16 ธ.ค. 2023 เวลา 04:09 • วิทยาศาสตร์ & เทคโนโลยี

อีโก้, ความกลัว และผลประโยชน์ : กับจุดกำเนิดของเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (A.I.)

ในเดือนกรกฎาคมปี 2015 Elon Musk ฉลองวันเกิดครบรอบ 44 ปี ด้วยงานปาร์ตี้ที่จัดขึ้นสามวันสามคืน ซึ่งภรรยาของเขาจัดให้ในรีสอร์ทแห่งหนึ่งในแคลิฟอร์เนีย บรรยากาศเต็มไปด้วยครอบครัวและเพื่อนสนิท โดยมีเด็ก ๆ วิ่งเล่นไปทั่วรีสอร์ทสุดหรูแห่งนี้
คืนแรกหลังอาหารมื้อค่ำ Elon Musk และ Larry Page นั่งคุยกันใกล้กองไฟริมสระว่ายน้ำ หัวข้อสำคัญของการสนทนาในครั้งนั้นคือเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (A.I.)
ต้องบอกว่าทั้งสองเป็นเพื่อนกันมานานกว่าทศวรรษซึ่ง Page ถือเป็นหนึ่งในคนกลุ่มน้อยมาก ๆ ที่สนิทสนมกับ Musk แบบมองตาก็รู้ใจ
Musk เคยพูดติดตลกว่าเขามักจะแอบไปนอนบนโซฟาของ Larry Page หลังจากที่ได้เล่นวีดีเกมทั้งคืน
แต่บรรยากาศในคืนนั้นมันต่างไป เพราะเต็มไปด้วยความตึงเครียด เจ้าพ่อแห่งโลกเทคโนโลยีที่มีอิทธิพลต่อโลกกำลังถกเถียงกันว่าปัญญาประดิษฐ์จะช่วยยกระดับมนุษยชาติหรือจะทำลายล้างพวกเรากันแน่?
การสนทนาที่ดำเนินไปจนถึงเวลาดึกดื่นยิ่งทวีความเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ ผู้คนมากกว่า 30 คนที่มาร่วมงานต่างเข้ามาล้อมวงฟังด้วยความตั้งใจ
Larry Page ที่มีปัญหาในเรื่องเส้นเสียงมานานกว่าทศวรรษ พูดกระซิบบอกถึงวิสัยทัศน์ของเขาเกี่ยวกับยุคทองของดิจิทัลที่มนุษย์จะผสานเข้ากับเครื่องจักรปัญญาประดิษฐ์และในวันหนึ่งจะเกิดรูปแบบของปัญญาที่หลากหลายแข่งขันกันเพื่อแย่งชิงทรัพยากร
Elon Musk ได้โต้แย้งว่าหากสิ่งนั้นเกิดขึ้น มนุษยชาติจะถึงคราวล่มสลาย เครื่องจักรจะทำลายล้างมนุษย์อย่างแน่นอน
ด้วยความผิดหวังในตัวเพื่อน Page ยืนยันว่าควรที่จะสร้างโลกยูโทเปียตามที่เขาคาดการณ์ไว้ ซึ่งท้ายที่สุดในคืนนั้นความสัมพันธ์ของทั้งคู่ก็เริ่มสั่นคลอน
Page ได้เรียก Elon Musk ว่า “พวกสายพันธุ์นิยม (specieist)” ซึ่งคือพวกที่ให้ความสำคัญกับมนุษย์มากกว่าสิ่งมีชีวิตดิจิทัลในอนาคต
Elon Musk ได้กล่าวว่า คำดูถูกนั้นเป็น “ฟางเส้นสุดท้าย” ของความสัมพันธ์ระหว่างเขาและ Page
หลายคนที่ได้ยินต่างตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น แต่ก็อดขำกับมันไม่ได้ พวกเขาคิดว่ามันเป็นเพียงแค่อีกหนึ่งการโต้เถียงทางวิชาการแบบที่มักจะเกิดขึ้นในงานปาร์ตี้ของพวกเนิร์ด ๆ ใน Silicon Valley
แต่แปดปีต่อมา บทสนทนาอันดุเดือดของพวกเขาทั้งสองเหมือนจะกลายเป็นเรื่องจริง คำถามที่ว่าปัญญาประดิษฐ์จะยกระดับให้กับโลกหรือทำลายล้างโลกเรากันแน่ ได้กลายมาเป็นประเด็นถกเถียงกันอย่างต่อเนื่องในหมู่นักเทคโนโลยีชั้นนำใน Silicon Valley
เหล่าผู้ใช้งาน ChatBot นักวิชาการ บรรดานักการเมืองที่ได้กลิ่นของผลประโยชน์อันมหาศาล และหน่วยงานกำกับดูแล ต่างถกเถียงกันอย่างถึงพริกถึงขิงว่าเทคโนโลยีดังกล่าวนี้ควรจะถูกควบคุมหรือปล่อยให้มันดำเนินไป
