15 ธ.ค. 2023 เวลา 08:52 • หุ้น & เศรษฐกิจ

บุกตลาดออร์แกนิกโลก!!

‘ARISE Plus Thailand’ เปิดโครงการ ‘เกษตรอินทรีย์ดีต่อใจ’ มุ่งสร้างความตระหนักรู้-พัฒนาการเกษตรในไทยสู่ระดับสากล
(15 ธ.ค. 66) ‘ARISE plus Thailand’ เป็นโครงการที่ได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากสหภาพยุโรป ได้นำเสนอโครงการ ‘Organic For All - เกษตรอินทรีย์ดีต่อใจ’ ซึ่งดำเนินกิจกรรมร่วมระหว่างสำนักงานมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติ (National Bureau of Agriculture Commodity and Food standards - ACFS) และศูนย์พาณิชยกรรมระหว่างประเทศ (International Trade Centre – ITC)
โดยมุ่งเน้นไปที่การสร้างความตระหนักรู้ในประเด็นที่มีความเกี่ยวข้องกับเกษตรอินทรีย์ ทั้งด้านสุขภาพ สิ่งแวดล้อม รวมไปถึงประโยชน์ทางเศรษฐกิจของการบริโภคอาหารอินทรีย์ และการพัฒนาการทำเกษตรอินทรีย์ในไทยอีกด้วย
‘โลฆอง ลูร์เดร์’ ที่ปรึกษาด้านเกษตรจากคณะผู้แทนสหภาพยุโรปประจำประเทศไทย ระบุว่า ‘Organic For All - เกษตรอินทรีย์ดีต่อใจ’ เป็นกิจกรรมรณรงค์ที่มุ่งเสริมความรู้ความเข้าใจ และเสริมศักยภาพให้กับเหล่าผู้ที่เกี่ยวข้องในด้านการผลิตและมาตรฐานเกษตรอินทรีย์ พร้อมทั้งสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับการทำเกษตรอินทรีย์ โดยทางสหภาพยุโรปนั้นมีความประสงค์ที่จะสนับสนุนการดำเนินงานดังกล่าวในฐานะผู้ช่วยขับเคลื่อนทางการค้าและเศรษฐกิจ และเป็นหุ้นส่วนสำคัญในการส่งเสริมระบบอาหารแบบยั่งยืนในประเทศไทย
ในด้านของ ‘ซิลวี เบตอม โฆชัง’ จาก ศูนย์พาณิชยกรรมระหว่างประเทศ (ITC) ระบุถึงความสำคัญของการส่งเสริมตลาดเกษตรอินทรีย์ในประเทศไทย ว่า “การทำเกษตรอินทรีย์นั้นนอกจากจะส่งผลดีกับความยั่งยืนทางอาหาร และดีต่อคุณภาพของดินของประเทศในระยะยาวแล้วนั้น เกษตรกรไทยที่ทำเกษตรอินทรีย์ยังมีโอกาสได้เข้าสู่ตลาดเกษตรอินทรีย์สากล ที่บริโภคให้คุณค่ากับการเลือกรับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพ และมีกระบวนการผลิตที่ดีต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งเป็นค่านิยมที่กำลังเติบโตขึ้นเรื่อยๆ ในระดับโลก”
โดยกิจกรรม ‘Organic For All - เกษตรอินทรีย์ดีต่อใจ’ ได้จัดขึ้น ณ สมาคมฝรั่งเศส กรุงเทพมหานครฯ โดยมีพื้นที่การจัดกิจกรรม เช่น ครัวออร์แกนิก และตลาดออร์แกนิก ซึ่งเป็นพื้นที่สำคัญในการช่วยให้ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องในห่วงโซ่เกษตรอินทรีย์ได้มาพบปะพูดคุย เพื่อสร้างความสัมพันธ์และแลกเปลี่ยนความรู้ โดยมุ่งหวังให้การทำให้เกษตรอินทรีย์เป็นหมุดหมายสำคัญของการพัฒนาความมั่นคงทางอาหารของประเทศไทย
