21 ธ.ค. 2023 เวลา 17:13 • ธุรกิจ

10 เทรนด์ธุรกิจมาแรงปี 2024

ใกล้สิ้นปีแล้ว หลายสำนักเทรนด์เริ่มเก็บข้อมูล เตรียมคาดการณ์ทิศทางที่ธุรกิจและอุตสาหกรรมจะดำเนินไปในปีหน้าอีกครั้ง
.
ผลจากปีนี้เกิดภาวะเศรษฐกิจตกต่ำทั่วโลก อาจส่งผลให้หลายบริษัทระมัดระวังในการใช้จ่ายและการลงทุนใหม่ๆ ในปี 2024 อย่างไรก็ตาม มีแนวโน้มทางเทคโนโลยีและด้านสังคมส่วนหนึ่งที่ไม่ควรละเลย เพราะแนวโน้มธุรกิจในปัจจุบันขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีเป็นส่วนใหญ่ และเมื่อใดที่ผู้ประกอบการสามารถพัฒนาความเข้าใจในเทคโนโลยี และโดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องปัญญาประดิษฐ์ (AI) ถึงจะคาดหวังได้ว่าจะได้เห็นนวัตกรรมและการลงทุนอย่างต่อเนื่อง
.
1
และ 10 เทรนด์ต่อไปนี้ เป็นเรื่องราวใหม่ๆ ที่ธุรกิจต้องรู้มากขึ้น ก่อนปรับทิศทางให้ตามทันโลกยุคต่อไป
.
1. Generative AI
The Boston Consulting Group ยืนยันว่า ถ้าจะเป็นผู้นำของอุตสาหกรรมภายในห้าปี จำต้องมีกลยุทธ์ Generative AI ที่ชัดเจนและน่าสนใจตั้งแต่ตอนนี้ เพราะ AI และ Machine Learning เป็นกระแสมานานกว่าทศวรรษ และบูรณาการเข้ากับผลิตภัณฑ์และบริการต่างๆ ของบริษัทยักษ์ใหญ่อย่างครบถ้วน และได้กลายเป็นเครื่องมือหนึ่งที่ช่วยสร้างประสบการณ์ให้ลูกค้าอย่างอัตโนมัติแถมยังชาญฉลาด รวมถึงเป็นเครื่องมือช่วยเรื่องการดำเนินงานภายในองค์กรด้วย
.
2. ทักษะด้านอารมณ์และความเป็นมนุษย์
สืบต่อจากแนวโน้มของการใช้เทคโนโลยีระบบอัตโนมัติมากขึ้น ส่งผลให้ต้องเพิ่มทักษะด้านอารมณ์ในบางลักษณะงานที่ยังมีปฏิสัมพันธ์กับคน การใช้ soft skill จึงกลายเป็นเรื่องสำคัญ ด้วยเหตุนี้ในปี 2024 เราจะได้เห็นองค์กรต่างๆ เพิ่มการลงทุนในการพัฒนาและบ่มเพาะทักษะและคุณลักษณะในด้านความฉลาดทางอารมณ์ การสื่อสาร การแก้ปัญหาระหว่างบุคคล กลยุทธ์ระดับสูง และความเป็นผู้นำทางความคิดมากขึ้น
.
3. ทักษะการแก้ปัญหา
แนวโน้มในการจ้างงานต่อไป บริษัทจะเริ่มมองหาผู้สมัครที่มีประสบการณ์และมีทักษะเฉพาะที่จำเป็นสำหรับตำแหน่งงานแทนความสำเร็จทางการศึกษาหรือจำกัดที่อายุ และแนวโน้มนี้จะยิ่งชัดเจนมากขึ้นตามการเปลี่ยนแปลงของอุตสาหกรรม นอกจากนี้เรายังจะเห็นการลงทุนที่เพิ่มขึ้นในการฝึกอบรมและยกระดับทักษะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งทักษะที่เกี่ยวกับเทคโนโลยีใหม่ล้ำหน้า เช่น Generative AI และทักษะที่เป็นที่ต้องการในระบบเศรษฐกิจที่ขับเคลื่อนด้วย AI
.
