2 ม.ค. เวลา 13:19 • ความคิดเห็น
เวลาที่เราอยากจะรู้จัก ว่าเรามีความ อดทนมากน้อย แค่ไหน มันก็ต้องหาที่อยู่ ทีอาศัย ที ลำบาก ลำบากในความที่เราไม่คุ้มเคย ลำบากในสิ่งที่เราไม่เคยชิน ..การที่เราจะรู้จักตัวเราเอง รู้จักว่าจิตเราเป็นผู้มาอาศัยเรือนกายของคุณบิดามารดา กายนี้มีพระคุณ เราก็นำกายนี้ มาสร้างบุญกุศล กายนี้หากเราปล่อยปะละเลย ..เราก็ใช้เคยทำมาหากิน หาอยู่แค่วัตถุปัจจัยสี่ คราวนี้ เราก็ลงมือ นำกายนี้ มาสร้างบุญกุศล ลงมือปฏิบัติธรรม .ขึ้นมา เราก็ทดลองกระทำ จับกายมานั่งๆเสียบ้าง
เราทดลองฝึดหีดดู หากกายเรามันไม่มีอารมณ์ เราบังคับกายได้ บังคับให้นั่งนิ่งๆ เฉย..ไม่นนึกคิดอะไรเลย นั่งพับเพียบได้ก็ดี ..ทำกายให้ตรง จิตมั่นคง ไม่ขยับเขยื้อนกาย ..แล้วเราก็ทำจิตเฉย ..กายมันเจ็บปวดขึ้นมา ก็ทน..เอา อารมณ์นึกคิดอะไรเข้าจะให้ขยับกาย เราก็บังคับกายให้อยู่นิ่งเฉยๆ
เราก็ลองฝึกหัดดู จะได้รู้จักอารมณ์ ..จะเป็นผู้ชนะอารมณ์ ..จิตใจเราต้องทำอย่างไร ใช้สติปัญญาอะไรบ้าง ในการรักษากายนิ่ง จิตเฉย ..ไม่หลงใหลไปกับอารมณ์ เผลอไปนึกคิด เค้าว่าขาดสติ ..จิตเป็นทาสของอารมณ์ไปแล้ว
..เราก็สังเกตดูจิตใจเราเอง ..ว่าเราอดทนต่ออารมณ์นึกคิด ไม่ต้องพิจารณาอะไรเลย ..ละอารมณ์นึกคิดไป ..ทำกายเฉยๆจิตเฉย..ได้มากน้อยแค่ไหน เค้าว่า ที่เขียนนี้ดูง่ายๆ ก็ทดสอบตัวเราเอง ..เรามีความขันติอดทนได้ มาน้อยแค่ไหน ทำกายนิ่งจิตเฉย ไม่นึกคิดอะไรเลย แม้แต่กายก็ไม่ปรากฏ เหมือนมีจิตอยู่ดวงเดียว .เค้าว่าทำตรงนี้ ..เสมือนจิต อยู่กับพระนิพพานเลย (ฟังเค้าว่ามา)
จิตเรามันยึดกาย ยึดเวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณนั้น เป็นของๆเรา ..อะไรที่เกิดขึ้นในกายเราก็ยึด ..ด้วยอารมณ์นึกคิดที่เกิดขึ้น ..เป็นของเรา จิตของเรามันจึงต้องชอกช้ำ ..เพราไปยึดถือในสิ่งที่มันไม่เที่ยง อยากได้อยากเป็น ..มันไม่เที่ยง ..แต่เราก็มีหน้าที่ดูแลกาย ..
..เรานั้นเป็นผู้อาศัยเรือนกายที่เป็นเหมือนบ้าน เราก็ต้องดูแลบ้านร้ให้ถูกทาง จิตเราก็ต้องดูแล อีกเหมือนกัน ..คือ ระมัดระวังมิให้วิญญาณของเราไปพัวพัน อารมณ์เรื่องนั้นเรื่องนี้ให้มากนัก ..แต่นั่นแหละ มันก็ยากที่จะควบคุม เพราะชีวิตมันต้องใช้หูใช้ตาพัวพัน ..เกิดอารมณ์อยากไม่อยาก สมหวังไม่สมหวัง มันเป็นอารมณ์ที่เกิดขึ้นที่ตัวเรา เราก็ต้องมีสติเท่าทันอารมณ์ทร่เกิดขึ้น อ่านอารมณ์ที่ตัวเองให้เป็น ว่าพาจิตเราให้สุขหรือทุกข์ จะเป็นคำตอบของจิตเราเอง
โฆษณา