Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
Wealthy Thai
•
ติดตาม
20 ธ.ค. 2023 เวลา 03:05 • หุ้น & เศรษฐกิจ
ห้ามพลาด! 9 หุ้น อาจถูก Short Covering หนุนราคาฟื้นตัวต่อเนื่อง
ในช่วงที่ตลาดหุ้นไทยผันผวนอย่างมาก ท่ามกลางกระแสกดดันต่างๆ ที่เข้ามากระทบความเชื่อมั่นของนักลงทุน แต่ดูเหมือนว่านักวิเคราะห์ยังคงคาดหวังหุ้นที่ปรับตัวลดลง อาจจะเห็นแรงซื้อคืนในลักษณะ Short Covering ช่วยหนุนราคาให้ฟื้นตัวต่อเนื่องก็เป็นได้
นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ยังคาดหวังแรงซื้อคืนในหุ้นขนาดใหญ่ที่ปรับตัวลงผิดปกติจากทิศทางของ SET INDEX ที่เริ่มฟื้นตัว โดยถ้าพิจารณาจากต้นทุนเฉลี่ยในช่วง 5 วันทำการล่าสุด กับราคาปิดวานนี้ (14 ธ.ค.66) ส่วนใหญ่สามารถกลับมายืนเหนือได้หมดแล้ว
แต่ถ้าพิจารณาต้นทุนเฉลี่ยในช่วง 10 วันทำการ พบว่ายังมีบางตัวที่ราคาปัจจุบันต่ำกว่าหรือใกล้เคียง ซึ่งถ้าหากสามารถเร่งตัวขึ้นมายืนเหนือได้ คาดว่าจะเห็นแรงซื้อคืนในลักษณะ Short Covering ช่วยหนุนราคาให้ฟื้นตัวต่อเนื่อง เช่น AOT, PTTEP, ADVANC, KBANK, CPN, BBL, GULF, SAWAD, TRUE เป็นต้น
ขณะที่ในแง่ของปัจจัยพื้นฐาน เริ่มกันที่ AOT นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 76 บาท โดยล่าสุดจำนวนนักท่องเที่ยวรายสัปดาห์ทำ New High ในปีนี้ต่อเนื่อง 3 สัปดาห์ติดต่อกันที่ 9 หมื่นคนต่อวัน และคาดเร่งตัวขึ้นต่อเนื่องในเดือน ธ.ค. 66 - ม.ค.67 จาก Peak Season คาดกำไรปี 66-67 ที่ 2.1 หมื่นล้านบาท โต 128% และ 2.9 หมื่นล้านบาท เติบโต 38% จากปีก่อน ตามลำดับ
ส่วน PTTEP นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) ยังแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 189 บาท โดยมองว่าราคาหุ้นที่ลดลงในช่วงที่ผ่านมา ทำให้หุ้นมีความน่าสนใจมากขึ้น โดยระดับราคานี้ไม่แพงด้วย P/B 1.1 เท่า เทียบกับ ROE 15% และให้เงินปันผลราว 6% กำไรในระยะยาวจะถูกหนุนด้วยปริมาณขายที่เพิ่มขึ้นและสัดส่วนการขายก๊าซที่เพิ่มขึ้นจะช่วยลดผลกระทบจากความผันผวนของราคาน้ำมันดิบลงได้
ขณะที่ ADVANC นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) มีความเห็นว่า ปี 2567 คาดกำไรแตะระดับ 3 หมื่นล้านบาท ด้วยปัจจัยเด่นได้แก่ 1.บริษัทมีความพยายามกระจายรายได้หลายช่องทาง 2.รับรู้รายได้จาก TTTBB เต็มปี 3.มอง ARPU ทั้ง Mobile และ Fixed Broadband จะทยอยฟื้นตัว
และ 4.มีความพยายามใช้ 5G ในระดับ Enterprise และเสนอการให้บริการใหม่ที่จะช่วยให้ความต้องการอินเตอร์เน็ตมีความจำเป็นมากขึ้น จึงคงคำแนะนำ “ซื้อ” ทางฝ่ายมองราคาพื้นฐานปี 67 ที่ 250 บาท
KBANK นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ยังคงประมาณการกำไรปี 66 ของ KBANK ไว้ที่ 4.23 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 18.2% จากปีก่อน และคาดว่าปี 67 การที่สินเชื่อน่าจะกลับมาเติบโต และการลดระดับการตั้งสำรองลงจะทำให้กำไรเพิ่มขึ้นอีก 11.4% เป็น 4.7 หมื่นล้านบาท ยังแนะนำ “ซื้อ” คงราคาพื้นฐานไว้ที่ 166 บาท
CPN นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 82 บาท โดยโมเมนตัมกำไรไตรมาส 4/66 คาดว่ายังคงแข็งแกร่งต่อเนื่อง จากการเปิดห้างใหม่ทั้ง Central Westville และอยุธยา รวมถึงเปิดโครงการอสังหาฯเพิ่มอีก 5 โครงการ คาดกำไรปี 66 จบที่ 1.49 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 36% จากปีก่อน
