22 ธ.ค. 2023 เวลา 17:43 • ภาพยนตร์ & ซีรีส์

Crimson Peak 2015

ภาพจำของความเป็น ‘กอธิค’ ในมุมมองผ่านจอภาพยนต์
Crimson Peak ปราสาทสีเลือด
“เมื่อภาพยนต์สยองขวัญสไตล์กอธิคยังคงมีความคลาสสิค และเป็นที่น่าจับต้องของผู้กำกับหนังอยู่ทุกยุคทุกสมัย”
Writer: Sunny.PL🌞
Cover photo: Klin Nhungsue
ภาพยนต์กอธิคที่ทุก ๆ คนเคยดูมามีเรื่องอะไรกันบ้าง? ผู้เขียนขอเดาว่าคงหนีไม่พ้นเรื่อง Interview with the Vampire, The Woman in Black, หรือแม้แต่ภาพยนต์หลาย ๆ เรื่องของผู้กำกับ ทิม เบอร์ตัน (Tim Burton) เป็นแน่ แต่ในบทความนี้ Indevisual แนะนำให้รู้จักกับหนึ่งในภาพยนต์แนวกอธิคสมัยใหม่ที่น่าสนใจไม่แพ้กัน นั่นก็คือเรื่อง ‘Crimson Peak’ (2015) เป็นภาพยนต์แนว Gothic romance ของผู้กำกับมากความสามารถอย่าง กีเยร์โม เดล โตโร (Guillermo del Toro)
เป็นเรื่องดูยังไงแล้วในทุกองค์ประกอบล้วนมีกลิ่นอายตามแบบฉบับของภาพยนต์กอธิค ไม่ว่าจะเป็นเนื้อเรื่อง บรรยากาศ หรือแม้แต่ตัวคฤหาสน์ ทว่าบทบาทของตัวละครหลักก็มีการฉีกกฎออกไปจากขนบธรรมเนียมเดิมด้วย จึงเหมาะที่จะนำมาศึกษาแนความคิดและศิลปะที่สอดแทรกอยู่ในตัวภาพยนต์ที่เรารับชม
โปสเตอร์ภาพยนต์เรื่อง Crimson Peak ที่มาภาพ : https://smartbitchestrashybooks.com/reviews/movie-review-crimson-peak/
เมื่อความรัก + ความสยองขวัญ + ความเป็นกอธิค = ส่วนผสมที่ลงตัว
เดิมทีภาพยนต์ที่ใช้กลิ่นอายแบบกอธิคนั้นมีพื้นฐานมาจากวรรณกรรมแบบกอธิค ซึ่งเริ่มมีการเขียนขึ้นครั้งแรกในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 18 และมีความนิยมเรื่อยมาไปจนถึงช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 20 นับเป็นช่วงเวลาเดียวกันกับที่มีกระแสนิยมฟื้นฟูศิลปะกอธิค หรือ Gothic Revival ที่แพร่หลายอยู่ในยุโรปและสหรัฐอเมริกา ตัวผู้เขียนจึงมองว่ากระแสนิยมนี้ไม่เพียงแต่มีอิทธิพลต่อการสร้างอาคาร สถาปัตยกรรมในช่วงเวลานั้นเพียงอย่างเดียว แต่ยังส่งอิทธิพลต่อการสร้างสรรค์ผลงานด้านวรรณกรรม และวงการภาพยนต์ตามไปด้วย
เปิดขนบ 'กอธิกโรแมนซ์' ดราม่าไม่จัด แต่ขมและห้ามคาย
กอธิคค่อนข้างให้ความสำคัญกับการสร้างบรรยากาศที่ขุ่นมัว ดูลึกลับชวนน่าขนลุก การพรรณนาอารมณ์ความรู้สึกด้วยภาษาที่สละสลวย และแน่นอนว่าสิ่งที่จะขาดไปไม่ได้เลยคือการใช้ปราสาทหรือคฤหาสน์ที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากศิลปะกอธิคซึ่งเป็นที่นิยมในสมัยนั้น อันเป็นสถานที่ในการดำเนินเรื่องราวของตัวละครที่ต้องเผชิญหน้ากับความชั่วร้ายของมนุษย์ หรือสิ่งมีชีวิตเหนือธรรมชาติต่าง ๆ ด้วยลักษณะที่กล่าวมานับเป็นเหตุผลที่ทำให้วรรณกรรมประเภทนี้มีความแตกต่างจากวรรณกรรมสยองขวัญประเภทอื่น ๆ
เช่น วรรณกรรมประเภท Gothic romance ในยุคต้นอย่าง Mysteries of Udolpho เขียนโดย แอน แรดคลิฟฟ์ (Ann Radcliffe) ในปี ค.ศ.1794 เป็นเรื่องราวของเอมิลี่ เซนต์ ออเบิร์ต ที่ได้พบรักกับชายหนุ่มคนหนึ่ง แต่ทว่าเอมิลี่ก็มักจะพบเจอแต่ความโชคร้ายต่าง ๆ ทั้งการที่ต้องสูญเสียแม่และพ่อ จนตนเองต้องมาใช้ชีวิตอยู่ในปราสาท Udolpho ที่มืดมน ต้องพบเจอกับคนที่ไม่ดีและฟันฝ่าอุปสรรคเพื่อความรักของตนเองไปด้วย
ดังนั้นเราจะเห็นได้เลยว่าวรรณกรรมแนวกอธิคมักแต่งเรื่องราวความสยองขวัญและความโรแมนติกให้เป็นของคู่กัน ซึ่งจะกลายเป็นองค์ประกอบที่ถูกส่งต่อไปยังภาพยนต์แนวกอธิคด้วยนั่นเอง
วรรณกรรมเรื่อง Mysteries of Udolpho ของ Ann Radcliffe
ตัวภาพยนต์เรื่อง Crimson peak นั้นมีองค์ประกอบและสุนทรียศาสตร์แบบกอธิค คือความเป็นหนังรักโรแมนติกและสยองขวัญที่ไปในโทนมืด มีบรรยากาศที่ขุ่นมัว ลึกลับ การมีภูติผีวิญญาณเป็นองค์ประกอบหนึ่งของเรื่อง และด้วยเครื่องแต่งกายรวมถึงเรื่องราวที่ย้อนกลับไปในช่วงต้นคริสต์ศตวรรษที่ 20 โดยดำเนินเรื่องราวผ่านตัวละคร อีดิธ คุชชิ่ง (Edith Cushing) หญิงสาวที่อาศัยอยู่กับพ่อเพียงสองคน อีดิธมีอุปนิสัยอยากรู้อยากเห็น ชอบอ่านหนังสือ และมุ่งมั่นในการทำตามความฝันของตนเองคือการเป็นนักเขียน
แต่ทุกสิ่งก็เปลี่ยนไปเมื่อวันหนึ่งอีดิธได้พบกับชายที่มีชื่อว่า โธมัส ชาร์ป (Thomas Sharpe) ขุนนางชาวอังกฤษ และเกิดเป็นเรื่องราวความรัก ความสยองขวัญ ในฉากหลังของอัลเลอร์เดล ฮอลล์ (Allerdale Hall) คฤหาสน์ซอมซ่อที่ตั้งอยู่บนพื้นที่รกร้างในอังกฤษ ถูกขนานนามว่า “Crimson Peak”
อีดิธขณะกำลังพบเจอกับวิญญาณในคฤหาสน์ Allerdale Hall
เห็นได้ชัดเลยว่าภาพยนต์เรื่องนี้ยังคงดำเนินเรื่องราวตามแบบขนมธรรมเนียมของวรรณกรรมหรือภาพยนต์สไตล์กอธิคแบบดั้งเดิม คือเป็นเรื่องราวของหญิงสาวที่สูญเสียครอบครัวทั้งหมด และตกหลุมรักกับชายคนหนึ่งอันเป็นจุดเริ่มต้นที่ตนเองต้องมาอาศัยอยู่ในคฤหาสน์ ต้องพบเจอกับวิญญาณของคนที่ถูกฆาตกรรมและตนเองก็เกือบจะถูกฆ่าไปด้วยเช่นกัน
แต่จุดที่ทำให้ตัวละครหลักอย่างอีดิธ แตกต่างไปจากตัวละครผู้หญิงในวรรณกรรมหรือภาพยนต์กอธิคดั้งเดิมที่ผู้หญิงจะเป็นเหยื่อ และเป็นฝ่ายถูกกระทำต้องได้รับความช่วยเหลือจากผู้อื่นเพียงเท่านั้น เพราะอีดิธสามารถฝ่าฟันอุปสรรคและต่อสู้กับคนชั่วร้ายมาได้ด้วยตนเอง ซึ่งเป็นจุดที่ผู้กำกับอาจเปลี่ยนแปลงให้เข้ากับยุคสมัยใหม่มากขึ้น
มีตัวละครผู้หญิงเข้มแข็ง สามารถผ่านพ้นอุปสรรคได้ด้วยตนเองและไม่จำเป็นต้องเป็นผู้ถูกกระทำอยู่ฝ่ายเดียวเสมอไป
ถอดรหัสสถาปัตย์ของจุดเกิดเหตุ
ในส่วนของคฤหาสน์อัลเลอร์เดล ฮอลล์ สถานที่อันลึกลับและผุพังแต่กลับมีความสวยงามและสูงโอ่อ่า ภายในคฤหาสน์มักจะมีการนำรูปทรงวงโค้งแหลม (Pointed Arch) มาประดับตามส่วนต่าง ๆ ทั้งตัวบานหน้าต่าง ราวบันได และคานเหนือโถงทางเดิน ซึ่งในทางศิลปะกอธิคนั้นวงโค้งแหลมนับเป็นองค์ประกอบสำคัญที่ใช้ในการตกแต่งตัวอาคารสถาปัตยกรรมเป็นอย่างมาก เพราะเป็นหนึ่งในองค์ประกอบที่เป็นจุดนำสายตา มีผลทำให้สถานที่นั้น ๆ ดูมีความสูงโปร่งมากขึ้น สามารถรับแสงได้เพิ่มมากขึ้นนั้นเอง
และถ้าลองสังเกตดูให้ดีในหลาย ๆ ฉากนั้น จะมีหน้าต่างทรงกลมซึ่งเป็นพื้นที่รับแสงประดับอยู่ด้วย สำหรับผู้เขียนแล้วหน้าต่างทรงกลมนี้ก็ให้อารมณ์คล้ายโรสวินโดว์ (rose window) อยู่ไม่น้อย
คฤหาสน์ Allerdale Hall
(จากซ้ายไปขวา) ภาพที่ 1 Pointed Arch, ภาพที่ 2 โครงสร้างการใช้ Pointed Arch ในศิลปะกอธิค และ 3. การประดับตกแต่งด้วยรูปทรงวงโค้งแหลมและกระจกทรงกลมตามส่วนต่าง ๆ ในคฤหาสน์ Allerdale Hall
ถึงแม้ว่าเราอาจจะสรุปอย่างชัดเจนไม่ได้ว่าการออกแบบคฤหาสน์อัลเลอร์เดลนั้น มีแรงบันดาลใจมาจากสถาปัตยกรรมในศิลปะกอธิคมากน้อยแค่ไหน เพราะอันที่จริงแล้วตัวคฤหาสน์อัลเลอร์เดลเป็นสถานที่ที่ไม่ได้มีอยู่จริง แต่เกิดจากการออกแบบและสร้างสรรค์ของผู้กำกับเดล โตโรเอง แต่อย่างน้อยที่สุดองค์ความรู้เกี่ยวกับศิลปะกอธิค กลายมาเป็นวัตถุดิบชั้นดีในการออกแบบสถาปัตยกรรมให้กับเนื้อเรื่องที่ต้องการฉากที่ให้บรรยากาศหรือภาพลักษณ์ความเก่าแก่ มืดมน และมีกลิ่นอายของความลึกลับ
สิ่งหนึ่งที่ทำให้ Indevisual ฉุกคิดขึ้นมาได้คือ "ทำไมสุนทรียศาสตร์และองค์ประกอบของสถาปัตยกรรมกอธิคมักถูกจับคู่กับเรื่องราวสยองขวัญเป็นส่วนใหญ่? "
