18 ธ.ค. 2023 เวลา 01:22 • ความคิดเห็น
🤰สงสารจัง ..
จากท่านสมพงษ์ นรินทร์สุขสันติ
นักธุรกิจ อสังหาริมทรัพย์
เป็นจดหมายจากแม่
ถึงลูกทั้งสี่ ก่อนจากโลกนี้ไป
 
" หากชาติหน้ามีจริง ขออย่าให้
พวกเราต้องมาเจอกันอีกเลยนะ
ลูกๆทั้งสี่คนของแม่"
 
เมื่อวันที่ 2 มีนาคม ที่ผ่านมา
แม่มีอายุครบ 80 ปี
แม่ให้กำเนิดลูกชายถึง 4 คน
แล้วยังช่วยลูกๆ
ดูแลเลี้ยงหลานอีก 8 คน
ก็เท่ากับว่า..ในชั่วชีวิตนี้ของแม่
แม่..ได้ใช้สองมือของแม่เลี้ยงดูอุ้มชู
ลูกๆหลานๆ ด้วยความรักถึง 12 คน
แต่ทว่า ตอนนี้ แม่แก่แล้ว แก่จนต้อง
คอยมองดูสีหน้าของพวกแก
เพื่อความอยู่รอดของตัวแม่เอง
โดยเฉพาะเมื่อสี่ห้าปีก่อน
ตอนที่พ่อของพวกแกเสียไปแล้ว
แม่รู้สึกได้ทันทีถึงความรำคาญ
ที่พวกแกปฏิบัติตนต่อแม่
และนับวันยิ่งย่ำแย่เข้าไปทุกที
 
ตอนที่พ่อของพวกแกจากไปใหม่ๆ
แม่หวังเหลือเกินว่า..จะมีลูกคนไหน
สักคนที่จะยื่นมือมารับแม่ไปอยู่ที่บ้าน
บอกตรงๆว่า..
แม่อยากใช้ชีวิตอยู่กับพวกแก
จะคนไหนก็ได้แม่ยินดีทั้งนั้น
แต่รอแล้วรอเล่า สองเดือนผ่านไป
แม่จำต้องทำใจ..
ยอมรับสภาพของความเป็นจริง
ไม่มีลูกคนไหนยอมรับแม่ไปอยู่ด้วย
เลย โชคยังดีที่พวกแกยังพอมีน้ำใจ
เหลืออยู่บ้าง ที่ในเวลานั้น
พวกแกทั้งสี่ผลัดเวรมาเป็นเพื่อนแม่
ที่บ้านทุกคืน แบ่งกันคนละสัปดาห์
แม่ก็ไม่กลัวอะไรอีกแล้ว
ในตอนกลางคืน แต่คิดดูแล้ว
แม่ก็มีอายุอยู่มาถึงป่านนี้
จะต้องไปกลัวอะไรอีก.
แต่สิ่งที่แม่กลัวที่สุดคือ..ความเหงา
ลูกๆของแม่ทุกๆคน พวกแก..
มาอยู่เป็นเพื่อนแม่ รวมเวลาทั้งสิ้น
เป็นเวลา 1 ปี กับ 9 เดือน
หรือประมาณ 630 วัน
ในฐานะของคนเป็นแม่ รู้สึกขอบคุณ
น้ำใจของพวกแกที่มอบให้ในครั้งนั้น
ช่วงแรกๆ ที่มาอยู่เป็นเพื่อนแม่
ทุกอย่างดูดีมีความเอื้ออาทรให้แม่
อยู่บ้าง แต่พอวันเวลาค่อยๆผ่านไป
สีหน้าของพวกแก
ก็แลดูย่ำแย่ลงทุกวัน
พอเหยียบเข้ามาถึงบ้านแม่
ไม่มีคำทักทายสักคำ
เวลาออกจากบ้าน
คำอำลาสักคำก็ไม่มีเช่นกัน
แม่เหมือนสิ่งไม่มีชีวิตชิ้นหนึ่ง
ที่ถูกวางอยู่กลางบ้าน
บางครั้งก็รู้สึกเหมือนกับว่า..
พวกแกกำลังเดินเข้าออกโรงแรม
แล้วมียายแก่แปลกหน้า
ที่นั่งมองหน้าพวกแกที่เดินผ่านไปมา
เหมือนเราไม่เคยรู้จักกันมาก่อน
ไม่มีความผูกพันกันเลยแม้แต่น้อย
 
