15 ธ.ค. 2023 เวลา 02:13 • ธุรกิจ

ซื้อ "รถยนต์ EV" ตอนนี้ คุ้มหรือไม่?

ถ้าเห็นว่าบทความนี้เป็นประโยชน์ อย่าลืมแชร์ให้เพื่อน ๆ อ่านด้วยกันนะครับ
ค่าน้ำมันพงขึ้นเรื่อย ๆ มลพิษและฝุ่นควันที่เต็มท้องถนน กับกระแสทิศทางใหม่ของพลังงานสะอาด ทำให้รถยนต์พลังงานไฟฟ้า หรือรถยนต์ EV เริ่มเป็นที่พูดถึงและได้รับความนิยมมากขึ้นทั่วโลก ไม่แพ้กระแสนิยมในไทยที่เริ่มหันมาสนใจกันอย่างต่อเนื่อง
เช่น ในงาน Thailand International Motor Expo มียอดการจองรถยนต์ EV
  • ปี 2021 รถยนต์ไฟฟ้า HAVAL / ORA มียอดจองทั้งหมด 868 คัน
  • ปี 2022 รถยนต์ไฟฟ้า BYD มียอดจองทั้งหมด 2,714 คัน
  • ปี 2023 รถยนต์ไฟฟ้า BYD มียอดจองทั้งหมด 6,119 คัน
ยอดจองรถยนต์ไฟฟ้าในไทยค่อนข้างเติบโตรวดเร็วแบบก้าวกระโดด ตีตื้นยอดจองรถยนต์น้ำมันจากค่ายยักษ์ใหญ่อย่าง Toyota และ Honda แล้วถ้าเราต้องการซื้อรถยนต์ไฟฟ้าตอนนี้ มันคุ้มค่าหรือไม่ ไปดูกันครับ
🐤[ข้อดี vs ข้อเสีย ของรถยนต์ไฟฟ้า]
1. ราคารถ
ในมุมมองของผมมองว่าใน segment เดียวกัน รถ EV และรถน้ำมัน ราคาค่อนข้างอยู่ในช่วงเดียวกัน เช่น BYD ATTO 3 จัดอยู่ใน segment B-SUV เทียบได้กับ HONDA HR-V, MAZDA CX-30 ราคาอยู่ในช่วง 900,000 – 1,200,000 บาท
2. ค่าซ่อมบำรุง
การซ่อมบำรุงของรถ EV จะน้อยกว่ารถน้ำมัน เพราะลดการเซอร์วิสระบบน้ำมันต่าง ๆ ลง แต่อะไหล่ ณ ตอนนี้ยังมีราคาสูงกว่ารถน้ำมันมาก เช่น จำพวกแบตเตอรี่ของรถ EV จะมีมูลค่ามากถึง 30-57 % ของมูลค่ารถ
3. ค่าเดินทาง
ค่าการเดินทางโดยใช้รถ EV จะถูกกว่าการใช้รถน้ำมันครึ่งต่อครึ่ง แถมยังสามารถลดค่าไฟในการชาร์จได้อีก ถ้าเราชาร์จแบตรถในอัตรา TOU ช่วง Off-Peak (4 ทุ่ม – 9 โมงเช้า) ของการไฟฟ้านครหลวงจะเหลือค่าไฟหน่วยละ 2.1827 บาท/kWh (จาก5.2674 บาท/kWh)
  • รถยนต์น้ำมัน เฉลี่ย 15 km / ลิตร หรือ 2.5 - 3 บาท / km.
  • รถยนต์ไฟฟ้า เฉลี่ย 5 km / หน่วยไฟฟ้า หรือ 0.5 - 1 บาท / km.
4. ความสะดวกสบายในการใช้งาน
ทั้งในแง่ของการเซอร์วิสซ่อมบำรุง เพราะอู่ซ่อมรถไฟฟ้ายังมีจำนวนน้อยและกระจุกตัวอยู่ในกรุงเทพ ทำให้การซ่อมบำรุงและเช็คระยะไม่ค่อยสะดวก
💡 ประสบการณ์ตรง เพื่อนขับรถ EV ไปต่างจังหวัดและประสบอุบัติเหตุ แต่เนื่องจากศูนย์ซ่อมบำรุงและบริการรถลากอยู่ในกรุงเทพ ทำให้คิวรถลากยาวไปถึงเดือนหน้า และยังไม่พูดถึงคิวในการซ่อม ทำให้ต้องจ้างรถลากไปกรุงเทพเอง
  • น้ำมันเต็มถัง 40 ลิตร วิ่งได้ประมาณ 640 km.
  • แบตเตอรี่ 50 kW วิ่งได้ประมาณ 420 km.
