29 ธ.ค. 2023 เวลา 21:42 • นิยาย เรื่องสั้น
นครนิวยอร์ก

ทฤษฎี 10,000 ชั่วโมงและการกลับเข้าสู่มหาลัยห้องครัวอีกครั้ง

เคยได้ยินเรื่องทฤษฎี 10,000 ชั่วโมงไหมครับ ที่ว่ากันว่า จะเก่งอะไรนั้น ก็เก่งได้ หากเราใช้เวลาฝึกฝน อยู่กับมันนานครบ 10,000 ชั่วโมง เช่น หากอยากเก่งทางดนตรี ก็จงซ้อมเข้าไป จะวันละกี่ชั่วโมง กี่สัปดาห์ก็ได้ ครบ 10,000 ชั่วโมงเมื่อไหร่ คือเก่งแน่ หรืออยากทำอาหารเก่ง อร่อย ก็จงฝึกฝนทำอาหารเข้าไป ครบ 10,000 ชั่วโมงเมื่อไหร่ก็เก่งแน่ล่ะ
คำนวณแบบหยาบๆ หากเราฝึกฝนวันละ 8 ชั่วโมง สัปดาห์นึงก็จะได้ 40 ชั่วโมง ครบปีก็ตกที่ 2,080 ชั่วโมง เท่ากับว่าจะครบ 10,000 ชั่วโมงนั้น ต้องใช้เวลา 5 ปีโดยประมาณ
และวันนี้นิวยอร์กกูขอเสนอ เรื่องราวการกลับเข้าสู่มหาลัยห้องครัวอีกครั้งของผมเอง แหม่ ว่าก็ว่าเราเรียนจบไปแล้วนะ แต่ก็อย่างว่าแหละนะ อยู่กับห้องครัว มือถือจานอาหาร ปากท่องเมนู อยู่ร้านมานานเป็นสิบปีจนติดเป็นนิสัย พอไม่ได้ทำนานๆ มันก็เกิดอาการลงแดง คันไม้คันมือ อดคิดถึงไม่ได้
ปากแม้จะบอกแบบนั้น แต่จริงๆ คือ ตกงานนั่นเองครับ เพราะว่าปีนี้ขอลาพักร้อนที่ทำงานโรงเรียนสอนถ่ายหนัง กลับไทยไปทำธุระ ทำไปทำมาธุระแทนที่จะลดลง กลับเพิ่มพอกพูนขึ้น จนไอ้ที่เขาให้ลาได้เดือนนึง ก็กลายเป็น 3 เดือน จนเป็น 5 เดือนครึ่งปี ที่ทำงานเลยบอกว่า ลานานแบบนี้ งั้นลาออกไปเลยแล้วกันนะ ตึ่งโป๊ะ!
โซซัด โซเซกลับมานิวยอร์ก ไม่มีอะไรจะรับประทาน เงินเก็บก็ร่อยหรอ งานจะทำก็ไม่มี ก็โชคดีได้พี่ร็อคกี้ เพื่อนเลิฟ ส่งข้อความมาทักทาย “เฮ้ย ได้ข่าวว่า ไม่มีดอลล่าห์จะซื้อข้าวสารมากรอกหม้อเร๊อะ ไปร้านนี้ดิ Blue Ribbon Sushi เขาจะเปิดร้านใหม่ เป็นร้านสเต็ก” พี่ร็อคกี้บอก พร้อมส่งลิ๊งค์สมัครงาน แถมเบอร์โทรผู้จัดการร้านให้ด้วยนะ ก่อนจะวางหูไปแกบอกว่าประสบการณ์โชกโชนอย่างเอ็ง เขารับอยู่แล้ว!
เกริ่นก่อนว่า ร้าน BRS นั้นเป็นร้านญี่ปุ่น ขายซูชิเป็นหลัก เป็นเสมือนเหมืองขุดแร่ดอลล่าห์ ระดับเลเวล10 ที่กล้าบอกแบบนั้น เพราะว่าเขาใช้วัตถุดิบแบบ Premium และราคาของอาหารนั้นก็เข้าขั้นแพง แบบกินเต็มคอร์ส จานเล็ก จานหลักกับเครื่องดื่ม อย่างต่ำก็ตกหัวละ $100-$150 ต่อคนได้
บรรยากาศร้าน
อาจจะเหนื่อยกับความเรื่องมากของพวกลูกค้าไฮโซมือเติบหน่อย แต่ก็สบายกายกว่าทำงานร้านไทยเป็นไหนๆ ก็ด้วยความที่อาหารมันแพง อาหารก็ไม่ได้ใส่มาแบบเต็มจาน จานก็ไม่ได้หนักเหมือนร้านทั่วไป ทำงานเดินสวยๆ รายได้วันนึงมีแตะ $500-$600 ได้แบบไม่ลากเลือดเกินไปนัก
พอได้ยินพี่ร็อคกี้แนะนำมาแบบนี้ ผมก็ได้แต่บอกว่าเอาวะ อย่างน้อยมีงานก็มีเงิน ไม่งั้นไม่มีเงินจ่ายค่าเช่าบ้าน เด๋วได้ไปนอนวัด นอนที่ซับเวย์แทน โบรานว่าไว้ อย่านอนตื่นสาย อย่าอายทำกิน อย่าหมิ่นเงินน้อย อย่าคอยเงินจากรัฐบาล! กู้มาแจกทั้งนั้นแหละ แจกเสร็จ คนไทยก็ติดหนี้กันตูดบาน น้ำนองกันต่อไป 555
เมื่อต้องกลับเข้ามหาลัยร้านอาหารอีกครั้งนึง วันนี้เลยจะมาแนะนำ อุปกรณ์การทำงานของเหล่านักเรียนประจำร้านอาหารที่เรียกว่าขาดไปไม่ได้เลยเชียว เผื่อพี่น้องคนไทยเดินทางมาทำงานที่นิวยอร์ก หรืออเมริกา รู้ไว้ก็ใช่ว่าล่ะนะ
อย่างแรกเลยก็คือ ชุด uniform หรือชุดทำงาน ร้านอาหารที่นิวยอร์กนั้น จะว่าไป ก็ยังเห็นหลายร้าน อนุญาตให้พนักงานใส่ชุดแบบไหนก็ได้ แต่ถ้าเป็นร้านที่มีระดับสักหน่อย ก็มักจะให้ใส่ชุดทำงานเหมือนกันหมด และส่วนมากก็จะเป็นพวกโปโลสีดำ หรือ เสื้อเชิ๊ตติดกระดุม แบบพนักงานบริษัทแบบนั้นเลย ร้านอย่าง BRS ก็แน่นอนว่าต้องใส่ชุดทำงาน โดยจะเป็นเสื้อเชิ๊ตสีขาว แขนสั้นยาวได้ตามสะดวก เอสะอาดสะอ้านาให้ขาวสะอาดสะอ้าน และกางเกงต้องเป็นสีดำเท่านั้นก็พอ
ต่อมาก็คือ รองเท้าทำงาน อุปกรณ์ชิ้นนี้ นี่สำคัญมาก เนื่องจากเวลาทำงานร้านอาหารนั้น นอกจากพักเบรกกินข้าวแล้ว ระหว่างงานนั้นไม่มีการให้นั่งพักนะครับ ต่อให้เวลานั้นจะไม่มีลูกค้าเลยก็ตาม ยืนกันยาวไปเลย 6-8 ชั่วโมง ฉะนั้น รองเท้าที่พวกเราเลือกมาใส่ทำงานนั้น ต้องนุ่ม ใส่เดินสบาย ไม่ปวดหลัง ไม่ปวดเท้าเวลายืนนานๆ และที่สำคัญเลยคือ ต้องกันลื่นด้วย ลองนึกภาพนะ ถือจานชาม แก้วน้ำ หรือถือถาดอาหารมาเต็มถาด แล้วถ้าเกิดลื่นเทกระจาดไปนี่ เรือหาย ตัวใครตัวมันล่ะครับ
ซึ่งตรงนี้ ยี่ห้อ Sketcher จึงกลายเป็นขวัญใจมหาชน นักเรียนห้องครัวกันเป็นไหนๆ และต้องเป็นสีดำเท่านั้นด้วยนะครับ เพราะเวลาสกปรกแล้วมันมองไม่ค่อยเห็น 555

ต่อมาก็ Apron หรือผ้ากันเปื้อนนั่นเอง ขาดไม่ได้เลยสิ่งนี้ เหมือนกับกระเป๋าวิเศษ โดราเอม่อน ที่ใส่อุปกรณ์วิเศษเอาไว้ อย่าง ปากกา กระดาษจด ที่เปิดไวน์ หรือแม้แต่ขนม ลูกอม ของกินเล่นเอาไว้เติมพลังระหว่างทำงานได้นั่นเองครับ โดยมากแล้ว ร้านอาหารก็มักจะมีให้อันนึง ตอนเข้าทำงานครับ แต่ถ้าเบิกอันใหม่บ่อยๆ ผู้จัดการอาจมีมองหน้าได้
ขอบคุณมาริเบล นางแบบผ้ากั้นเปื้อน
จริงๆ พวกของที่เหมือนจะไม่สำคัญ อย่างปากกาหรือที่เปิดไวน์ ก็สำคัญนะครับ บางทีลืมเอามา ไปขอยืมเพื่อนร่วมงาน เขาไม่ให้กันก็มีนะ เอาซิ
ผมเผ้าก็ควรตัดให้สั้นนิดนึง ถ้าเป็นสาวๆ ก็ต้องรวบผมให้เรียบร้อย ไม่ใช่ปล่อยสวยสยาย เกิดผมหล่นลงไปในอาหาร ลูกค้าบ่นขึ้นมา โดยโวยวาย ยกโต๊ะให้กินฟรี เงินทิปได้น้อย ไม่รู้นะ
สารภาพเลยว่า กลับมาประจำการครั้งนี้ เกิดอาการประหม่าเหมือนกัน อย่างว่านะครับ ร้างสนามไปนาน จนมีเปรยๆ กับพี่ร็อคกี้อยู่เลยว่า ไม่ได้ทำมานาน จะถือจานได้เหมือนเดิมป่าวน้า ออกอาหารแบบนี้ ถูกป่าวน้า ช้าไปหรือเปล่านะ
อย่างไรก็ตามพอเอาลงสนาม ทำงานจริง ก็ไม่มีปัญหาอะไร คือ ร่างกายมันจำได้อ่ะครับ แม้ว่าจะร้างสนามไปนาน แต่ทำไปสักพัก เคาะสนิมออกสักหน่อย เครื่องก็ยังวิ่งปร๋อ ทำงานได้เหมือนเมื่อก่อนอยู่ 555
พอเล่าให้พี่ร็อคกี้ฟังถึงการกลับไปเข้ารั้วห้องครัวอีกครั้งนึง แกก็ตอบมาว่า อย่างพวกเราน่ะ DNA ร้านอาหารน่ะ มันฝังเข้าไปอยู่ในตัวพวกเราเรียบร้อยแล้ว อืม…ก็น่าจะจริงนะ
ถ้าเอาหลักทฤษฎีหมื่นชั่วโมงมาใช้ในการคำนวณวัดระดับล่ะก็ อย่างพวกเรานี่มันก็เข้าขั้นปรมาจารย์แล้ว อย่างว่าล่ะครับ ทำมานานเป็น 10 ปี ถ้านับเป็นชั่วโมงล่ะก็ เกิน 20,000 ชั่วโมงไปนานแล้ว!
เป็นไงบ้างครับ หากเพื่อนคนไหนมีโอกาสมาหาประสบการณ์ชีวิตที่ต่างประเทศ ก็อย่าลืมเตรียมตัว เตรียมใจกันมาด้วยนะครับ
หากเพื่อนคนไหนชอบใจ สามารถติดตามอ่าน ‘นิวยอร์กกู’ เรื่องราวของนักเรียนมหาลัยห้องครัวเพิ่มเติมได้ที่ readawrite, Dek-Dee และ facebook นะครับ
#นิวยอร์กกู #มหาลัยห้องครัว #nyku
โฆษณา