกองทุนอาจปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ และสัดส่วนการลงทุนได้ตามดุลยพินิจ และ/หรือสถานการณ์ตลาด
กองทุนนี้เหมาะกับ:
1
- ผู้ที่ต้องการลงทุนในกองทุนรวมผสม และรับความเสี่ยงได้ไม่สูงนัก
กองทุนนี้มีความเสี่ยงระดับ 5
อ่านรายละเอียดกองทุนเพิ่มเติมได้ที่: https://rb.gy/wljm9h
2) กองทุนเปิดกรุงไทย ESG50 (ชนิดไทยเพื่อความยั่งยืน) หรือ KTESG50-ThaiESG
มีการลงทุนในหุ้นขนาดใหญ่ โดยเฉลี่ยไม่น้อยกว่า 80% ต่อปี โดยที่สัดส่วนการลงทุนจะเน้นไปที่หุ้นที่อยู่ใน SET ESG Index ประมาณ 50 ตัว ที่มีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (Market Capitalization) สูงสุด และอยู่ใน Universe ของ KTAM
ทั้งนี้ หากหลักทรัพย์ที่กองทุน KTESG50-ThaiESG ลงทุนอยู่นั้น ถูกเพิกถอนออกจาก SET ESG Index ในระหว่างที่กองทุนลงทุนอยู่ กองทุนจะพิจารณาหลักทรัพย์ดังกล่าวออก และนําหลักทรัพย์ที่มี Market Cap ในลําดับถัดไปเข้ามาแทน และทําการ Market Cap Weight เพื่อกําหนดสัดส่วนการลงทุนใหม่อีกครั้ง
  • สำหรับน้ำหนักต่อหลักทรัพย์จะถูกจํากัดให้ไม่เกิน 5%
กองทุนนี้เหมาะกับ:
- ผู้ที่ต้องการลงทุนในหุ้น และสามารถยอมรับความเสี่ยงได้สูงจากการลงทุนในหุ้น
กองทุนนี้มีความเสี่ยงระดับ 6
อ่านรายละเอียดกองทุนเพิ่มเติมได้ที่: https://rb.gy/0f9z6f
3) กองทุนเปิดกรุงไทย ESG A Grade (ชนิดไทยเพื่อความยั่งยืน) หรือ KTAG-ThaiESG
กองทุนนี้จะมีความคล้ายคลึงกับกองทุนแรก เนื่องจากมีการลงทุนในหุ้นที่ได้รับการประกาศผลประเมินหุ้นยั่งยืน SET ESG Ratings ของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ในระดับ A ขึ้นไป แต่จะแตกต่างกันที่ KTAG-ThaiESG จะเน้นลงทุนในหุ้นเป็นหลัก โดยเฉลี่ยไม่น้อยกว่า 80% ในรอบปีบัญชี
สำหรับพอร์ตการลงทุนของกองทุน KTAG-ThaiESG จะมีการกำหนดกลยุทธ์ และน้ำหนักการลงทุน ตามการวิเคราะห์ปัจจัยทางเศรษฐกิจ เช่น แนวโน้มการเติบโตของเศรษฐกิจ อัตราดอกเบี้ย อัตราแลกเปลี่ยน และอื่น ๆ
รูปแบบของพอร์ตการลงทุน KTAG-ThaiESG แบ่งออกเป็น 2 ส่วน
ส่วนที่ 1 ESG Core 60-70%
เป็นส่วนหลักของพอร์ตการลงทุน โดยจะเน้นลงทุนในหุ้นที่มีพื้นฐานดี แข็งแกร่ง และสามารถถือได้ในระยะยาว
  • Valuation เหมาะกับศักยภาพการเติบโต
  • ผลประกอบการแข็งแกร่งสม่ำเสมอ
  • เงินปันผลสูง
  • ทิศทางบริษัทหรืออุตสาหกรรมไม่ได้ถูก Disrupt
  • ESG Ratings ระดับ A ขึ้นไป
ส่วนที่ 2 ESG Satellite 30-40%
มีการลงทุนในหุ้น 10-15 ตัว เน้นเลือกลงทุนให้ตอบโจทย์ในแต่ละสถานการณ์ และเน้นถือในระยะสั้นไปจนถึงระยะกลาง
  • ลงทุนแบบธีมการลงทุน เช่น การบริโภคภายในประเทศ การท่องเที่ยว ส่งออก อาหาร เกษตร และอื่น ๆ เป็นต้น
