15 ธ.ค. 2023 เวลา 08:00 • ความคิดเห็น

Better tomorrow

ข่าวงานประกาศรางวัลมิชลินของไทยเมื่อสองวันก่อนก็เป็นที่ฮือฮาให้กับนักชิมเหมือนเคย ยิ่งปีนี้ขยายไปหลายจังหวัดก็น่าจะทำให้การท่องเที่ยวคึกคักขึ้นอยู่ไม่น้อยเพราะมิชลินเป็นรางวัลที่ได้รับการยอมรับระดับนานาชาติและเป็นส่วนสำคัญของการท่องเที่ยวของโลก
1
มีคนอธิบายไว้ว่าหนึ่งดาวมิชลินหมายถึงร้านที่ถ้าไปแถวนั้นต้องไม่พลาดไปชิม สองดาวหมายถึงคุ้มค่าที่จะต้องอ้อมเส้นทางไปกินแม้จะเสียเวลาบ้างก็ตาม ส่วนสามดาวนั้นคือควรค่าแก่การจองตั๋วเครื่องบินเพื่อไปร้านนั้นโดยเฉพาะ เป็นจุดหมายปลายทางหลัก ส่วนจะเที่ยวแถวนั้นเป็นเรื่องรองด้วยซ้ำ และเท่าที่รู้ ยังไม่มีร้านอาหารไทยที่ไหนในโลกได้มิชลินสามดาวเลย
ร้านอาหารที่ได้ดาวกันทั้งร้านเดิมและร้านใหม่ในปีนี้ของไทย ร้านที่น่าจะฮือฮาที่สุดก็น่าจะเป็นร้านอาหารไทย fine dining ชื่อ Nawa ที่เปิดมาได้เพียงเก้าเดือน แทบจะไม่เคยมีร้านไหนในโลกที่เปิดมาไม่ถึงปีก็ได้ดาวหนึ่งดวง แถมยังได้รางวัลร้านใหม่ดีเด่น (Thailand opening of the year award) อีกด้วย ผมโชคดีที่จองร้านนี้ล่วงหน้าแล้วได้ไปลองในวันที่เขาเพิ่งได้มิชลินพอดี
ประสบการณ์ที่ร้าน Nawa นั้นน่าประทับใจมากๆ ไม่เคยเห็นร้านอาหารไทยแบบ fine dining ออกแบบครัวเปิดที่เห็นกระบวนการได้ทั้งหมด นอกจากเชฟแล้ว น้องๆที่ทำงานในครัวมีอายุเฉลี่ยแค่ 25 ปีส่วนใหญ่ก็ไม่เคยทำร้านระดับนี้มาก่อน วิธีการนำเสนออาหารก็ทำออกมาได้อย่างน่าทึ่ง สนุกและแปลกใหม่ หน้าตาและการออกแบบนั้นสวยงามและดูแทบไม่ออกว่าเป็นอะไร
แต่พอได้ลิ้มลองนั้นแทบระลึกชาติได้เพราะรสชาติเป็นไทยแท้มากๆ เคารพในความเป็นอาหารไทยได้อย่างครบถ้วน ควรค่าแก่การได้ดาวมิชลินและการพาแขกฝรั่งมาอวดอาหารไทยในระดับมาตรฐานโลกได้แน่ๆ แน่นอนว่าราคาก็อยู่ในระดับ fine dining แต่ก็คุ้มกับประสบการณ์ที่ได้รับอย่างมาก
และที่น่าสนใจสุดๆก็คือ ผมได้คุยกับเจ้าของร้าน ผู้ซึ่งเป็นเจ้าของร้านโอมากาเสะชื่อดังอีกร้านด้วย เนย์เป็นคนธรรมดา ชาวบ้านมากๆ และเมื่อสี่ปีที่แล้วยังเพิ่งเปิดร้านซูชิแบบเริ่มต้นคำละ 19 บาทอยู่แถวบางนา ไม่เคยกินโอมากาเสะ ไม่เคยเสพอาหารระดับแพงๆอยู่เลย…
น้องเนย์ วิชชุพล เจริญทรัพย์ เล่าให้ผมฟังถึงความฝันที่อยากเป็นเถ้าแก่ตั้งแต่เรียนจบ จบมาก็เปิดร้านขนมปัง แล้วมาลองเปิดร้านซูชิราคาไม่แพงดูตามประสาคนหนุ่มที่อยากมีกิจการของตัวเองและชอบกินซูชิแต่ก็ไม่เคยได้ลองอะไรในระดับแพงๆมาก่อน แต่เนย์มีความคิดอยู่เสมอว่ามันต้องมีอะไรที่ดีกว่าที่เขาทำอยู่แน่ๆ
ต่อให้ตอนที่ทำอยู่นั้นไม่รู้ว่าเป็นอะไร ตอนที่เปิดร้านซูชิชาวบ้านทั่วไปเริ่มต้นสิบกว่าบาทก็พยายามหาของดีๆมาให้ลูกค้ารู้สึกคุ้ม ตัวเองไม่กล้ากินซูชิแพงๆก็ไปอาศัยดูหนังเรื่อง Jiro dream of sushi ที่เป็นเรื่องของเทพซูชิวัย 90 กว่าปีในตำนานของญี่ปุ่นผู้คลั่งใคล้ที่จะปั้นซูชิที่ดีขึ้นทุกวันให้สมบูรณ์แบบให้ได้ เนย์บอกว่าดูเรื่องนี้ไปไม่น้อยกว่า 50 รอบ ร้านก็ขายดีตามสมควรจนโอกาสมาในช่วงวิกฤติโควิด