และในแง่ของการชาร์จไฟฟ้าเมื่อเดินทางออกตามต่างจังหวัด หรือกลับบ้านเวลางานเทศกาล เพราะจุดชาร์จมีจำนวนน้อย จำกัด และใช้เวลาชาร์จนาน อาจต้องวางแผนและรอคิวชาร์จนาน และในบางพื้นที่ ที่ยังไม่มีจุดชาร์จรถ อาจจะไม่สามารถไปเที่ยว ณ จุดนั้น ๆ ได้
  • เครื่องชาร์จแบบ AC กำลังไฟ 7 kW เวลาชาร์จประมาณ 10 - 12 ชั่วโมง
  • เครื่องชาร์จแบบ DC กำลังไฟ 50 kW เวลาชาร์จประมาณ 30 นาที – 1 ชั่วโมง
5. มลภาวะ
ถ้าเราย้อนหลังไปดูแหล่งผลิตไฟฟ้าเราจริง ๆ แล้วยังคงพึ่งพาพลังงานจากฟอสซิลในสัดส่วนที่มากอยู่ อาจพูดไม่ได้เต็มปากว่าโดยรวมเราทำให้มลภาวะของโลกดีขึ้น นอกจากหลังจากนี้ เราจะเพิ่มสัดส่วนของพลังงานสะอาดให้ได้มากกว่านี้ รถ EV ก็จะช่วยลดมลภาวะได้อย่างแน่นอน
🐤[ เปรียบเทียบความคุ้มค่า ]
ให้รถยนต์ segment B-SUV เหมือนกันราคาช่วง 900,000 – 1,200,000 ผ่อนประมาณเดือนละ 15,000 (ดาวน์ 15% ผ่อน 72 เดือน)
⛽ รถยนต์น้ำมัน Honda HR-V
  • ค่ารถยนต์ 15,000 บาท / เดือน
  • ค่าดูแลบำรุงรักษาตรวจเช็กระยะ 6,000-10,000 บาท / ปี
  • ค่าประกันภัยชั้นหนึ่ง 10,000 - 15,000 บาท / ปี
  • ค่าแบตเตอรี่ (เฉลี่ย 2 ปีเปลี่ยน 1 ครั้ง) 2,000 บาท
  • ค่ายางรถยนต์ (เฉลี่ย 3 ปีเปลี่ยน 1 ครั้ง) 7,000 - 12,000 บาท / เส้น
  • ค่าน้ำมัน (ระยะทางไปทำงานประมาณ 50 km.) 6,000 – 8,000 บาท / เดือน
เฉลี่ยรายจ่ายรถน้ำมัน 8,500 – 12,000 บาท / เดือน (ไม่รวมค่ารถ)
⚡ รถยนต์ไฟฟ้า BYD Atto 3
  • ค่ารถยนต์ 15,000 บาท / เดือน
  • ค่าแท่นชาร์จ (Wall box) รวมอยู่ในค่ารถ
  • ค่าดูแลบำรุงรักษาตรวจเช็กระยะ (ตั้งแต่ระยะ 0 – 160,000 km.) ไม่มีค่าใช้จ่าย
  • ค่าประกันภัยชั้นหนึ่ง 27,000 – 35,000 บาท / ปี
  • ค่าแบตเตอรี่ EV (ประมาณ 10 ปีเปลี่ยน 1 ครั้ง) 530,000 บาท
  • ค่ายางรถยนต์ EV (เฉลี่ย 5 ปีเปลี่ยน 1 ครั้ง) 12,000 - 15,000 บาท / เส้น
  • ค่าไฟ (ระยะทางไปทำงานประมาณ 50 km.) 2,000 – 2,500 บาท / เดือน
เฉลี่ยรายจ่ายรถไฟฟ้า 9,500 – 12,000 บาท / เดือน (ไม่รวมค่ารถ)
🐤[ โดยสรุป ]
ถึงแม้ว่าค่าใช้จ่ายในการเดินทางของรถยนต์ไฟฟ้าจะถูกกว่ารถยนต์น้ำมันถึง 3 เท่า แต่รายจ่ายโดยรวมเฉลี่ยต่อเดือนกลับมีรายจ่ายพอ ๆ กัน สาเหตุหลักมาจากรถยนต์ไฟฟ้ายังเป็นเทคโนโลยีใหม่ แบตเตอรี่ ยางรถยนต์ และเบี้ยประกันยังคงมีราคาสูงอยู่มาก ทำให้รายจ่ายรวมไม่ห่างกัน
และตอนนี้การใช้รถยนต์ไฟฟ้า ความสะดวกสบายยังค่อนข้างจำกัด ไม่ว่าจะสถานีชาร์จยังมีจำกัด และบางสถานีหัวจ่ายยังไม่กำลังไฟต่ำ ใช้เวลาชาร์จนาน การต่อคิว รอคิวนาน อาจต้องวางแผนการเดินทางให้ดี หรือการไปท่องเที่ยว ตามที่พักอาจจะไม่มีแท่นชาร์จรถ EV รองรับมากนัก การเดินทางไปต่างจังหวัดควรศึกษาเส้นทางให้ดี
สำหรับคนที่มีรถยนต์น้ำมันอยู่แล้ว ค่อนข้างรุ่นใหม่ ยังกินน้ำมันไม่มาก ถ้าเหตุผลคือลดรายจ่ายเรื่องการเดินทาง ก็ยังไม่แนะนำให้เปลี่ยนเป็นรถ EV ควรรออีก 2 – 3 ปีข้างหน้า
ให้ราคาน้ำมันขึ้นสูง เทคโนโลยีแบตเตอรี่ เบี้ยประกันภัย และราคาอะไหล่รถถูกกว่านี้ สถานีชาร์จไฟแพร่หลายกว่านี้ มีการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานสะอาดมากกว่านี้ ก็จะสะดวก คุ้มค่า และช่วยลดมลภาวะไปพร้อมกันได้อย่างแน่นอนครับ
ขอให้ทุกคนโชคดีครับ
ติดตามเริ่มใหม่ยังไงก่อนได้ที่
โฆษณา