27 ธ.ค. 2023 เวลา 05:30

ต้องบอกรักอย่างไร? ใช้ 5 ภาษารักเติมความหวานให้ความสัมพันธ์ไม่จืดจาง

ปี 2023 กำลังจะจบลงแล้ว หลายคนคงรอคอยนับเวลาถอยหลังสู่เทศกาลแห่งความสุขในช่วงท้ายปีนี้ บ้างก็หาเวลาพักผ่อนหลังจากทำงานหนักมาทั้งปี บ้างก็เตรียมตัวเดินทางกลับไปใช้เวลากับครอบครัว บ้างก็หาเวลาไปสนุกสุดเหวี่ยงกับเพื่อนๆ และบางคนก็กำลังมองหาโอกาสดีๆ ที่จะได้ใช้เวลากับคนรัก
ผู้คนมักจะแสดงความรักต่อกันมากเป็นพิเศษในช่วงเทศกาลใหญ่แบบนี้ มีการให้ของขวัญหรือการ์ดอวยพร อาจมีการนัดกินข้าวด้วยกันกับครอบครัวและกลุ่มเพื่อน หรือพาคนรักไปเดินเล่นดูบรรยากาศของการตกแต่งสถานที่ต่างๆ ด้วยของประดับน่ารักๆ และแสงไฟ เติมความหวานและโรแมนติกให้กับความสัมพันธ์ โดยทั้งหมดนี้ทำให้ช่วงเทศกาลกลายเป็นความพิเศษอย่างหนึ่งที่ผู้คนรอคอยมากที่สุดเมื่อใกล้จะครบปี
ดังนั้นจึงไม่แปลกที่พอถึงช่วงเทศกาลทีไร คนเรามักจะคาดหวังว่าจะได้รับความรักจากคนรอบข้าง ใครหลายคนต่างก็ตื่นเต้นที่จะได้เตรียมหาของขวัญให้แก่คนรอบข้างและรอคอยที่จะได้แกะกล่องของขวัญที่ตัวเองได้รับมาด้วย ส่วนคนมีคู่ก็มักจะเฝ้ารอเวลาแห่งความโรแมนติกเพื่อจะได้อยู่กับคนรัก แต่สำหรับคนที่แสดงความรักไม่เก่งแล้วล่ะก็ ช่วงเทศกาลต่างๆ ถือว่าเป็นโจทย์ยากสำหรับชีวิตเลยทีเดียว
เพราะมันจะมาพร้อมกับคำถามที่ว่า “แล้วทำอย่างไรให้คนรักของเรารู้สึกถึงความรักและความพิเศษที่เราส่งไปได้?” ถามเพื่อนตัวเองก็แล้ว ถามเพื่อนแฟนก็แล้ว จะเดินไปถามเจ้าตัวก็กลัวว่าคนรักจะไม่รู้สึกตื่นเต้น ถ้าเราเป็นคนที่พูดไม่ค่อยเก่งแต่รักหมดใจจะทำอย่างไรให้ช่วงปีใหม่นี้มีแต่ความรัก ความหวานและความโรแมนติกตลอดทั้งเทศกาล?
5 ภาษารักที่ไม่มีคำว่า ‘รัก’
เราไม่รู้ตัวว่ามนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตหนึ่งที่แสดงความรักบ่อยมาก และสามารถสร้างสรรค์วิธีแสดงความรักได้หลากหลายมากกว่าสัตว์ชนิดอื่นๆ ทั้งคำพูด การกระทำเล็กๆ น้อยๆ รวมถึงการกระทำยิ่งใหม่ที่กระทบความรู้สึกของผู้ถูกรักเข้าอย่างจัง นอกจากกับคนด้วยกันแล้ว เรายังรู้จักแสดงความรักกับสิ่งอื่นๆ ด้วย ทั้งสัตว์ ต้นไม้ หรือสิ่งของบางอย่างที่มีคุณค่ากับเรา
เราแสดงความรักผ่านการพูด การสัมผัส การดูแล การให้เวลา หรือการแสดงความรู้สึกชื่นชมในการมีอยู่ของอีกฝ่าย ไม่ว่าจะเป็นความสัมพันธ์แบบครอบครัวหรือความสัมพันธ์เชิงโรแมนติก แต่ถ้าจะให้จัดระบบการแสดงความรักอย่างเป็นจริงเป็นจัง ก็คงต้องยึดตามทฤษฎี 5 ภาษารักของแกรี แชปแมน (Gary Chapman) นักเขียนชาวอเมริกัน ผู้เป็นเจ้าของผลงานหนังสือ “The Five Love Languages: How to Express Heartfelt Commitment to Your Mate”
แชปแมนกล่าวในหนังสือว่ามนุษย์มีภาษาที่ใช้ในการแสดงความรักอยู่ 5 ภาษาด้วยกัน โดยภาษารักเหล่านั้นจะทำให้ทั้งผู้บอกรัก และผู้รับความรักสัมผัสได้ถึงประสบการณ์ความรักที่แตกต่างกันตามรูปแบบของความสัมพันธ์ หรือคุณค่าของใครของมัน ในแง่ของความรักความสัมพันธ์เชิงโรแมนติกนั้น การใช้ภาษารักสื่อสารกันและกัน จะช่วยให้ความสัมพันธ์ระหว่างคู่รักกระชับ หวานชื่นและสร้างความใกล้ชิดกันมากยิ่งขึ้น ซึ่งภาษารักทั้ง 5 นั้นประกอบไปด้วย
[ ] เพิ่ม Physical Touch เพิ่มความใกล้ชิดผ่าน ‘สกินชิป’
การถ่ายทอดความรักผ่านการสัมผัส เช่น การจับมือ การกอด การจูบ หรือภาษากายเล็กๆ น้อยๆ ที่ทำให้เราสัมผัสตัวกันมากขึ้นอย่างการโอบไหล่นั้นช่วยให้คู่รักมีความสัมพันธ์ที่แนบแน่นต่อกันมากขึ้น เพราะในเวลาที่เราได้แตะเนื้อต้องตัวกับคนรัก ร่างกายของเราก็จะปล่อยฮอร์โมนแห่งความรักหรือออกซิโทซิน (Oxytocin) ออกมา และทำให้สมองของเราคลายเครียด คลายความเหงา และสร้างความผูกพันกับคนรักได้มากขึ้น
[ ] ใช้เวลาที่มีความหมายร่วมกัน สร้างความหวานด้วย Quality Time
การให้เวลากับคนรักก็ถือเป็นอีกวิธีหนึ่งในการแสดงความรักที่ชัดเจนไม่แพ้กัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากเวลานั้นเป็นช่วงที่เต็มไปด้วยความหมายและความสุข ยิ่งจะทำให้ความสัมพันธ์ของคู่รักขยับพัฒนาไปในทางที่ดีมากขึ้น เช่น การไปเลือกซื้อของเข้าบ้านด้วยกัน การนั่งดูหนังด้วยกัน การอ่านหนังสือด้วยกันหรือการเดินเล่นไปคุยกันไป
[ ] ช่วยเหลืออย่างเต็มใจและหวังดีด้วย Act of Service
สำหรับคนที่พูดไม่เก่ง แสดงความรู้สึกไม่เก่งหรือไม่ถนัด Skinship หากแสดงความรักผ่านการกระทำเพียงเล็กๆ น้อยๆ ก็ทำให้คนรักใจฟูและรู้สึกถึงความรักของเราได้ เช่น ชงกาแฟให้แฟนตอนที่กำลังประชุมอยู่ หรือหากิจกรรมที่เราจะได้ช่วยกันทำอย่างเช่น การล้างรถด้วยกัน ทำความสะอาดบ้านด้วยกัน หรือช่วยกันตกแต่งบ้าน