  • มีกลยุทธ์ในการลงทุนแต่ละช่วงเวลา ตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้น
  • มีการดูทิศทางของ Fund Flow
  • ESG Ratings ระดับ A ขึ้นไป
หมายเหตุ: ผู้จัดการกองทุนอาจปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ และสัดส่วนการลงทุนได้ตามดุลยพินิจ และ/หรือสถานการณ์ตลาด
กองทุนนี้เหมาะกับ:
- ผู้ที่สามารถรับความเสี่ยงได้สูง จากการลงทุนในหุ้นไทยกลุ่ม ESG รวมถึงผู้ที่ต้องการลงทุนในกองทุนที่บริหารแบบ Active เพื่อมุ่งหวังผลตอบแทนที่สูงกว่าดัชนีอ้างอิงด้วย
กองทุนนี้มีความเสี่ยงระดับ 6
อ่านรายละเอียดกองทุนเพิ่มเติมได้ที่: https://rb.gy/5e1su8
นอกจากนี้ ยังมีอีก 2 กองทุน SSF และ RMF ที่ถึงแม้ว่ากองทุนนี้จะไม่ใช่น้องใหม่อย่าง ThaiESG แต่ก็เรียกได้ว่า มีความน่าสนใจไม่แพ้กันเลยทีเดียว
โดยทั้ง 2 กองทุนนี้ ยังคงมาพร้อมกับสิทธิประโยชน์ทางภาษีอีกเช่นเคย แต่แตกต่างกับกองทุน ThaiESG ที่สิทธิประโยชน์ทางภาษีที่จะได้รับ
โดยกองทุน SSF สามารถลดหย่อนภาษีได้ไม่เกิน 30% ของรายได้ทั้งปี และไม่เกิน 200,000 บาท และเมื่อรวมกับกองทุนเพื่อการเกษียณอื่น ๆ ต้องไม่เกิน 500,000 บาท
ส่วน RMF ลดหย่อนภาษีได้ไม่เกิน 30% ของรายได้ทั้งปี และไม่เกิน 500,000 บาท เมื่อรวมกับกองทุนเพื่อการเกษียณอื่น ๆ ด้วยเช่นเดียวกัน
เรียกได้ว่า หากใครที่มีรายได้หลายช่องทาง และต้องการลดหย่อนภาษีที่เพิ่มมากขึ้น การลงทุนกับทั้ง 3 กองทุน ThaiESG, SSF และ RMF นี้ ก็จะช่วยให้เราสามารถลดหย่อนภาษีได้มากยิ่งขึ้นนั่นเอง ซึ่งลดหย่อนภาษีได้สูงสุดถึง 600,000 บาท !
โดยผู้ลงทุนสามารถเลือกลงทุนกับกองทุน SSF ในกลุ่ม ESG และ RMF ในกลุ่มหุ้นไทยได้ ดังนี้
  • กองทุนเปิดกรุงไทย ก่อการดี เพื่อการออม (ชนิดเพื่อการออม) หรือ KTESGS-SSF
มีนโยบายลงทุนในบริษัทที่จดทะเบียนใน SET, mai หรือทรัพย์สินอื่นที่เป็นส่วนประกอบของดัชนี Thaipat ESG Index (TR)
เน้นลงทุนในหลักทรัพย์ที่มีความโดดเด่นด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล ทั้งนี้กองทุนอาจลงทุนในสัญญาซื้อขายล่วงหน้า เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารการลงทุน
กองทุนนี้เหมาะกับ:
- ผู้ที่ต้องการลงทุนในระยะยาว 10 ปี พร้อมทั้งสามารถรับความเสี่ยงได้จากการลงทุนในหุ้นของไทยภายในระยะเวลาที่กำหนด รวมถึงผู้ที่ต้องการลงทุนในกองทุนที่บริหารแบบ Passive เพื่อมุ่งหวังผลตอบแทนให้เคลื่อนไหวตามดัชนีชี้วัด
กองทุนนี้มีความเสี่ยงระดับ 6
อ่านรายละเอียดกองทุนเพิ่มเติมได้ที่: https://bitly.ws/35vYi
  • กองทุนเปิดกรุงไทย SET50 เพื่อการเลี้ยงชีพ หรือ KTSET50 RMF