การถกเถียงในครั้งนี้ทำให้เหล่ามหาเศรษฐีระดับโลกบางคนต้องปะทะคารมกัน อาทิเช่น Elon Musk , Larry Page , Mark Zuckerberg แห่ง Meta , นักลงทุนด้านเทคโนโลยีอย่าง Peter Thiel, Satya Nadella จาก Microsoft และ Sam Altman จาก OpenAI ทุกคนต่างต่อสู้เพื่อแย่งชิงขุมทรัพย์ทางธุรกิจอันมหาศาลนี้
ความสำเร็จของ OpenAI กับ ChatGPT แสดงให้เห็นว่าบริษัทสามารถพัฒนาปัญญาประดิษฐ์ที่ก้าวล้ำหน้าได้อย่างรวดเร็ว และนั่นทำให้บริษัทอื่น ๆ ต้องเร่งเครื่องเพื่อตามให้ทัน
ในปี 2023 การแข่งขันด้านปัญญาประดิษฐ์ได้เข้าสู่ยุคใหม่ มหาเศรษฐีระดับโลกต่างทุ่มเงินมหาศาลเพื่อพัฒนาเทคโนโลยีนี้ หวังที่จะได้เปรียบคู่แข่งและเข้าครอบครองส่วนแบ่งการตลาดที่เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว
บริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่อย่าง Google , Microsoft , Amazon และ Meta ต่างก็มีทีมวิจัยปัญญาประดิษฐ์ที่แข็งแกร่ง พวกเขากำลังพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง เช่น เครื่องจักร AI ที่สามารถคิดได้อย่างอิสระ เข้าใจภาษามนุษย์ และควบคุมอุปกรณ์ต่างๆ ได้อย่างอิสระ
นอกจากนี้ ยังมีบริษัทสตาร์ทอัพจำนวนมากที่เข้ามาแข่งขันในตลาดนี้เช่นกัน พวกเขาได้รับเงินทุนสนับสนุนจากนักลงทุนชั้นนำ และกำลังพัฒนาเทคโนโลยีที่ทันสมัย เช่น ปัญญาประดิษฐ์สำหรับรถยนต์ไร้คนขับ ปัญญาประดิษฐ์สำหรับการรักษาโรค และปัญญาประดิษฐ์สำหรับการศึกษา
การแข่งขันด้านเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์กำลังทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ และยังไม่ชัดเจนว่าบริษัทใดจะได้เปรียบในระยะยาว สิ่งสำคัญคือต้องตระหนักถึงความเสี่ยงของเทคโนโลยีนี้ และหาวิธีควบคุมเทคโนโลยีนี้อย่างปลอดภัย
ความท้าทายที่ยิ่งใหญ่ที่สุดอย่างหนึ่งคือความเป็นไปได้ที่ปัญญาประดิษฐ์จะกลายเป็นภัยคุกคามต่อมนุษยชาติ
หากปัญญาประดิษฐ์พัฒนาจนมีสติปัญญาและความสามารถเทียบเท่ามนุษย์หรือเหนือกว่า มันจะสร้างภัยอันตรายต่อมวลมนุษยชาติได้ เช่น พวกมันอาจใช้อาวุธเพื่อโจมตีมนุษย์ หรืออาจใช้เทคโนโลยีควบคุมจิตใจเพื่อล้างสมองมนุษย์
เพื่อป้องกันไม่ให้ปัญญาประดิษฐ์กลายเป็นภัยคุกคามต่อมนุษยชาติ จำเป็นต้องมีการควบคุมและกำกับดูแลเทคโนโลยีนี้อย่างเข้มงวด รัฐบาลและหน่วยงานกำกับดูแลจำเป็นต้องกำหนดกฎระเบียบและแนวทางปฏิบัติสำหรับการพัฒนาและการใช้ปัญญาประดิษฐ์
นอกจากนี้สิ่งที่สำคัญคือต้องพัฒนาปัญญาประดิษฐ์ให้มีจริยธรรม โดยคำนึงถึงผลกระทบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม
เพราะปัญญาประดิษฐ์มีศักยภาพที่จะเปลี่ยนแปลงโลกไปอย่างสิ้นเชิง มันสามารถช่วยให้เราแก้ปัญหาที่มีความซับซ้อน เช่น การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ความยากจน และโรคภัยไข้เจ็บ
