22 ธ.ค. 2023 เวลา 23:58 • ความคิดเห็น

"เงินนั้นสำคัญจริงหรือ"

...กี่ครั้งแล้วที่เรา
♦️สูญเสียเพื่อนเพราะเงิน
♦️สูญเสียครอบครัวเพราะเงิน
♦️สูญเสียคนรักเพราะเงิน
♦️สูญเสียญาติเพราะเงิน
...และที่สำคัญเราสูญเสียตัวตนเพราะเงิน และอีกหลายสิ่งหลายอย่างที่ไม่ได้บอกกล่าวไว้ เลยต้องกลับมานั่งทบทวนกันหน่อยสิว่า "เงินนั้นสำคัญจริงหรือ" ยิ่งช่วงที่จะส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่แบบนี้เป็นช่วงเวลาที่ดีเลยทีเดียละที่เราจะมานั่งทบทวน เพราะทุกครั้งโดยส่วนใหญ่เวลาที่คนเราจะเริ่มทำอะไรใหม่ เรามักจะรอวันดีๆก่อนเสมอๆ บางทีก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าเพราะอะไร
เพจเล็กสร้างจากสิ่งที่เห็นเกี๋ยวกับเงิน
...จุดเริ่มต้นหรือที่มาเรื่องของการสนใจการเงิน การสร้างเพจเล็กๆ น่าจะมาจากการที่ตัวเองได้ตระหนักรู้อะไรบางอย่าง จากการใช้ชีวิตมาตั้งแต่เด็กๆจนถึงวัยกลางคน มีเรื่องราวมากมายที่ได้เห็นเกี่ยวกับเรื่องของเงิน ทั้งที่เป็นเรื่องราวดีๆ เรื่องราวที่ไม่ค่อยดีสักเท่าใหร่ หรือเรื่องราวที่ไม่น่าจดจำเลยก็มี
💰 คงต้องเล่าย้อนไปในอดีตอีกครั้งนะ (ชอบจังเวลาได้นั่งนึกถึงอดีตที่ผ่านมา) มันก็คงไม่ต่างจากที่เล่ามาแล้วสักเท่าใหร่ กับเด็กต่างจังหวัดที่บ้านค่อนข้างจะยากจน การได้เงินมาแต่ละบาทแต่ละสตางค์ช่างยากเหลือเกิน เห็นแม่ที่ต้องทำงานอย่างหนักเพื่อส่งลูกเรียนหนังสือ ทั้งที่ก็ไม่รู้ว่าเรียนแล้วจะได้ทำงานไหม เรียนแล้วจะมีเงิน แค่อยากให้ลูกมีชีวิตที่ดีขึ้นแค่นั้นเอง
👧 ช่วงวัยเด็กก็ไม่ค่อยเข้าใจอะไรมากหรอกขอแค่ได้กินอิ่ม นอนหลับ ก็เพียงพอแล้ว บางครั้งก็ไม่เห็นคุณค่าของเงินด้วยซ้ำว่ามันช่างหายากและลำบากขนาดใหน (โตมาถึงตระหนักได้) ในช่วงที่เรียนมหาลัยเริ่มตระหนักได้ว่าแม่คงเหนื่อยมากเลยที่ต้องส่งเราเรียน เลยกัดฟันสู้เพื่อเรียนให้จบให้เร็วที่สุด ตอนนั้นเรียนที่ มหาวิทยาลัยรามคำแหง คณะรัฐศาสตร์ เอกการปกครอง (เป้าหมาย คือ อยากเป็นปลัดอำเภอเพราะมีความอดีตฝังใจกับการไปอำเภอบางอย่าง ว่างๆจะมาเล่าให้ฟังคะ) ใช้เวลาเรียน 3 ปีพอดีแปะจบสมใจ...
