24 ธ.ค. 2023 เวลา 16:21 • หนังสือ

ภ​ า​ พ​ ผ่ า​ น​ ก​ ร​ ะ​ จ​ ก​ ห​ ม่​ น​ มั ว

"การมองออกไปยังฟากฟ้าอันกว้างใหญ่แม้เพียงครั้งเดียว​ ก็ย่อมดีกว่าที่จะไม่เคยมีประสบการณ์อะไรเลย..."
เทศกาลคริสต์มาสเป็นช่วงเวลาแห่งการเฉลิมฉลอง​ และยังเป็นเทศกาลที่ผู้คนทั่วโลกที่นับถือศาสนาคริสต์ต่างมอบของขวัญให้แก่กัน​ สิ่งที่เรายังสัมผัสได้แม้จะไม่ใช่ชาวคริสต์คือการขอบคุณและการมีความปรารถนาดีต่อกัน​
.
ในคืนวันสุกดิบของคริสต์มาสแอดจึงขอเสนอเรื่อง​น่าอ่านชื่อ "ภาพผ่านกระจกหม่นมัว (Through a Glass Darkly)" เเต่งโดยโยสไตน์ กอร์เดอร์​ (Jostein Gaarder) นักเขียนชาวนอร์เวย์ ซึ่งมีผลงานทั้งนวนิยาย เรื่องสั้น และหนังสือสำหรับเด็ก​ เรื่องนี้แปลและเรียบเรียงภาษาอังกฤษโดยเอลิซาเบธ​ รอคคาน​ และผู้แปล/เรียบเรียงภาษาไทยคือ วนุศ
.
เรื่องนี้ถ่ายทอดความสัมพันธ์ระหว่างเอเรี่ยล​ (Ariel) เทวดาองค์น้อยที่มาเป็นเพื่อน​ ซิซีเลีย​เด็กหญิงผู้ป่วยเป็นโรคที่รักษาไม่ได้​ ในช่วงสุดท้ายก่อนเธอจากไปหลังคริสต์มาสไม่นาน
.
เอเรี่ยลพาซีซิเลียไปเล่นสกี​ ซึ่งเธอปรารถนาเหลือเกิน​ และยังพาเธอไปเยี่ยมเพื่อนรักที่บ้านขอเธอแม้ซิซีเลียจะป่วยจนแทบเดินไม่ไหวแล้ว​ เอเรี่ยลพาเด็กหญิงผมทองท่องไปในโลกแห่งจินตนาการ และ ท้าทายให้เธอคิด ในเรื่องที่เธอไม่เคยคิดมาก่อน​ ชวนเธอคุยเรื่องต่างๆ​ นานาเกี่ยวกับเทวดาบนดวงจันทร์ อาดัมและอีฟ และเด็กเกิดใหม่นับร้อยที่หลุดลอยจากแขนเสื้อของพระเจ้า
.
สิ่งเหล่านี้ช่วยทำให้ซีซิเลียตระหนักถึงความมหัศจรรย์และคุณค่าของการมีชีวิตอยู่แทนที่จะเฝ้าแต่กังวลเรื่องเจ็บป่วยของตัวเอง​ และมองโลกอย่างหดหู่สิ้นหวัง รอวันตายของตนเอง​
.
ซิซีเลียมีความสุขในโลกจินตนาการร่วมกับเอเรี่ยล​ ผู้ช่วยให้เธอเรียนรู้ว่า การเกิดและการมีชีวิตเป็นพรจากสวรรค์ และสวรรค์ก็เป็นสิ่งเดียวกับพระเจ้านั่นเอง​ ขณะอ่านเราจะรู้สึกเศร้าบ้างแต่ก็มีความสุขร่วมไปกับซิซีเลียที่ลืมเรืีองความเจ็บป่วยของตนเอง​
.
หนังสือเรื่อง​ "ภาพผ่านกระจกหม่นมัว" เป็นผลงานแปลของสำนักพิมพ์มูลนิธิโกมลคีมทอง​ พิมพ์ครั้งแรก เมษายน ๒๕๔๓ ปกนี้เป็นฉบับที่พิมพ์ครั้งที่​ ๒​ เดือนกันยายน​ปีเดียวกัน
.
เอรี่ยลชวนให้ซิซีเลียคิดอย่างลึกซึ้งว่าการมองชีวิตอย่างชัดแจ้งนั้นทำได้โดยมองจากภาพสะท้อนตนเอง​ ดังในบทสนทนานี้​
" ... ยังไงฉันก็ไม่เข้าร่วมการแข่งขันกับพวกนักวิชาการ.... พวกเขาเชื่อว่าความลับทั้งหมดของธรรมชาติสามารถล่วฃรู้ได้ด้วยกล้องจุลทรรศน์และกล้องดูดาว​ แล้วก็เชื่อเฉพาะสิ่งที่ตวงวัดได้​ เเต่พวกเขาเข้าใจเพียงเเค่ส่วนเดียว​ พวกเขาไม่เข้าใจว่าพวกเขามองสิ่งต่างๆ ผ่านกระจกที่หม่นมัว​ เป็นไปไม่ได้ที่จะกะประมาณเทวดาสักองค์​ ทั้งการเฝ้าดูผ่านเลนส์กล้องจุลทรรศน์ ก็ไม่อาจช่วยอะไรได้
สิ่งที่ได้ก็คือ เธอเพียงเเต่เห็นภาพสะท้อนของตัวเองชัดขึ้นเท่านั้น..." (น. ๑๓๔)
.
ผลงานที่มีชื่อเสียงที่สุดของกอร์เดอร์คือโลกของโซฟี ซึ่งเป็นนวนิยายเกี่ยวกับประวัติความคิดทางปรัชญา​ ซึ่งมีการแปลเป็นภาษาต่าง ๆ ถึง ๕๐​ กว่าภาษา และมียอดพิมพ์มากกว่า ๓๐ ล้านเล่ม​
.
วรรณกรรมเรื่องนี้อาจจะจบเศร้าเมื่อซิซีเลียจากไป​ แต่เธอจากไปอย่างมีความสุข​ และก็ทิ้งท้ายให้เราคิดและมองชีวิตอย่างลึกซึ้งมากขึ้นว่า​ เราทุกคนควรมองชีวิตอย่างสดใสมีชีวิตชีวา​ ​ เช่นที่เอเรี่ยลบอกซิซีเลียว่า​ "การมองออกไปยังฟากฟ้าอันกว้างใหญ่แม้เพียงครั้งเดียว​ ก็ย่อมดีกว่าที่จะไม่เคยมีประสบการณ์อะไรเลย..." (น. ๑๓๖)
สุขสันต์วันคริสต์มาสค่ะ
#อ่านอีกครั้งก็ยังชอบ​ #ภาพผ่านกระจกหม่นมัว​ #ThroughaGlassDarkly #โยสไตน์กอร์เดอร์​ #JosteinGaarder #สำนักพิมพ์มูลนิธิโกมลคีมทอง #วรรณกรรมแนวปรัชญา
โฆษณา