18 ธ.ค. 2023 เวลา 15:28 • หนังสือ

"จวบจนสิ้งแสงแดงดาว" นวนิยายอิงประวัติศาสตร์เขมรแดง หม่นเศร้า เคล้าน้ำตา แต่ไม่ไร้หวัง

ประวัติศาสตร์ควรทำให้เราเกรงกลัวในสงคราม ไม่ใช่ฮึกเหิม มิใช่หรืออุทิศ...?
รุธิระ
ถ้าถามเราว่า เขมรแดง คืออะไร เราคงตอบได้แค่ว่า เป็นกลุ่มคนที่กวาดล้างเข่นฆ่าเพื่อนร่วมชาติกัมพูชาอย่างหฤโหดจนต้องจารึกไว้เป็นประวัติศาสตร์ แต่ไม่มีข้อมูลอื่นใดอีกในหัว
จนกระทั่งได้มาอ่านนวนิยายเล่มนี้ จวบจนสิ้งแสงแดงดาว ก็ทำให้ได้ซึมซาบความโหดร้ายป่าเถื่อนนั้นอยู่พอควร แม้ว่าจะไม่ได้ลงลึกเรื่องสงครามอย่างเข้มข้น แต่ฉากหลังของเรื่องก็พอมีกลิ่นเลือดคาวคละคลุ้งให้ได้สัมผัสบรรยากาศที่ว่า การต้องหลีกเร้นหนีตายจากกลุ่มคอมมิวนิสต์อย่างเขมรแดง และการต้องระหกระเหินห่างไกลจากคนในครอบครัวเพื่อเอาตัวรอดในภาวะสงคราม มันน่าหดหู่เช่นไรสำหรับชีวิตของคนคนหนึ่ง โดยเฉพาะคนที่อยู่แต่ในโลกมืดมาโดยตลอด
เล่มนี้มีตัวละครหลัก ๆ อยู่ 2 คน คือ
รุธิระ ธีรวงศ์ ชายวัย 30 กว่าซึ่งเกิดมาในตระกูลที่ทำงานรับใช้ผู้อยู่เบื้องสูง มีความเพรียบพร้อมแทบทุกอย่าง ความรู้ในหนังสือก็มีมาก จะบกพร่องก็แต่สายตาที่ไม่อาจมองอะไรเห็น จึงใช้ชีวิตได้เพียงในรั้วอาณาบริเวณบ้าน
และ อุทิศ เด็กหนุ่มวัย 17 ปี ที่เกิดมาในครอบครัวชนชั้นกลางค่อนไปทางต่ำ การศึกษาไม่สูง แต่ก็มีคุณสมบัติเพียงพอที่จะมารับงานเป็นผู้ดูแลคุณธีร์ หรือรุธิระ คุณชายแห่งบ้านธีรวงศ์
โดยมีฉากหลังเป็นกรุงพนมเปญ
นอกจากอุทิศจะเป็นสายตาและเป็นเข็มทิศนำทางทุกย่างก้าวให้รุธิระ สิ่งที่ยึดโยงทั้งคู่ให้เชื่อมถึงกันมากกว่าความเป็นนายเป็นบ่าวคือโลกแห่งหนังสือ
อุทิศพอรู้ภาษาอังกฤษอยู่บ้างจากการไปทำงานในโบสถ์เมื่อครั้งวัยเยาว์ กิจวัตรในแต่ละวันของรุธิระ นอกจากจะฟังข่าว จดบันทึกเป็นครั้งคราว ก็คือการได้นั่งฟังเรื่องราวในโลกน้ำหมึกผ่านสุ้มเสียงของอุทิศ
วันแล้ววันเล่าผันผ่านไปด้วยความรื่นรมย์อันพอเหมาะ ไม่มากไม่น้อย รุธิระมีความสุขที่ได้สอนหนังสือให้อุทิศ และวรรณกรรมที่ถ่ายทอดผ่านเสียงของอุทิศก็พาให้รุธิระหลุดจากโลกจริงเข้าไปในโลกฝัน
แต่แล้ววันหนึ่ง โลกจริงก็สั่นคลอนจนรุธิระสั่นกลัวอย่างสุดขีด จดหมายจากพ่อแม่ที่ลี้ภัยอยู่ต่างแดน มีเนื้อความชี้เป็นชี้ตายส่งตรงมาถึง "ขอให้ลี้ภัยจนกว่าสงครามจะสงบ"