[ ] ใช้ Words of affirmation กล่าวถ้อยคำที่ทำให้คนฟังรู้สึกเป็นที่รัก
แม้จะไม่กล้าพูดคำว่า “รัก” ออกไป แต่ก็มีคำพูดอีกไม่น้อยที่สามารถสื่อสารความรักของเราให้ถึงคนรักได้ เช่น คำชื่นชม การให้กำลังใจ หรือคำพูดเชิงบวกที่ทำให้อีกฝ่ายรู้สึกมีคุณค่าขึ้นมานั้นเอง
[ ] Gift Giving มอบของแทนใจ เห็นเมื่อไรก็คิดถึง
ไม่จำเป็นต้องรอให้ถึงโอกาสพิเศษหรือวันสำคัญ เราก็สามารถมอบของขวัญเพื่อแสดงความรักต่อกันได้ เช่น ดอกไม้สวยๆ สักช่อ หรือพวกกุญแจน่ารักๆ สักชิ้น เพื่อให้คนรักของเรานึกถึงเราทุกครั้งที่ได้เห็นของสิ่งนั้นอยู่ใกล้ตัว
เข้าใจภาษารักของฉัน และภาษารักของเธอ
การทำความเข้าใจภาษารักเป็นเรื่องสำคัญต่อความสัมพันธ์ เพราะการบอกรักอาจไม่ใช่จุดแข็งของเรา เราจึงจำเป็นต้องทำให้ความรักที่เอ่อล้นอยู่ในอกนั้นส่งถึงแฟนให้ได้ การรู้ภาษารักของตัวเองจึงเสมือนกับเป็นการตามหาจุดแข็งของเราที่จะแสดงความรักออกไปนั่นเอง
ถ้าเราเป็นคนหนึ่งที่พร้อมจะเปิดฝาขวดน้ำให้คนรัก อยากผูกเชือกรองเท้าให้เขาเดินได้อย่างสะดวก หรืออยากเป่าผมให้หลังจากที่แฟนของคุณเพิ่งจะอาบน้ำเสร็จ ไม่ว่าเขาจะต้องการความช่วยเหลือหรือไม่ก็ตาม นั่นหมายความว่าภาษารักของเราก็คือ Act of Service
ถ้าเราเป็นคนที่อวยแฟนอวดแฟนตลอดเวลา ไม่ว่าจะทำอะไร ใส่ชุดอะไร ทำผมแบบไหน “เธอก็น่ารักที่สุดในโลกเสมอ” แปลว่าคุณมีภาษารักเป็น Words of Affirmation หรือถ้าหากว่าเรารู้สึกว่าอยู่กับแฟนบ่อยๆ แม้จะแค่อยู่ในห้องสี่เหลี่ยมด้วยกันหลายชั่วโมงก็ไม่ได้รู้สึกอึดอัด กลับกันเรายิ่งชอบที่ได้อยู่ด้วยกันแบบนี้ นั่นหมายถึงคุณเป็นคนที่ให้คุณค่ากับ Quality Time ในความสัมพันธ์มากพอตัว
การสำรวจตัวเองว่าถนัดเรื่องการแสดงความรักอย่างไรนั้นไม่ยาก แต่การทำความเข้าใจภาษารักของแฟนกลับไม่ง่ายอย่างที่คิด เพราะปัญหาความสัมพันธ์หลายๆ ครั้งก็เกิดขึ้นเพราะมีวิธีแสดงความรักและความต้องการได้รับความรักที่แตกต่างกันนี่เอง แล้วเราจะรู้ได้อย่างไรว่าคนรักต้องการรับความรักแบบไหน
วิธีการที่ง่ายที่สุดก็คงจะเป็นการสังเกตท่าทีของคนรักเมื่อเราแสดงความรักออกไป หรือสังเกตวิธีแสดงความรักของคนรัก ถ้าคนรักของเราชอบจังมือ หนุนตัก หรือต้องหาเรื่องให้ได้ตัวติดกันอยู่บ่อยๆ ก็เป็นไปได้ว่าภาษาในการแสดงความรักของแฟนคือ Physical Touch หรือถ้าเราสังเกตได้ว่าแฟนของเราชอบหาเวลามาอยู่ด้วยกัน แม้ว่าจะไม่ได้มีกิจกรรมพิเศษอะไรเลยก็ตาม เขาอาจจะเป็นคนที่ให้ความสำคัญกับช่วงเวลาที่ได้ใช้ร่วมกับเราก็เป็นได้
ต้องปรับอย่างไร? หากภาษารักของเราที่ไม่ตรงกัน