ผ่านการสร้างความตระหนักรู้และการส่งเสริมกิจกรรมเกษตรอินทรีย์ พร้อมทั้งให้สาธารณชนมีส่วนร่วมอย่างแข็งขันในการสร้างระบบอาหารที่ยั่งยืนและยืดหยุ่นให้มากขึ้น เพื่อประโยชน์ของคนรุ่นหลังในประเทศไทยต่อไป
กิจกรรมนี้ มีผู้อยู่ในแวดวงเกษตรอินทรีย์เข้าร่วมงานกว่า 100 ท่าน ทั้งจากฝั่งรัฐฯ และเอกชน ไปจนถึงฝั่งผู้ผลิตและผู้บริโภค รวมถึงอินฟลูเอนเซอร์สายสุขภาพและสื่อมวลชน ไม่ว่าจะเป็น พิศาล พงศาพิชณ์ เลขาธิการสำนักงานมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติ (ACFS)
พงศ์ภพ เมธากุลวัฒน์ จาก ARISE PLUS ประเทศไทย, ภูมิสิทธิ์ มหาสุวีระชัย นักเศรษฐศาสตร์สิ่งแวดล้อมและเศรษฐศาสตร์พฤติกรรม คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น, นคร ลิมปคุปตถาวร ผู้ก่อตั้ง บ้านเจ้าชายผัก, กนิษฐา ตรีรัตนภรณ์ จาก คิงดอม ออร์แกนิค เนทเวิร์ค และผู้เข้าร่วมจำนวนมาก สะท้อนว่ากิจกรรมนี้ไม่ได้เพียงแค่สร้างความตระหนักรู้ แต่ยังนำไปสู่ผลสัมฤทธิ์ด้านการยกระดับความคิด
“หนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ทำให้ผู้คนหันมาเลือกบริโภคเกษตรอินทรีย์มากขึ้น ส่วนหนึ่งเป็นเพราะช่วงที่โลกประสบกับโรคระบาดในปีที่ผ่านๆ ทำให้คนมีเวลาตระหนักถึงความเชื่อมโยงของสิ่งแวดล้อมกับสุขภาพ และผู้บริโภคยังเชื่อว่า การบริโภคผลิตภัณฑ์ออร์แกนิกไม่เพียงแต่ส่งผลดีต่อสุขภาพของพวกเขาเท่านั้น แต่ส่งผลดีต่อสิ่งแวดล้อมอีกด้วยเมื่อเทียบกับการทำเกษตรแบบดั้งเดิมที่ใช้สารเคมี” ผู้ผลิตสินค้าออร์แกนิกภายในงาน กล่าวกับสื่อ
นอกจากจะเป็นการแสดงให้เห็นถึงความสำเร็จอย่างมีนัยยะสำคัญ ทั้งในด้านของการมีส่วนร่วมของผู้เข้าร่วมงาน และการเข้ามามีบทบาทของบริษัทที่เกี่ยวข้องกับการทำเกษตรอินทรีย์ กิจกรรมแถลงข่าวนี้ยังเปิดโอกาสให้ประชาชนทั่วไปมีส่วนร่วมผ่านสื่อดิจิทัลและสื่อแบบกายภาพ โดยเน้นไปยังประโยชน์ทั้งด้านสุขภาพ ตลอดถึงประโยชน์ทางสิ่งแวดล้อมและเศรษฐกิจจากการบริโภคและการผลิตอาหารออร์แกนิก โดยจุดสำคัญของกิจกรรมนี้คือ การสร้างปฏิสัมพันธ์ระหว่างผู้เข้าร่วมงานกับตัวกิจกรรมผ่านพื้นที่ ‘ครัวออร์แกนิก’ และ ‘ตลาดออร์แกนิก’
โดยกิจกรรมแรกในพื้นที่ครัวออร์แกนิก เป็นการจัดแสดงผลิตภัณฑ์ออร์แกนิกผ่านรูปแบบของการจำลองห้องครัว และบอกเล่าสาระประโยชน์ผ่านตัววัตถุจัดแสดง ที่ผู้เข้าร่วมสามารถหยิบจับและสำรวจตัวสินค้า เพื่อสำรวจว่าผลิตภัณฑ์ออร์แกนิกนั้นส่งผลดีกับสุขภาพของอย่างไร
และในส่วนที่สอง พื้นที่ ‘ตลาดออร์แกนิก’ เป็นพื้นที่ที่ผู้เข้าร่วมสามารถจำลองประสบการณ์จับจ่ายสินค้าออร์แกนิก เสมือนกับการจ่ายตลาดหรือเที่ยวซูเปอร์มาร์เก็ต โดยได้รับสาระความรู้ไปพร้อมๆ กัน และที่พิเศษไปกว่านั้นคือ การแจกกระเป๋าผ้าลายพิเศษที่สามารถสแกน QR โค้ดเพื่อเข้าถึงแหล่งผลิตภัณฑ์ออร์แกนิกของท้องถิ่นต่าง ๆ ทันที
โฆษณา