รุธิระและอุทิศจึงต้องพากันหนีภัยสงครามจากกลุ่มคอมมิวนิสต์เขมรแดงที่กำลังเรืองอำนาจ จะอย่างไรก็ต้องไปให้ถึงชายแดนสยามให้ได้
แน่นอนว่าระหว่างทางไม่ใกล้เคียงกับคำว่าราบรื่นสักนิด โดยเฉพาะเมื่อคนหนึ่งทำได้แค่เป็นผู้ตามอีกคนหนึ่ง ไหนจะเหตุสะเทือนขวัญที่เกิดขึ้นเป็นระลอก ความตายอยู่ใกล้ชนิดหายใจรดต้นคอ แม้ในโลกมืดสีขาวดำของรุธิระ ความกลัวก็ยังเด่นชัดจับจิต
จงตายเถิดรุธิระ นายอย่าฝืนทนอยู่ในทรมานนี้อีกเลย
เล่มนี้เป็นผลงานของพี่เบส หรือคุณกิตติศักดิ์ คงคา ที่หลาย ๆ คนอาจจะคุ้นในนามปากกา นายพินต้า ยอมรับเลยว่าเป็นนักเขียนที่ไฟแรงมากในเรื่องการปั่นต้นฉบับ เพราะเขียนหนังสือดี ๆ ออกมาหลายเล่มมาก ๆ ในรอบปี และคว้ารางวัลมาก็มาก เข้าชิงรางวัลก็เยอะจนแอบว้าวไม่ได้ว่าพี่เบสทำได้ยังไงนะ เก่งจัง
แม้ว่าจะได้มีโอกาสติดตามพี่เบสมาสักระยะ แต่ จวบจนสิ้นแสงแดงดาว เป็นเล่มแรกของพี่เบสที่เราเคยอ่าน ตอนแรกอ่านแล้วแอบงง ๆ จนเกือบถอดใจเพราะใช้ภาษาสละสลวยมากเกิน 555 แต่พออ่านไปได้ 4-5 บท ทุกอย่างเริ่มเข้าที่เข้าทาง เข้าถึงรสชาติของเล่มนี้ได้ลุ่มลึกขึ้น และที่ประทับใจมาก ๆ ก็คือรหัสบางอย่างที่นักเขียนแอบซ่อนเอาไว้ในจดหมายแต่ละฉบับ บอกเลยว่าตอนรู้คือว้าวมาก จากที่อ่านในทำนองเรียบเฉยก็รู้สึกตื่นเต้นหวาดกลัวขึ้นมาทันใด
ก็ถือว่าเป็นเล่มที่ชอบเลยแหละ อยากแนะนำให้ทุกคนได้อ่าน เป็นเล่มที่แม้จะอิงประวัติศาสตร์แต่ก็ไม่ได้หนักขนาดนั้น มันจะหนักไปทางอารมณ์และโลกของตัวละครที่ต้องเผชิญสถานการณ์ต่าง ๆ ในภาวะสงครามมากกว่า มีทั้งมุมที่อ่านเพลิน หดหู่ ซาบซึ้ง (ฉากเรียกน้ำตาก็มานะจ๊ะ) แถมตอนเราอ่าน ตอนนั่งเขียนรีวิวนี้ก็ป่วยอยู่ซะด้วย สภาพร่อแร่ไม่ต่างไปจากตัวละคร 5555
ใครไม่เคยอ่านแนวนี้ก็อยากให้ลองเปิดใจ ลองตามไปไขปริศนาที่นักเขียนซ่อนไว้ในหนังสือเล่มนี้กันดู อ่านจบค่อนข้างประทับใจในระดับนึงเลย โดยเฉพาะความสัมพันธ์ของตัวละครเอกที่พิเศษมากไปกว่าความเป็นนายเป็นบ่าว ขณะเดียวกันก็ไม่ใช่ในเชิงที่ก้าวล้ำเส้นกันไปกว่านั้น
แอบส่งท้ายกันไว้ด้วยข้อสังเกต เผอิญอ่านแล้วยังมีหลายจุดที่งง อ่านแล้วไม่เคลียร์ เลยพยายามจะหารีวิวว่ามีนักอ่านรีวิวอะไรไว้บ้าง ก็ไปเจอคลิป สุนทรียะเสวนา ของพี่ ๆ The Social Literature ที่วิเคราะห์วิพากษ์เล่มนี้ไว้ดีมาก เลยจะขอแปะลิงก์ไว้ให้เผื่อใครอยากตามไปฟังค่ะ