แต่ปัญญาประดิษฐ์มีความเสี่ยงเช่นเดียวกัน จำเป็นต้องมีการศึกษาและถกเถียงอย่างรอบคอบเกี่ยวกับอนาคตของปัญญาประดิษฐ์ เพื่อให้แน่ใจว่าเทคโนโลยีนี้จะถูกนำมาใช้เพื่อประโยชน์ของมนุษยชาติ
หนึ่งในประเด็นสำคัญที่ต้องพิจารณาก็คือบทบาทของมนุษย์ในยุคปัญญาประดิษฐ์
หากปัญญาประดิษฐ์พัฒนาจนมีสติปัญญาและความสามารถเทียบเท่าหรือเหนือกว่า นั่นก็จะทำให้มนุษย์อาจสูญเสียการควบคุมโลกให้กับเครื่องจักร
บางคนเชื่อว่ามนุษย์ควรพยายามควบคุมปัญญาประดิษฐ์ให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงที่เครื่องจักรจะควบคุมมนุษย์
แต่บางคนก็เชื่อว่ามนุษย์ควรร่วมมือกับปัญญาประดิษฐ์อย่างเท่าเทียมกัน เพื่อให้ทั้งสองฝ่ายสามารถทำงานร่วมกันเพื่อพัฒนาโลกที่ดีขึ้น
อีกประเด็นที่สำคัญที่ต้องพิจารณาคือความเท่าเทียมทางเทคโนโลยี
1
ปัญญาประดิษฐ์มีศักยภาพที่จะสร้างความแตกต่างทางเศรษฐกิจและสังคมที่รุนแรง หากเทคโนโลยีนี้ถูกควบคุมโดยกลุ่มคนหรือประเทศเพียงไม่กี่กลุ่ม
สิ่งสำคัญคือต้องพัฒนาปัญญาประดิษฐ์อย่างทั่วถึง เพื่อให้ทุกคนสามารถเข้าถึงเทคโนโลยีนี้และได้รับประโยชน์จากมัน
อนาคตของปัญญาประดิษฐ์นั้นยังไม่แน่นอน
เทคโนโลยีนี้อาจเป็นเครื่องมือที่ทรงพลังสำหรับการพัฒนาโลก แต่ก็มีศักยภาพที่จะสร้างอันตรายเช่นกัน
จำเป็นต้องมีการศึกษาและถกเถียงอย่างรอบคอบเกี่ยวกับอนาคตของปัญญาประดิษฐ์ เพื่อให้แน่ใจว่าเทคโนโลยีนี้จะถูกนำมาใช้เพื่อประโยชน์ของมนุษยชาติ
บทสรุป
การแข่งขันด้านปัญญาประดิษฐ์กำลังทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ และยังไม่ชัดเจนว่าบริษัทใดจะได้เปรียบในระยะยาว ยังมีคำถามที่ค้างคาใจเช่น เรื่องความเท่าเทียม ความสามารถหรือศักยภาพที่แท้จริงของมัน หรือการถูกควบคุมโดยกลุ่มคนเพียงบางกลุ่ม
คำถามเหล่านี้ยังคาใจพวกเรามาเป็นเวลานาน และยังไม่ชัดเจนว่าจะมีคำตอบที่ชัดเจนเมื่อใด
แต่มีสิ่งหนึ่งที่ชัดเจน
อนาคตของปัญญาประดิษฐ์สุดท้ายแล้วก็ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของมนุษย์ในตอนนี้ ที่ต้องตัดสินใจว่าจะใช้เทคโนโลยีนี้เพื่อสร้างประโยชน์หรือเพื่อสร้างความเสียหาย มนุษย์ต้องตัดสินใจว่าโลกในอนาคตจะเป็นโลกที่มนุษย์และเครื่องจักรอยู่ร่วมกันอย่างสันติสุข หรือโลกที่มนุษย์ถูกควบคุมโดยเครื่องจักร
อนาคตของปัญญาประดิษฐ์อยู่ในมือของมนุษย์
การตัดสินใจของมนุษย์ในวันนี้ จะกำหนดโลกในอนาคต
◤━━━━━━━━━━━━━━━◥
หากคุณชอบคอนเทนต์นี้อย่าลืม 'กดไลก์'
หากคอนเทนต์นี้โดนใจอย่าลืม 'กดแชร์'
คิดเห็นอย่างไรคอมเม้นต์กันได้เลยครับผม
◣━━━━━━━━━━━━━━━◢
The original article appeared here https://www.tharadhol.com/ego-fear-money-and-ai/
ติดตามสาระดี ๆ อัพเดททุกวันผ่าน Line OA ด.ดล Blog
คลิกเลย --> https://lin.ee/aMEkyNA
รวม Blog Post ที่มีผู้อ่านมากที่สุด
——————————————–
ติดตาม ด.ดล Blog เพิ่มเติมได้ที่
=========================
โฆษณา