กองทุนนี้เน้นลงทุนในหลักทรัพย์ที่อยู่ในดัชนีราคา SET50 ซึ่งรวมถึงหลักทรัพย์ที่อยู่ระหว่างการเข้า หรือออกจากการเป็นหลักทรัพย์ที่เป็นส่วนประกอบของดัชนีราคา SET50 ด้วย เฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่า 80% ทั้งนี้กองทุนอาจไม่ได้ลงทุนครบทั้ง 50 ตัว
กองทุนนี้เหมาะกับ:
- ผู้ที่ต้องการลงทุนเพื่อการเกษียณในหุ้นไทยระยะยาว เนื่องจากกองทุนนี้จะสามารถขายคืนได้เมื่ออายุ 55 ปี และถือครองมาไม่น้อยกว่า 5 ปี
นอกจากนี้ ยังเหมาะกับผู้ที่สามารถยอมรับความเสี่ยงได้จากการลงทุนในหุ้น และผู้ที่ต้องการลงทุนในกองทุนที่บริหารแบบ Passive เพื่อมุ่งหวังผลตอบแทนให้เคลื่อนไหวตามดัชนีชี้วัดด้วย
กองทุนนี้มีความเสี่ยงระดับ 6
อ่านรายละเอียดกองทุนเพิ่มเติมได้ที่: https://bitly.ws/XrWF
และทั้งหมดนี้ก็คือ 3 กองทุนน้องใหม่ ThaiESG และอีก 2 กองทุน SSF และ RMF ที่ลงทุนในหุ้นไทย และ ESG ซึ่งถือเป็นเมกะเทรนด์ที่สำคัญของการลงทุนในปัจจุบันและอนาคต
หากใครที่กำลังมองหา กองทุนที่ลงทุนในระยะยาว พร้อมยังได้สิทธิประโยชน์ทางภาษีแบบเต็ม ๆ กองทุนเหล่านี้ก็ถือเป็นตัวเลือกที่ตอบโจทย์ได้อย่างมาก !
พิเศษสุด ๆ ! สำหรับผู้ที่ลงทุนในกองทุน SSF, RMF และ ThaiESG ทุก ๆ 50,000 บาท ตั้งแต่วันนี้ จนถึงวันที่ 28 ธันวาคม 2566 จะได้รับหน่วยลงทุน KTSTPLUS 100 บาท
(ทั้งนี้ เงื่อนไขโปรโมชันต้องเป็นไปตามที่ บลจ.กรุงไทย กำหนด)
ลงทุนออนไลน์ผ่านแอปพลิเคชัน KTAM Smart Trade ง่าย สะดวก ปลอดภัย ดาวน์โหลด
สอบถามรายละเอียดหรือขอรับหนังสือชี้ชวนที่ ธนาคารกรุงไทย ผู้สนับสนุนการขาย หรือ บลจ.กรุงไทย โทร. 02-686-6100 กด 9
คำเตือน:
ปัจจัยความเสี่ยงที่สำคัญ: ความเสี่ยงจากความผันผวนของราคาหลักทรัพย์ ความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับการลงทุนที่คำนึงถึงการดำเนินงานด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และบรรษัทภิบาล ความเสี่ยงจากการดําเนินงานของผู้ออกตราสาร ความเสี่ยงจากการผิดนัดชําระหนี้ของผู้ออกตราสาร ความเสี่ยงจากการขาดสภาพคล่องของหลักทรัพย์ ความเสี่ยงจากการลงทุนในสัญญาซื้อขายล่วงหน้า และความเสี่ยงของการลงทุนในตราสารที่มีสัญญาซื้อขายล่วงหน้าแฝง เป็นต้น
ผู้ลงทุนต้องทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน ข้อมูลเกี่ยวกับสิทธิประโยชน์ทางภาษี ที่ระบุไว้ในคู่มือการลงทุนในกองทุนรวมเพื่อการออม/กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ/กองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืน และความเสี่ยง ก่อนตัดสินใจลงทุน ทั้งนี้ หากการลงทุนไม่เป็นไปตามเงื่อนไขที่กรมสรรพากรกำหนด อาจต้องคืนสิทธิประโยชน์ทางภาษีและเสียเงินเพิ่ม
Reference:
-Fund Fact Sheet By KTAM
โฆษณา