4. สร้างธุรกิจแบบยั่งยืน
เทรนด์สำคัญข้อหนึ่งที่เป็นแรงขับเคลื่อนอย่างชัดเจนคือเรื่อง “ความต้องการของลูกค้า” จากผลวิจัยหลายแห่งแสดงให้เห็นว่า ผู้บริโภคชื่นชอบบริษัทที่มีความมุ่งมั่นในการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น
ในทางกลับกัน เมื่อเศรษฐกิจสีเขียวเติบโต ธุรกิจได้เรียนรู้ว่าทางเลือกที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมักจะนำไปสู่การเติบโตของผลกำไร ตัวอย่างเช่น WalmartWMT มีผลกำไรเป็นบวกขึ้น 0.3% จากการลดการใช้จ่ายด้านเชื้อเพลิงและค่าบำรุงรักษายานพาหนะ เพราะเปลี่ยนไปใช้รถยนต์ไฟฟ้า แต่สิ่งที่ต้องระวังคือ Greenwashing ที่บริษัทต่างๆ ทำเป็นสนับสนุนความสำคัญของสิ่งแวดล้อม แต่ที่จริงเพื่อพยายามหันเหความสนใจออกไปจากแนวทางธุรกิจที่ไม่ได้เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมเลยต่างหาก
.
5. จัดประสบการณ์เฉพาะบุคคลให้ลูกค้า
ตัวขับเคลื่อน Personalization-at-Scale ก็ยังเป็นเพราะ ‘ความต้องการของผู้บริโภค’ อย่างชัดเจน ยกตัวอย่าง การสำรวจความต้องการของผู้บริโภคแสดงให้เห็นว่าลูกค้าต่างชื่นชอบบริษัทที่มีความมุ่งมั่นในการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และเมื่อเศรษฐกิจสีเขียวเติบโตขึ้น ธุรกิจย่อมรู้ว่าการสร้างทางเลือกที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมักจะนำไปสู่ผลกำไรที่เติบโตขึ้นได้
เช่น แบรนด์ L'Oréal ได้พัฒนาเครื่องสำอางเฉพาะบุคคลเพื่อให้เข้ากับสภาพผิวของลูกค้า แบรนด์ NikeNKE ได้กำไรเพิ่ม 2.3% จากรองเท้ารุ่นที่สามารถออกแบบสไตล์และสีสันเองได้ ปัจจัยนี้มีส่วนช่วยให้บริษัทสร้างความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นยิ่งขึ้นกับลูกค้าอีกด้วย
.
6. ระบบเศรษฐกิจที่ถูกขับเคลื่อนด้วยข้อมูล
ข้อมูลเป็นทรัพย์สินทางธุรกิจที่มีมูลค่าเพิ่มมากขึ้น บริษัทจะปรับปรุงการดำเนินงานโดยใช้แนวทางเชิงกลยุทธ์จากข้อมูลเชิงลึกของตน และจะก้าวไปอีกขั้น สู่การสร้างรายได้จากข้อมูลเพื่อขับเคลื่อนโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ
บริษัทชั้นนำอย่าง John Deere ซึ่งบุกเบิกรูปแบบการขายข้อมูลที่ได้จากการติดตั้งเซ็นเซอร์ในฟาร์ม กลับไปยังเกษตรกร เพื่อเป็นข้อมูลเชิงลึกในการปรับปรุงประสิทธิภาพผลผลิต ด้วยการใช้เทคโนโลยี AI ช่วยในการเข้าถึงและการรวบรวมข้อมูลขนาดใหญ่ ไปจนถึงการวิเคราะห์ข้อมูลที่สะดวกและรวดเร็ว
.