แม่กลัวที่จะทำให้พวกแกรำคาญ
หรือรังเกียจ แม่ไม่ได้กินข้าวฟรี
ของพวกแกแม้แต่คำเดียว
เสื้อผ้าข้าวของแม่ ก็ซื้อเองทุกอย่าง
แม้กระทั่งสตางค์แดงเดียว
ก็ไม่เคยใช้ของพวกแก
เพียงแค่พวกแก
ยอมแวะมาอยู่เป็นเพื่อนแม่บ้าง
แค่นั้น..
แม่ก็รู้สึกเป็นบุญคุณเหลือหลายแล้ว
 
ถึงแม้แม่จะพยายามวางตัว
อย่างระมัดระวังที่สุด ไม่เคยไปยุ่ง
เกี่ยวชีวิตส่วนตัวของพวกแกเลย
แต่พวกแกทุกคน ก็ค่อยๆห่างหาย
จากบ้านแม่ไปทีละคน
แบบไม่ต้องมีคำร่ำลา
ไม่มีใครแวะมาเยี่ยมเยียนแม่อีก
แต่ยัดเยียดเอาความเหงา
มามอบให้แม่แบบไม่มีความปราณีกันเลย
 
ชีวิตหลังจากนั้นเป็นต้นมา แม่รู้ตัวว่า
แม่ต้องเดินด้วยเท้าตัวเองทุกฝีก้าว
ต้องพึ่งพาตัวเองทุกอย่างด้วยสองมือ
ของแม่เอง มันยากลำบาก
สำหรับคนแก่อย่างแม่พอสมควร
ชีวิตที่เต็มไปด้วยความหงอยเหงา
และเศร้าหมองนั้น
จะมีอายุยืนยาวไปทำไม
 
ช่วงเวลานี้..
แม่รู้สึกแน่นหน้าอกมากขึ้นทุกวัน
แม่ไม่ได้บอกใคร แท้จริงแล้ว
ก็ไม่รู้จะหันหน้าไปบอกใคร.
แม่หวังเป็นอย่างยิ่งว่า โรคภัยไข้เจ็บ
จะกรุณารีบนำพาแม่จากโลกนี้ไป
ในเร็ววัน ถ้าเป็นเช่นนั้นได้
แม่ก็รู้สึกว่า ชะตาชีวิต
ยังคงมีความปราณีต่อแม่บ้าง
หลายคืนก่อน แม่ฝันถึงพ่อของพวกแก
พ่อยิ้ม บอกกับแม่ว่า "ไปกันเถอะ
พ่อมารับแล้ว ไปกับพ่อ
แล้วแม่จะไม่หงอยเหงาอีกต่อไป"
ตื่นมากลางดึก มองไปบนท้องฟ้า
เห็นมีแต่ดาวเต็มฟ้า
พระจันทร์ส่องแสงนวลสบายตา
ในคืนที่บรรยากาศสงบเงียบเช่นนี้
แม่ฝันถึงพ่อของพวกแก
พ่อที่กำลังจะมารับแม่ไป
แม่ขอขอบคุณความรักอันแสนอบอุ่น
ที่พ่อได้มอบให้กับแม่มาทั้งชีวิต
มันคือสิ่งที่มีค่าที่สุดสิ่งเดียว
ในชีวิตนี้ของแม่
แม่รู้ตัวว่า..มันคงถึงเวลาแล้ว
จึงได้ตัดสินใจเขียนจดหมายฉบับนี้ทิ้งไว้
ความสัมพันธ์ของความเป็นแม่ลูก
ระหว่างเรา มันก็คงใกล้จะจบเต็มแก่แล้ว
แม่มีผมขาวอยู่เต็มหัว
แม่ขอใช้ผมขาวทุกเส้นบนหัวสาบานว่า
แม่รู้สึกขอบคุณและซาบซึ้ง
ถึงการแวะเวียนมาอยู่เป็นเพื่อนแม่ของลูก
นอกจากประโยคนี้แล้ว ยังมีคำพูด
ที่แม่อยากจะบอกกล่าวก่อนตายว่า
"แม่เสียใจที่สุดที่ให้กำเนิดพวกแก
มาทั้งสี่คน หากชาติหน้ามีจริง
ขออย่าให้พวกเราต้องมาเจอกันอีกเลย"
 