ถ้ามองผ่านแว่นตาของนักวิจารณ์วรรณกรรม เราก็เห็นด้วยกับประเด็นที่พี่ ๆ The Social Literature ได้พูดถึงไว้ในคลิปตามนี้
- บางห้วงบางตอนใส่คำขยายความยาวมาก ซึ่งก็เข้าใจว่านักเขียนตั้งใจเล่นคำให้สละสลวย สะท้อนความรู้สึกลุ่มลึกของตัวละคร แต่บางตอนก็มากเกินไปจนตีความไม่ออกว่านักเขียนต้องการสื่ออะไร
- บทสนทนาของตัวละครยังมีความไม่ธรรมชาติอยู่บ้าง ทั้งการสื่อสารระหว่างตัวละครที่มีชนชั้นทางสังคมมาเกี่ยวข้อง และการโต้ตอบที่ควรจะเป็นภาษาพูดมากกว่าภาษาบรรยาย
- มุมมองของผู้พิการทางสายตา และรายละเอียดบางอย่างที่น่าจะมีการขยายความเพิ่มแต่ยังไม่มี เช่น รุธิระตาบอดมาตั้งแต่กำเนิด หรือว่าเพิ่งมาตาบอดตอนช่วงอายุไหน
เป็นต้น
เราเข้าใจแหละว่าสุนทรียะที่นักเขียนหลายคนตั้งใจจะมอบให้นักอ่าน คือใส่คอนเซปต์ที่เปิดกว้าง ให้นักอ่านจินตนาการต่อเติมได้เต็มที่ ไปคิดต่อเอาว่าอะไรยังไงต่อไป แต่บางที นักอ่านขี้สงสัยอย่างเราก็อยากได้คำเฉลยนะ เพราะมันคาใจมาก เหมือนรู้ไม่สุดว่าท้ายที่สุดแล้ว เรื่องนั้น เรื่องนี้ มันคืออะไร แล้วจบลงอย่างไร
ขอทิ้งทวนด้วยจดหมายสักฉบับที่อยากฝากไปถึงนักเขียนค่ะ หวังว่าสารสำคัญนี้จะส่งไปถึง :)
โปรดปรานเป็นหนักหนากับนวนิยายเล่มนี้ที่มีฉากหลังเป็นสงครามหยอกล้อเบาบางมาด้วยกลิ่นหอมของลีลาวดี เฉลยความนัยอันสลับซับซ้อนผ่านรหัสภาษาไว้อย่างสงวนท่านัยทีแยบยลคมคายยิ่ง ตอนสิ้นปีช่างประจวบเหมาะจะเลือกหยิบอ่านเป็นเล่มส่งท้าย จบครบบริบูรณ์ด้วยระลึกถึงห้วงแหลกสลายแห่งชีวิตแลมองไปข้างหน้าก็ภาวนาให้ขึ้นต้นศักราชใหม่อันเปี่ยมไป ด้วยหวัง [จดหมายจากนนทบุรี - ๑๗ ธันวาคม ๒๕๖๖]
วิธีที่ง่ายที่สุดที่ทำให้คนในชาติรักกัน
คือหาศัตรูสักคนมาให้คนทั้งชาติร่วมกันเกลียด
Bonafide impression :
★ คะแนนภาพรวม 4.5/5
★ ภาษาเขียน 4/5
★ ความแรร์ 2/5
🔥จวบจนสิ้นแสงแดงดาว
ผู้เขียน กิตติศักดิ์ คงคา
จำนวนหน้า 210 หน้า
ราคาปก 250 บาท
#รีวิว #พื้นที่รีวิว #รีวิวหนังสือ #หนังสือน่าอ่าน #วรรณกรรม #วรรณกรรมไทย #นิยาย #นวนิยาย #นวนิยายไทย #แนะนำหนังสือ #จวบจนสิ้นแสงแดงดาว #กิตติศักดิ์คงคา #13357publishing #bookstagram
โฆษณา