การสื่อสารกันคนละภาษาไม่ใช่เรื่องผิด แต่บางครั้งก็อาจทำให้เกิดความเข้าใจผิดที่กระทบกับความสัมพันธ์ได้ เป็นไปได้ว่าบางครั้งการแสดงความรักของเราอาจถูกตีความเป็นอย่างอื่น ถ้าเกิดว่าเราและแฟนมีภาษารักที่แตกต่างกัน เช่น การมอบของขวัญให้กับแฟนบ่อยๆ โดยไม่มีโอกาสพิเศษอะไรอาจทำให้คนรักอึดอัดใจได้ เพราะเขาไม่คุ้นชินกับความรักในรูปแบบสิ่งของ
การมอบของขวัญให้เพื่อแสดงความรักมักถูกตีความไปในทางลบ เช่น มองว่าเป็นความโลภ การโอ้อวดหรือดูเป็นความวัตถุนิยมมากเกินไปหรือเปล่าในสายตาของผู้อื่น แต่ในทางจิตวิทยาแล้วคนที่ชอบแสดงความรัก หรืออยากได้รับความรักในรูปแบบของขวัญนั้นแสดงให้เห็นว่า พวกเขาต้องการให้ความรักเป็นรูปธรรมและเป็นสิ่งที่จับต้องได้
และไม่ว่าของขวัญนั้นจะมีราคาค่างวดมากน้อยเพียงใดก็ตาม แต่คนที่มีภาษารักเป็น Gift Giving จะตั้งใจเลือกให้แก่คนที่เขารักอย่างจริงจังที่สุด ไม่ใช่แค่หยิบๆ อะไรก็ได้ที่ใกล้มือมามอบให้แฟน ยิ่งไปกว่านั้นหากพวกเขาเป็นฝ่ายได้รับของขวัญจากแฟน พวกเขาก็จะดูแลรักษาและหวงแหนของสำคัญชิ้นนั้นราวกับเป็นแก้วแหวนเงินทอง ทั้งที่บางทีมันอาจจะเป็นเพียงตุ๊กตาพวงกุญแจเล็กๆ สักตัวก็ได้
เช่นเดียวกันกับภาษารักในรูปแบบอื่นๆ ซึ่งเป็นหน้าที่ที่คู่รักแต่ละคนจะต้องทำความเข้าใจและรู้จักที่จะปรับตัวให้เข้ากับการแสดงความรักหรือความคาดหวังที่จะได้รับความรักของอีกฝ่าย เพราะภาษารักก็เหมือนกับภาษาที่เราใช้พูดคุยกันทั่วไป บางคนอาจพูดได้ถึง 2 ภาษา บางคนอาจพูดได้ครบทั้ง 5 ภาษา ขึ้นอยู่กับว่าจุดอ่อนจุดแข็งของแต่ละคนเป็นอย่างไร
การเรียนรู้ที่จะเข้าใจและสื่อสารความรักออกไปไม่ได้มีเพียงคำว่า “รัก” เท่านั้นที่ทำได้ ภาษารักทั้ง 5 แบบของแชปแมนเองก็ถือเป็นเครื่องมือในการรักษาความสัมพันธ์ของเรากับคนรอบข้าง โดยเฉพาะกับความรักเชิงโรแมนติกของผู้คนทุกเพศทุกวัย ทุกๆ ช่วงความสัมพันธ์ไม่ว่าจะเป็นคู่รักที่เพิ่งคบหากัน คู่รักที่เพิ่งแต่งงานกัน หรือคู่รักที่อยู่ด้วยกันมานานแล้วก็ตาม
ถ้าคุณเป็นอีกคนหนึ่งที่ขัดเขินกับการบอกรักออกไปตรงๆ แต่ก็ยังอยากแสดงความรักอันเปี่ยมล้นและอยากใช้ช่วงเวลาท้ายปีอันแสนโรแมนติกช่วงนี้ไปกับแฟนล่ะก็ ลองมาสำรวจภาษารักของตัวเองและคนรัก เพื่อกระชับความสัมพันธ์ให้มีแต่ความหวานล้ำทิ้งท้ายปี 2023 และต้อนรับ 2024 แห่งความสุขไปพร้อมๆ กัน
อ้างอิง
- What the 'Receiving Gifts' Love Language Means : Wendy Rose Gould, Verywell Mind - https://bit.ly/4asdgFW
- What Is Skinship and Why Is Physical Touch So Important for Our Well-Being? : Sheryl Nance-Nash, DailyOM - https://bit.ly/3RJYBPk
#5lovelanguage
#relationship
#missiontothemoon
#missiontothemoonpodcast
โฆษณา