สิ่งเหล่านี้มีความลึกลับและสามารถสร้างบรรยากาศความสยองได้ด้วยตัวของมันเอง หรือเกิดจากการที่เมื่อมีคนหยิบยกรูปแบบในศิลปะกอธิคมาใช้ในการถ่ายทอดเรื่องราวความสยองขวัญ จนเกิดการผลิตซ้ำสิ่งเหล่านี้เรื่อยมาจนกลายเป็นภาพจำว่า เมื่อพูดถึงความเป็นกอธิคผู้คนคงจะต้องนึกถึงความสยองขวัญ มืดมน และลึกลับไปอย่างปฏิเสธไม่ได้หรือไม่? อย่างไร?
ดังนั้นแล้วจากที่ได้กล่าวมาทั้งหมด ในความคิดเห็นของผู้เขียนมองว่า
ภาพยนต์สไตล์กอธิคไม่ได้มีจุดเด่นอยู่ที่ปราสาทหรือคฤหาสน์แบบกอธิคเพียงอย่างเดียว แต่มันเกิดจากองค์ประกอบหลาย ๆ อย่างรวมกันทั้งวิธีการเล่าเรื่อง การสร้างบรรยากาศ รวมถึงบทบาทของตัวละครล้วนมีความสำคัญด้วยกันทั้งหมด คำว่า ‘กอธิค’ จึงไม่ได้ถูกจำกัดอยู่เพียงแค่การเป็นยุคสมัยทางศิลปะอีกยุคหนึ่ง
Indevisual
แต่คำว่ากอธิคสามารถนำมาใช้ในการบ่งบอกประเภทของวรรณกรรมหรือภาพยนต์ไปแล้ว หรือแม้แต่ในยุคปัจจุบันที่วงการแฟชั่นได้มีความนิยมในการแต่งตัวสไตล์กอธิคเกิดขึ้นมาอีกด้วย จากความโด่งดังของซีรี่ย์ Wednesday ทาง Netfilx ที่ปลุกกระแสนิยมนี้ขึ้นมา จึงเป็นสิ่งที่ตอกย้ำว่าสุนทรียศาสตร์หรือภาพจำของกอธิคถือเป็นวัตถุดิบชั้นดีสำหรับวงการภาพยนต์
แล้วเพื่อนๆ ล่ะ คิดเห็นว่ายังไงเกี่ยวกับเรื่องนี้?
ข้อมูลอ้างอิง
Guillermo Del Toro, Tom Hiddleston, Jessica Chastain, Mia Wasikowska. “CRIMSON PEAK Interviews (2014-15) Guillermo Del Toro, Tom Hiddleston & more!.” Interview by JoBlo Celebrity Interviews. September 8, 2020. Audio, 14:14.
J. Blackwood, Daniel. “Gothic Horror Explained | Horror Explored.” May 7, 2021. Video, 12:18. https://www.youtube.com/watch?v=CuheR1-486U
Pagan, Amanda. “A Brief History of Gothic Horror.” New York Public Library. Last modified October 18, 2018. https://www.nypl.org/blog/2018/10/18/brief-history-gothic-horror
Swansen, Sarah. “History of the Gothic.” Star of the Sea: A Postcolonial/Postmodern Voyage into the Irish Famine. Last modified November 4, 2016. https://scalar.usc.edu/works/star-of-the-sea-a-postcolonialpostmodern-voyage-into-the-irish-famine/history-of-the-gothic
โฆษณา