ส่วนแนวโน้มปี 67 คาดว่ายังเติบโตต่อเนื่องโดยมีแผนเปิดห้าง Central นครสวรรค์ นครพนม กระบี่ และโรงแรมอีก 2 แห่ง บริษัทตั้งเป้ารายได้โต 14-16% CAGR ในช่วงปี 66-70 โดยฝ่ายวิจัยคาดกำไรปี 67 ที่ 1.58 หมื่นล้านบาท เติบโต 6%
BBL นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ พาย จำกัด (มหาชน) คงคำแนะนำ “ซื้อ” มูลค่าพื้นฐาน 203 บาท เลือก BBL เป็นหุ้นเด่นในกลุ่มธนาคารสะท้อน 1.งบดุลแข็งแกร่งพร้อมรับมือกับความไม่แน่นอน 2.อัตราการขยายตัวของกำไรโดดเด่น และ ROE ปรับสูงขึ้นต่อเนื่อง 3.เน้นพอร์ตสินเชื่อบริษัทขนาดใหญ่และต่างประเทศ และ 4.มูลค่าหุ้นที่ไม่แพง
โดย BBL เป็นธนาคารที่ได้รับประโยชน์เป็นลำดับต้นของวัฏจักรดอกเบี้ยขาขึ้น เป็นปัจจัยผลักดันให้กำไรสุทธิเติบโตแกร่งกว่าคู่แข่ง 21% CAGR (66-68) และ ROE ปรับเพิ่มขึ้นมากที่สุด
ขณะที่การควบคุมหนี้เสียทีดี ประกอบกับกับนโยบายตั้งสำรองหนี้ฯ สูงทำให้มี Coverage ratio สูงที่สุดในกลุ่มธนาคาร ราคาหุ้นที่ปรับลงเป็นจังหวะในการลงทุนระยะยาว
GULF นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด มองว่า GULF เป็นตัวเลือกสำหรับการลงทุนปี 2567 ที่เด่นที่สุดในกลุ่มโรงไฟฟ้าขนาดใหญ่เพราะ 1.กำไรมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่องจากทั้งธุรกิจเดิม (โรงไฟฟ้าและ ICT) และธุรกิจใหม่ (Data Center และแพลตฟอร์มซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล)
2.มีฐานะทางการเงินแข็งแกร่งและมี Credit Rating ที่ระดับ A+ ทำให้ได้รับผลกระทบจำกัดจากต้นทุนทางการเงินที่อยู่ในระดับสูง และ 3.มีการลงทุนในธุรกิจ ICT ที่มีความเสี่ยงเชิงนโยบายน้อยกว่ากลุ่มโรงไฟฟ้า จึงปรับคำแนะนำจาก “TRADING” ขึ้นเป็น “ซื้อ” ราคาเป้าหมายขึ้นเป็น 52.75 บาท
SAWAD นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ปี 67 จะรับรู้กำไร บริษัทเงินสดทันใจเต็มปี หลังจากซื้อคืนมาจากธนาคารออมสิน และทำให้สินเชื่อเติบโตสูงมากจากการรวมสินทรัพย์ และหนี้สินของ “เงินสดทันใจ” เข้ามาในงบของ SAWAD ยังคาดปี 67 สินเชื่อจะยังเติบโตได้จากการเปิดสาขาเพิ่ม 300 – 400 สาขา
รวมไปถึงอาจจะได้ส่วนแบ่งตลาดเพิ่มจากผู้ประกอบการรายเล็กจากการจำกัดอัตราดอกเบี้ยเช่าซื้อ อย่างไรก็ตามการเพิ่มขึ้นของ NPL และสัดส่วนสำรองต่อ NPL ที่น้อยกว่ากลุ่มยังเป็นความเสี่ยง คงประมาณการ และราคาพื้นฐาน ยังแนะนำ “ซื้อ” คงราคาพื้นฐาน 51 บาท
และ TRUE นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ยังคงคำแนะนำ “ซื้อ” TRUE ราคาเป้าหมาย 7.50 บาท เนื่องจากคาดว่า ผลประกอบการจะฟื้นตัวในไตรมาส 4/66 และปี 67 รวมทั้ง EV/EBITDA ปี 67 ต่ำที่ 5.9 เท่า (เทียบกับค่าเฉลี่ยของธุรกิจโทรคมนาคมในอาเซียนที่ 6.9 เท่า)
อีกทั้งคาดการณ์ผลขาดทุนสุทธิหลักจะลดลงเหลือ 2.6 พันล้านบาทในปี 67 จาก 7.6 พันล้านบาทในปี 66 โดยได้รับแรงหนุนจากการเติบโตของรายได้ 1% และการประหยัดต้นทุนจากสร้าง synergy ในปี 67 ขณะที่ปัจจัยที่จะหนุนราคาหุ้นคือผลประกอบการรายไตรมาสที่ค่อยๆ ฟื้นตัว
การลงทุน
หุ้น
เศรษฐกิจ
บันทึก
1
1
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2024 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย