5 ม.ค. เวลา 23:42 • ปรัชญา

#ในยุคนี้บางทีคนปฏิบัติ แล้วมุ่งไปที่สมาธิ

การที่เรามุ่งไปฝึกสมาธิเลย
โดยที่เราไม่ได้มีพื้นฐานจิตที่เป็นกุศล
ยังไม่มีสติปัญญาขึ้นมา
สมาธิที่เกิดขึ้นจะเป็น "มิจฉาสมาธิ"
ยิ่งฝึกไป โดยที่เรายัง
ไม่ได้ผ่านการขัดเกลากายภาพ
จิตยังมุ่งจะเอาอยู่
ยังไม่ได้ขัดเกลาการให้การสละออก
จิตเป็นอกุศลก็เกิดสมาธินะ
แต่เป็นมิจฉาสมาธิ
และมันจะทำให้จิตที่เป็นอกุศลมีกำลังมาก
เพราะว่ามันเป็น "มิจฉา" นั่นเอง
เพราะฉะนั้น...
#การปฏิบัติอย่าไปมุ่งสมาธิ
#มุ่งการสละละวางจากสิ่งต่างๆ
#มุ่งการเพาะบ่มกุศลธรรม
สังเกตถ้าเราไม่ได้ขัดเกลาเนี่ย
จิตมันคอยจะเป็นอกุศลเรื่อย
ปฏิบัติก็ทำด้วยความโลภ
ความติดข้อง อยากได้ใคร่ดี
ความติดข้องกับสิ่งต่าง ๆ
พอไม่ได้ดั่งใจก็เกิดโทสะ
ความโกรธ ความไม่พอใจ
หรือพอเห็นอะไรดี ๆ ก็หลงไปเลย
เกิดนิมิต เกิดสิ่งต่าง ๆ บ้าง
ก็ส่งจิตออกนอกไป
เพราะฉะนั้น...
#สัมมาสมาธินี้เป็นผล
#เป็นผลจากการที่จิตเป็นกุศล
เจริญสติอยู่เนือง ๆ อยู่เป็นประจำ
จนสติสัมปชัญญะมีกำลัง
รู้จักการใช้ปัญญา
รู้จักจากการขบคิดพิจารณา
ข้ออรรถข้อธรรมต่าง ๆ
รู้จักพิจารณา อยู่เนือง ๆ
#โยนิโสมนสิการ
#ทำให้มากเจริญให้มาก
.. เห็นอะไรก็ไม่เที่ยง
.. เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา
.. สิ่งต่าง ๆ ก็ของชั่วคราว
.. เป็นสมมติมายาของโลก
ให้ใจมันคลายออกก่อน
หลุดออกก่อนจากสิ่งต่าง ๆ
ไม่งั้นจิตมันจะมุ่งจะเอา
ความคุ้นชินทางโลกนี่
เราพุ่งใส่เลย พุ่งไปสู่เป้าหมาย
จิตมันมุ่งจะเอา เป็นจิตที่เป็นอกุศล
สมาธิที่เกิดขึ้น มันก็
เป็นมิจฉาสมาธิ ฝึกมาก ๆ
มันก็จะเป็นร่อง เป็นร่องวิถี เราก็ต้องคลายก่อน
#วางใจให้ถูกอย่าพึ่งไปมุ่งสมาธิ..
ฝึกสำคัญ ก็คือการเข้าช่องถูก
การสละละวางจากสิ่งต่าง ๆ
แล้วก็เจริญสตินี่แหละ
ให้ต่อเนื่องกันไป
เพราะว่าสติเกิดขึ้น
จิตที่เป็นกุศลก็เกิดขึ้น
ระลึกรู้กาย ทำความรู้สึกตัวขึ้นมาอยู่เสมอ
อยู่กับความรู้สึกตัวให้ต่อเนื่องกันไป
ทำให้มาก เจริญให้มาก
ถ้าเจริญสติต่อเนื่องเป็นประจำสม่ำเสมอ
จนสติมีกำลัง
สมาธิที่เป็นสัมมาสมาธิ
จะเกิดขึ้นโดยธรรมชาติ
ก็จะเกิดญาณปัญญา
การรู้เห็นตามความเป็นจริง
เห็นรูป เห็นนาม
เห็นการแตกดับของรูปของนาม
ของกาย ของใจต่าง ๆ
จิตมันจะคลายออก
จะเกิดสภาวะแยกธาตุแยกขันธ์ขึ้นมา
เห็นทุกอย่างตามความเป็นจริง
เป็นไปเพื่อการสละละวาง
.
.
ธรรมบรรยาย โดย พระมหาวรพรต กิตฺติวโร
เช้าวันที่ 1 กันยายน 2566
โฆษณา