7. ปฏิวัติประสบการณ์ลูกค้า
แม้ว่าเดิมทีบริษัทอาจวางโมเดลธุรกิจโดยคำนึงถึงคุณภาพหรือมูลค่าที่เหนือกว่าคู่แข่ง แต่ในปี 2024 แรงผลักดันธุรกิจจะมาจากความพึงพอใจของลูกค้าเป็นสำคัญ ดังนั้นแนวโน้มที่จะเกิดขึ้นก็คือ องค์กรต้องแน่ใจว่าสามารถสร้างปฏิสัมพันธ์และประสบการณ์ที่จะทำให้ลูกค้ายิ้มได้ ส่งผลให้กราฟคะแนนความรู้สึกของลูกค้าให้สูงขึ้นในทุกจุด ไม่ว่ากับตัวบริษัท สินค้า หรือบริการ
เช่น บริษัทสามารถตอบสนองสิ่งที่ลูกค้าต้องการได้ในเวลาที่เหมาะสม มีการส่งมอบสินค้าตรงเวลา ให้บริการอย่างราบรื่น และช่วยแก้ไขปัญหาให้ลูกค้าได้ หลายบริษัทเริ่มมีการตั้งฝ่ายบริหารประสบการณ์ลูกค้า เพื่อให้แน่ใจว่าสามารถบูรณาการเข้ากับกลยุทธ์ธุรกิจทั้งหมดได้อย่างสมบูรณ์
.
8. การทำงานระยะไกล
ไม่เกี่ยวกับปัญหาจากโรคระบาดอีกต่อไป แต่เป็นการปรับการทำงานที่ยืดหยุ่น ให้ความสำคัญกับเวลาของพนักงาน และการควบคุมศักยภาพของพนักงานที่กระจายอยู่ทั่วโลก ในช่วงปีที่ผ่านมาพนักงานเริ่มกลับเข้าออฟฟิศหลายแห่ง แต่บริษัทก็ต้องมั่นใจด้วยว่าจะสามารถดึงดูดพนักงาน Talent จากทุกที่ในโลกมาร่วมงานได้ ด้วยเหตุผลนี้เราจึงจะได้เห็นว่าหลายบริษัทยังคงประกาศรับสมัครงานแบบที่สามารถทำงานระยะไกล หรือแบบไฮบริด ในระดับที่สูงกว่าก่อนเกิดโควิดตลอดปี 2024
.
9. ความหลากหลายและการไม่แบ่งแยก
ผู้มีความสามารถหรือทาเลนต์ในองค์กร อาจเป็นใครก็ได้ในทุกช่วงอายุ ทุกรูปร่าง ทุกสีผิว แต่การเหยียดเชื้อชาติ การกีดกันทางเพศ หรืออคติเรื่องอายุ ก็อาจแทรกซึมอยู่ในระบบการจัดหาพนักงานหรือการฝึกอบรม ได้อย่างง่ายดาย ส่งผลให้ผู้มีความสามารถถูกละเลย ได้รับการจัดการอย่างไม่ถูกต้อง หรือถูกมองข้าม โดยเฉพาะในยุคที่ธุรกิจพึ่งพาเครื่องจักร และ AI มากขึ้น ดังนั้นการตัดสินใจที่ส่งผลกระทบต่อมนุษย์ เป็นเรื่องที่องค์กรต้องให้ความสำคัญเพิ่ม
.
10. การปรับตัวและยืดหยุ่น
เตรียมองค์กรให้ไม่ถูกภัยคุกคามใดๆ ก็ตาม เช่น การโจมตีทางไซเบอร์ ภาวะเศรษฐกิจถดถอย สถานการณ์ด้านสิ่งแวดล้อม สงคราม โรคระบาดทั่วโลก หรือการก่อกวนจากคู่แข่ง ด้วยการนำทุกสิ่งที่ได้เรียนรู้ไม่ว่าจากการผ่านพ้นวิกฤตมาได้และหรือความสำเร็จในช่วงเวลาที่ปั่นป่วน เพื่อวางแผนและเตรียมพร้อมสำหรับสิ่งคาดไม่ถึงที่อาจเกิดขึ้น เพราะอนาคตก็ไม่เคยแน่นอน และการรู้จักปรับตัว มีความยืดหยุ่น (Resilience) ต่อภัยคุกคามใดๆ ที่อาจเกิดขึ้น จะเป็นเทรนด์ธุรกิจหลักในปี 2024
.
.
#HUMANITAS #TVBG #TREND #BUSINESS #2024
โฆษณา