ในฐานะของคนเป็นแม่
แม่คงไม่ใจร้ายพอที่จะสาปแช่งพวกแก
แต่แม่กลับหวังว่า
ในยามแก่เฒ่าของพวกแกทั้งสี่คน
ขอให้ทุกคนจงพบแต่ความสงบสุขในยามชรา
คงไม่ถูกลูกๆของพวกแกทั้ง 8 คน
ทอดทิ้ง ความผูกพันระหว่างเรา
ก็คงจบลงเพียงเท่านี้
อะไรที่ตั้งใจจะกล่าว
ก็ได้ถ่ายทอดด้วยความอาดูร
ออกมาจากใจจนหมดแล้ว
ขอให้ทุกอย่างจบสิ้นลงแค่ชาตินี้
ชาติเดียว คิดว่ามันก็เกินพอแล้ว
จากแม่
หลังจากนั้นไม่นาน ..
คุณแม่ท่านนี้ ก็ได้จากโลกนี้ไปจริงๆ
บนเตียงตัวเองอย่างสงบ ในมือ..
ถือรูปถ่ายที่เคยถ่ายไว้คู่กับสามี
เพียงแค่สองคนเท่านั้น
🙎‍♀️อ่านแล้วรู้สึกสะท้านใจ
เข้าใจถึงความรู้สึกของผู้เป็น "แม่"
ได้ดีที่สุด เพราะ เราก็คือ แม่คนหนึ่ง
ซึ่งบางครั้งก็รู้สึก น้อยใจ เศร้า และมีน้ำตา
เพราะลูก คนที่เรารักมากที่สุด แต่ลูก
ไม่ได้รักแม่เหมือนดั่งเรารักเขา
ในความเป็นแม่ ไม่เคยโกรธ
หรือเกลียดลูกสักครั้ง
แต่ลึกๆในใจปรารถนาเหลือเกิน
อยากเห็นความน่ารักของลูก
เหมือนในยามวัยเด็ก
ขอความชื่นใจเป็นน้ำหล่อเลี้ยง
ให้หญิงแก่ๆคนหนึ่งได้รับความสุข
ก่อนที่เขาจะลาจากเจ้าไป และเมื่อถึงวันนั้น
มันอาจจะสายไปแล้ว
ถ้าลูกยังคิดไม่ได้ เรายินดี
และดีใจมาก
ที่เพื่อนๆบางคนยังมี "พระในบ้าน"
ให้ได้มีโอกาสตอบแทนบุญท่าน
และดูแลเป็นอย่างดี "ร้อยหมึ่นพันความดี
ไม่เท่าแรงกตัญญูเพียงหนึ่ง"
# รักแม่มากๆ เหมือนดั่งแม่รักเรานะคะ🙍‍♀️
ชะเง้อชะแง้แลหา ลูกหลาน มาเยี่ยมหา
เหมือนดั่งหมาเหงา รอเจ้าของ
🐕🐩🐕 😭🙍‍♀️😭
โฆษณา