เกาหลีใต้ ประเทศที่เก็บเงิน Netflix เพราะคนดูเยอะไป
เกาหลีใต้ ขึ้นชื่อว่า เป็นประเทศที่มีอินเทอร์เน็ตเร็วและเสถียร อันดับต้น ๆ ของโลก
รู้ไหมว่า ในเกาหลีใต้ แพลตฟอร์มออนไลน์ที่มีผู้ใช้บริการมาก จะถูกเรียกเก็บ “ค่าแทรฟฟิกอินเทอร์เน็ต” จากผู้ให้บริการบรอดแบนด์ด้วย
การเก็บค่าธรรมเนียมเพิ่มเติม ก็ได้ส่งผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจ ของแพลตฟอร์มชื่อดังบางรายแล้ว
- Netflix มีคดีฟ้องร้องกับผู้ให้บริการบรอดแบนด์รายใหญ่ในเกาหลีใต้
- Twitch ประกาศเตรียมยุติกิจการในเกาหลีใต้ ช่วงต้นปีหน้า
คำถามคือ ทำไมเกาหลีใต้
ต้องเก็บเงินแพลตฟอร์มเหล่านี้ ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
ย้อนไปในปี 2016 เกาหลีใต้ได้มีการออกกฎหมาย เพื่อเรียกเก็บค่าต้นทุนบริการเครือข่าย และค่าบำรุงรักษาที่เกี่ยวข้องกับอินเทอร์เน็ต จากแพลตฟอร์มต่าง ๆ
หากผู้บริโภคใช้อินเทอร์เน็ต ในการเข้าถึงแพลตฟอร์ม หรือใด ๆ มากเกินกว่าที่กำหนด
บริษัทเจ้าของแพลตฟอร์ม จะต้องจ่ายเงินส่วนเพิ่ม ให้กับผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตบรอดแบนด์ด้วย
โดยเหตุผลหลัก ที่ต้องเก็บก็เพราะบริการสมัยนี้กินข้อมูลสูง มีคนใช้อินเทอร์เน็ตเยอะเกินไป มันจึงไปกระทบต่อผู้ใช้งานรายอื่น ๆ
รวมถึงผู้ให้บริการบรอดแบนด์ ที่ต้องมีต้นทุนการให้บริการข้อมูล และการบำรุงรักษาเพิ่มเติม
แน่นอนว่า แพลตฟอร์มบางรายที่มียอดแทรฟฟิกสูง ย่อมไม่เห็นด้วย
เพราะมองว่าเป็นภาระของบริษัทบรอดแบนด์ ไม่ควรส่งผ่านต้นทุนมาให้กับธุรกิจผู้ผลิตคอนเทนต์ หรือแพลตฟอร์มตัวกลาง
ซึ่งรายแรก ๆ ที่เป็นเรื่องราวใหญ่โตขึ้นมา คือ แพลตฟอร์มวิดีโอสตรีมมิง “Netflix”
โดย Netflix เคยยื่นฟ้องศาลเกาหลีใต้ ในปี 2020 เพื่อขอความชัดเจนว่า บริษัทจำเป็นต้องจ่ายเงินค่าแทรฟฟิกให้กับ SK Broadband บริษัทอินเทอร์เน็ตบรอดแบนด์รายใหญ่ของเกาหลีใต้หรือไม่
ซึ่งศาลตัดสินว่า Netflix ต้องจ่ายเงินชดเชยต้นทุนดังกล่าว โดยทาง SK Broadband ประเมินมูลค่าที่ Netflix ค้างจ่ายเฉพาะในปี 2020 อยู่ที่ประมาณ 770 ล้านบาท
แต่ในระหว่างที่ยังไม่สามารถตกลงกันได้ ก็ดันเกิดเรื่องบาดหมางขึ้นอีก
โดยในปี 2021 นั้น Netflix ได้ปล่อยซีรีส์สุดฮิตอย่าง Squid Game ออกมา จนผู้ชมติดกันงอมแงม ซึ่งทำให้มีการใช้แทรฟฟิกอินเทอร์เน็ตถึง 1.2 เทระไบต์ต่อวินาที เพิ่มขึ้นหลายเท่าตัวจากระดับปกติ
ส่งผลให้ SK Broadband มีต้นทุนการดูแลเครือข่ายเพิ่มขึ้นแบบไม่ทันตั้งตัว คราวนี้เลยตัดสินใจยื่นฟ้อง Netflix ให้จ่ายเงินค่าแทรฟฟิกอินเทอร์เน็ตเสียที
แม้สุดท้ายทั้งสองฝ่าย เพิ่งตกลงยอมความกัน เมื่อไม่นานมานี้ แต่มันก็แสดงให้เห็นถึง ต้นทุนแฝงในการดำเนินธุรกิจ และความซับซ้อนในการประกอบธุรกิจออนไลน์ ในเกาหลีใต้
และอีกบริษัทที่ได้รับผลกระทบหนักกว่า จนขอยอมแพ้ คือ แพลตฟอร์มสตรีมมิงเกม “Twitch”
โดยเมื่อต้นเดือนธันวาคมที่ผ่านมา Twitch ได้ออกมาประกาศว่า จะขอยุติกิจการในประเทศเกาหลีใต้ ตั้งแต่วันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2024 เป็นต้นไป
โดยซีอีโอของ Twitch ให้เหตุผลว่า ต้นทุนการดำเนินงานในเกาหลีใต้นั้น สูงกว่าประเทศอื่นถึง 10 เท่า..
แม้ Twitch เคยพยายามปรับการดำเนินงาน เพื่อลดต้นทุน เช่น ลดคุณภาพความชัดของวิดีโอเหลือ 720P หรือถอดฟีเชอร์ Video on Demand ออกไป
แต่ผลประกอบการของธุรกิจในเกาหลีใต้ ยังขาดทุนมหาศาล และทางบริษัทก็ไม่เหลือแผนรับมืออื่น ๆ ที่จะทำได้อีกแล้ว
ส่งผลให้ เหล่าสตรีมเมอร์เกมชาวเกาหลีใต้ ต้องเตรียมย้ายไปค่ายอื่น ไม่ว่าจะเป็น YouTube หรือแพลตฟอร์มท้องถิ่น เช่น AfreecaTV และ CHZZK ที่บริษัท Naver กำลังจะเปิดตัวขึ้นมาใหม่
แต่ความลำบากคือ พวกเขาจะทำอย่างไรให้ฐานผู้ชมของตัวเอง ติดตามไปดูในช่องทางใหม่เหมือนเดิม
ในกรณีนี้ก็ชี้ให้เห็นว่า แม้แต่ Twitch บริษัทระดับโลก ก็ยังไม่สามารถรับมือกับต้นทุนการทำธุรกิจออนไลน์ที่สูง
ในเกาหลีใต้ได้
สถานการณ์ที่เกิดขึ้น คงเป็นความท้าทายไม่น้อย
สำหรับอุตสาหกรรมอินเทอร์เน็ตในเกาหลีใต้
เพราะหากผู้ให้บริการบรอดแบรนด์ มีปัญหาในการเก็บเงินค่าแทรฟฟิก ก็อาจทำให้ไม่มีเงินลงทุนที่เพียงพอ สำหรับพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน เพื่อรองรับการใช้อินเทอร์เน็ตที่นับวันมีแต่จะมากขึ้น
สุดท้ายแล้ว ก็อาจทำให้ภาระตรงนี้ ตกกับคนเกาหลีใต้เอง ที่ต้องจ่ายค่าอินเทอร์เน็ตแพงขึ้น แบบหลีกเลี่ยงไม่ได้..
- 10
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2024 Blockdit