บริษัทแรกที่รับเข้าทำงานโดยไม่ถามหาประสบการณ์ 7-11
...เรียนจบแล้วใช่ว่าปัญหาจะจบ มันก็มาจากเรื่องเงินอีกนั้นแหละทำยังงัยก็ได้ให้มีงานทำให้เร็วที่สุดเพื่อจะได้ไม่ต้องขอเงินแม่อีก (ต้องบอกก่อนว่าระหว่างเรียนก็มีไปทำงาน P/T บ้างหรือไปช่วยป้าขายส้มตำบ้างเพื่อไห้ได้มาซึ่งเงิน 🙂
...มีโอกาสได้ฟังเรื่องที่รุ่นพี่ในบริษัทมาแชร์เส้นทางการเดินของชีวิตพี่เขาจนถึงปัจจุบันที่พี่เขาอยู่ในระดับของผู้บริหารระดับสูงของบริษัท มันยิ่งทำให้เห็นชัดว่าชีวิตและเงินมันแยกจากกันไม่ได้เลย และมันก็ไม่ง่ายเลยกว่าจะเดินมาถึงจุดๆนี้ได้ ซึ่งไม่ใช่จุดที่เราประสบความสำเร็จใหญ่โต หรือจุดที่เรามีเงินทองมากมายเหลือกินเหลือใช้นะ แต่มัน คือ จุดที่เราสะกดคำว่า "พอ" เป็นนั้นเอง🧘‍♀️
...ต่อๆ เดียวไม่เข้าใจว่าภาพพนง.7-11 เกี่ยวอะไรกับเรื่องของเงิน แน่นอนที่สุดคะสำหรับเด็กจบใหม่ทุกคน คือ การได้ทำงานที่มั่นคงและที่สำคัญมันก็น่าจะเป็นงานที่เราอยากจะทำจริงๆ
แต่ชีวิตไม่ได้เป็ไปดังที่เราคาดหวังเสมอไปหรอก การหางานในยุคสมัยที่ ให้ค่ากับชื่อเสียงมหาลัยที่จบมา ประสบการณ์การทำงานที่ผ่นมา ก็เนาะคนเรียนอยู่จะมีประสบการณ์จากใหนกัน(ยุคนั้นยังไม่มีการศึกษาที่เราเรียกว่าทวิภาคี) จำได้ว่าใช้รูปถ่ายไป 2 โหลเพื่อสมัครงานแต่น่าเศร้ามาก เพราะไม่มีบริษัทใหนรับเพราะเหตุผล 2 ข้อข้างต้น
...แต่ก็ไม่ไดย่อท้อนะก็สมัครไปเรื่อยๆจนเจอ 7-11 ก็ลองดูสิในใจตอนนั้นไม่คิดอะไรมากแค่อยากได้งานทำและมีเงินก็พอ และในที่สุดก็ได้งานที่เป็นบริษัทงานแรกในชีวิตจนได้ (พอแค่นี้ก่อนนะคะ ถ้าเล่ามันจะยาวกว่านี้เดียวเรื่องเงินจะไม่จบ😅)
เจ้าหน้าที่พัฒนาธุกิจ
...มีงานทำแล้ว เริ่มได้เงินแล้วก็ยังไม่จบ ปัญหาคือตั้งแต่เด็กไม่ค่อยมีเงิน และแม่เริ่มมีฐานะการเงินที่ขึ้นเพราะแม่เก็บเงินเก่งมาก ก็เลยไม่ได้ต้องส่งให้แม่ประกอบกับอาจจะเก็บกดเพราะไม่เคยได้ใช้เงินแบบไม่ต้องคิดอะไรมาก พอเเริ่มมีเงินเดือนเป็นของตัวเองก็เริ่มจากซื้อทุกอย่างที่ต้องการ (จำเป็นหรือเปล่าไม่สนแค่ต้องการ🤭) คงไม่ลงรายละเอียดเยอะนะ เพราะเรื่องมันยาวมากกกกกกก
...ด้วยความอยากได้โน่น อยากได้นี่จนเงินเดือนเริ่มไม่พอใช้ ก็จะมีบัตรเครดิตเพิ่มเข้ามามันช่างเหมาะเจาะอะไรเช่นนี้บวกกับการอยากเรียน ป.โท และมันก็ต้องใช้เงิน พอหลายๆอย่างเข้ามาแล้วมันเริ่มไม่ได้ดังหวังก็กลายเป็นความเครียด ก็คิดถึงแม่อีกแหละกลับบ้านดีกว่า😅
จากกทม.กลับมาอยู่ที่บ้านต่างจังหวัด แม่ไม่ได้กดดันนะอยู่บ้านช่วยแม่ก็ได้ แต่ก็เนาะคนเคยทำงานวุ่นทั้งวันแล้วไม่ได้ทำอะไรที่มัรวุ่นก็อึดอัด กลับไปสมัครงานอีกครั้งและไม่พ้น 7-11 เพราะที่ให้โอกาสเสมอๆ ❤️
...พอไดเริ่มทำงานที่ต่างจังหวัดได้เห็นความแตกต่างของการใช้ชีวิตที่กทม.ได้อยู่กับแม่มากขึ้น เริ่มอยากกลับไปทำตามฝัน คือ จริงๆแล้วอาชีพในฝัน คือ ผู้พิพากษา ก็สมัครเรียนรามภาคพิเศษอีกครั้ง รอบนี้เรียนคณะนิติศาสตร์ (ก็เรียนจบอยู่นะ) และระหว่างที่เรียนก็ยังทำงานเหมือนเดิมแต่โอนย้ายจากร้านมาทำในตำแหน่งเจ้าหน้าที่พัฒนาธุริจ (Location) หัวหน้าใจดีมากจำได้ว่าต้องนั่งรถจากจ.ภูเก็ตมาเรียนที่จ.นครศรีธรรมราช ขาละประมาณ 5 ชม.เพื่อมาเรียนในวันเสาร์และวันอาทิตย์ (2 ปี หนักสุดจริงๆ)
ออมเงิน
...และแน่นอนที่สุดทุกเรื่องราวที่เล่ามาก็ต้องใช้เงินอีกนั้นแหละ
🥹 จุดพีคของเรื่องนี้ คือ มีความจำเป็นอย่างมาที่ต้องการใช้เงินในระดับที่เรียกว่าก้อนใหญ่เลยละ แต่ไม่ขอลงรายละเอียดนะเพราะปรกติเป็นคนที่ไม่ยืมเงินใครแน่นอนถ้าไม่เดือดร้อนจริงๆ และมั่นใจล้านเปอร์เซ็นว่ายืมแล้วจะคืนแนนอน และเหตุการณ์ไม่สามารถยืมเงินได้ มันคือบทเรียนราคาแพงและทำให้ตระหนักจนถึงทุกวันนี้ว่า ไม่ว่าเราจะเดือดร้อนหนักแค่ใหน หรือสนิทกันมากแค่ใหนก็ไม่ควรขอความช่วยเหลือจากคนอื่นเรื่องของเงิน...
...ประกอบกับช่วงเวลานั้นได้ย้ายสายงานมาเป็นฝึกอบรมเลยต้องเรียนรู้เยอะขึ้น เริ่มอ่านหนังสือ เริ่มฟังคลิปเกี่ยวกับการเงิน และเริ่มสนใจวางแผนทางการเงิน มันอาจจะช้าไปหน่อยแต่มันก็ยังไม่สายเพราะเราเรียนรู้ได้ตลอดชีวิตอยู่แล้ว เลยตั้งใจไว้ว่าต่อจากนี้ไม่ว่าจะเดือดร้อนแค่ใหนก็จะไม่หยิบยืมเงินใครอีก และจะหาความรู้เพื่อบอกต่อน้องๆรุ่นหลังๆให้รู้ว่ายิ่งเราตระหนักได้เร็วมากเท่าใหร่เราก็สามารถลงมือทำได้ทันทีโดยไม่ต่อรอวันใหม่ เดือนใหม่ หรือปีใหม่เลย
วินัยสำคัญกับทุกๆเรื่อง
...สุดท้าย ท้ายสุด (จริงๆมีอีกนะแต่พอก่อน😁) ไม่ว่าวันนี้ เราจะมีเงินมากหรือเงินน้อย ถ้าเราตระหนักและมีวินัย เราจะสามารถบริหารจัดการเรื่องเงินได้ไม่ยากเลย เพราะโลกใบนี้ความรู้มีอยู่รอบตัว เมื่อก่อนก็คิดนะว่าทำไมไม่มีใครสอนเรื่องการเงินจะได้ตระหนักเร็วกว่านี้ หรือ "รู้งี้"
...ไม่อยากให้น้องๆรุ่นใหม่ๆใช้คำนี้เหมือนที่ตัวเองใช้มา วันนี้ไม่ได้บอกว่าตัวเองร่ำรวยหรือไม่มีหนี้นะ ก็ไม่ได้ร่ำรวย และก็ยังมีหนี้อยู่ แต่แค่ภายใต้หนี้เราสามารถบริหารจัดการได้ ไม่เหมือนเมื่อก่อนที่สาหัสสากันมากเลยที่เดียว
...และที่สำคัญเงินมากหรือน้อยไม่ใช่ประเด็น แค่เราสะกดคำว่า "พอ" ได้ นั่นแหละคือที่สุดแล้ว
#เพจมีกินมีใช้มีใจเป็นสุข
#ความสุขเล็กๆในทุกๆวัน
#โค้ชพี่ถั่ว
โฆษณา