ในช่วงโควิดที่ทุกคนดิ้นรน หลายคนท้อถอย เนย์กลับพยายามลองสู้ ออกแบบกล่อง delivery แบบจัดเต็มและคุ้มค่าสุดๆ จนมีคนพูดถึงและบอกต่อ รวมถึง influencer หลายคนในช่วงนั้นที่ต้องไลฟ์อยู่บ้าน ทำให้ขายดีมากและประกอบกับช่วงนั้นคนขายปลาขายไม่ค่อยออก เนย์ก็เลยได้วัตถุดิบดีๆในราคาถูกจนทำออกมาดี
เนย์ก็เลยลองทำโอมากาเสะราคาไม่แพงที่ร้านซูชิในช่วงโควิดที่ร้านปิดๆเปิดๆ ทั้งที่ตัวเองยังไม่เคยได้ลองโอมากาเสะจริงๆเลยด้วยซ้ำ และก็ได้รับการตอบรับดีมากๆเพราะคนตามมากินจากการได้ลองสั่ง delivery และในที่สุดก็เลยมาเปิดร้านโอมากาเสะแบบจริงจัง ตระเวนลองโอมากาเสะร้านต่างๆหลายสิบร้านและนำเอาส่วนดีแต่ละร้านมาจนมีร้านที่มีคนอุดหนุนพอสมควร
วันหนึ่งมีบทสนทนาเล่นๆกันในวงเพื่อน มีคนถามว่าแกงเขียวหวานนี่เขียวเพราะอะไร ทำให้เนย์ผู้เริ่มเป็นผู้เชี่ยวชาญซูชิแต่ชอบกินอาหารไทยตั้งคำถามกับตัวเองว่าทำไมเราเป็นคนไทยแต่ไม่รู้เรื่องอะไรแบบนี้เลย ก็เลยเริ่มสนใจอาหารไทยและได้มีโอกาสไปชอบร้านสามล้อที่ออกแบบอาหารได้สร้างสรรค์แต่คงความเป็นอาหารไทยได้ถึงราก
1
และได้มีโอกาสรู้จักเชฟโจจนชวนกันมาเปิดร้าน NAWA ด้วยความฝันที่อยากจะทำอาหารไทยให้ฝรั่งยอมรับในระดับโลกให้ได้โดยที่คงคุณค่ารสชาติแบบดั้งเดิมให้มากที่สุด NAWA จึงถูกออกแบบมาเพื่อให้ได้มิชลินจากการที่เนย์มีความฝันรางๆ แล้วออกเดินทางสังเกต ชิมและจดประสบการณ์มิชลินสองดาว สามดาวในแถบเอเชียให้มากที่สุดเพื่อเข้าใจว่าร้านที่ได้มิชลินนั้นทำอย่างไร
ความตั้งใจที่จะทำให้ดีกว่าเดิม ฝีมือขั้นเทพของเชฟโจ และการเข้าใจในโจทย์ที่ NAWA ออกแบบเพื่อให้คนไทยภูมิใจและมีเป้าหมายเป็นดาวมิชลิน ก็น่าจะเป็นคำตอบของรางวัลหนึ่งดาวในก้าวแรกของความฝันของเนย์ เพราะผมถามเนย์ว่าความฝันเขาคืออะไร
เขาบอกว่าเขาอยากทำร้านอาหารไทยที่ได้มิชลินสามดาวเป็นร้านแรก จนฝรั่งต้องบินมากิน เป็น destination ปลายทางให้ได้ วันที่รู้ว่าร้านได้ดาวมิชลิน เนย์ผู้ซึ่งกำลังอยู่ในงานสัมนนาต้องไปแอบร้องไห้ด้วยความดีใจในห้องน้ำอยู่เป็นชั่วโมง ก่อนกลับ เนย์พาผมไปดูกระดาษแผ่นหนึ่งที่เขียนแปะอยู่ในครัวให้น้องๆรุ่นใหม่ที่ทำงานทุกคนได้เห็นร่วมกันว่าเขากำลังสร้างอะไรกันอยู่
กระดาษแผ่นนั้นเขียนว่า “ภูมิใจ” ซึ่งประสบการณ์ที่ส่งออกมา รสชาติอาหารที่น้องๆทำนั้นรู้สึกได้ถึงรสชาติแห่งความภูมิใจอยู่เช่นกัน
ผมเขียนเรื่องนี้ นอกจากจะเป็นกำลังใจให้ร้าน NAWA เก็บดาวได้เพิ่มตามความฝันเป็นที่ภูมิใจของคนไทยและอาหารไทย ก็อยากเขียนเพื่อเป็นกำลังใจให้กับหลายคนที่มีความฝันและอาจจะถูกกรอบลวงตาปิดไว้อยู่ให้ไม่กล้าฝันต่อ
3
ถ้าเนย์ผู้ซึ่งเริ่มต้นจากการขายซูชิคำละ 19 บาทเมื่อไม่กี่ปีก่อนไม่เคยได้ลิ้มรสอาหารแพงๆที่ไหน มีแต่ภาพกับเสียงเป็นแรงบันดาลใจ ใช้เวลาสี่ปี พยายามพัฒนาตัวเอง ไม่หยุดอยู่กับที่ คิดว่ามันต้องมีอะไรที่ดีกว่านี้ จนมาเป็นเจ้าของร้าน fine dining ระดับมิชลินที่เก็บหัวละหลายพันได้ หลายคนก็น่าจะกล้าฝันกล้าทำได้เช่นกัน
Better tomorrow ครับ..
โฆษณา