3 ม.ค. เวลา 16:40 • ความคิดเห็น
เรื่องราวของการบรรพชา ..ลอยอารมณ์กรรม ลอยความโลภโกรธหลง ลอยยศฐานบรรดาศักดิ์ นั้น เมื่อจิตเกิดมาก็ต้องอาศัยกายบิดามารดา กายนี้ใครสงเคราะห์ให้จิตอาศัย อาศัยกายนี้ที่พ่อแม่ให้มา กายนี้จะมีคุณต่อจิต เมื่อนำกายนี้มาใช้ให้เกิด ประโยชน์ มีความกตัญญูรู้คุณของกายที่อาศัย ไม่ได้ใช้กายไปเพื่อเสาะแสวงหา สร้างแต่กรรม มีกายกรรม วจีกรรม มโนกรรม วิตกกังวล ฟุ้งซ่าน ติดคนนั้น ไม่ชอยใจคนนี้ ถกเถียงกับพ่อแม่ตัวเอง โมโหโกรธพ่อแม่ตัว กระฟัดกระเฟียดใช้กิริยาวาจาที่ไม่ดีกับพ่อแม่
สิ่งที่กระทำตาเราเห็น หูก็ได้ยิน ทั้งเสียงและสิ่งที่ตนเองกระทำ ก็ส่งลงไปให้จิต จิตเก็บสะสมกรรมไว้ ที่จิต .ไหนว่ามีกายเป็นมนุษย์ประเสริฐกว่าสัตว์ทั้งหลายในโลก ทำไมใช้กิริยากายวาจาใจ เหมือนสัตว์ทั่วไป ที่แม่ก็เลี้ยงมา พอโตขึ้นหน่อย ก็ปีกกล้าขาแข็ง กระทำกับพ่อแม่ เหมือนสัตว์ทั่วไปที่เค้า ก็ไม่รู้จักพระคุณพ่อแม่ได้ เกิดมาก็เดินวิ่งเล่นได้ ผิดกับกายมนุษย์ ..เกิดมาใช้การอะไรไม่ได้เลย ต้องอาศัยผู้ที่ช่วยเหลือเกื้อกูล ใครละที่ช่วยเหลือเกื้อกูล เค้ามีพระคุณมั้ยหนอ..
เมื่อเรารู้จักพระคุณพ่อแม่ นำกายพ่อแม่ที่จิตเราอาศัยอยู่ มาบวช บรรพชาลอยอารมณ์กรรม อธิษฐานให้เป็น นำกายพ่อแม่ ธาตุนะโม ธาตุทั้งสองของพ่อแม่ ที่มาประกอบเรือนกาย นำกายนี้มาสร้างบุญบารมี ปฏิบัติธรรม ..เดิน ยืน นั่ง นอน .ละเรื่องราวของอารมณ์โลภโกรธหลง นำกายนี้มาเดืน ..ไม่คิดไม่นึกอยากได้อยากมีอยากเป็น กินก็เพื่อประทังสังขาร ให้มีเรี่ยวแรงมาประพฤติปฏิบัติธรรม
เมื่ิอนำกายพ่อแม่มาเดินยืนนั่งนอนไม่คิดนึกอะไร จิตก็เฉย..ทำไปให้กายเป็นบุญ จิตมีธรรม การกระทำที่ใช้กายพ่อแม่มาเดินในรอยของพระ กายนี้ห่มผ้ากาสาวพัสตร์ .เครื่องหมายของธรรม มีการกระทำการปฏิบัติธรรมขึ้น ธาตนะโมธาตุพ่อแม่ก็ส่ง ผล ..ธาตุกายที่ลูกอาศัย ก็ส่งไปให้ธาตุพ่อแม่ กายพ่อแม่ที่อาศัย กายที่พ่อแม่อาศัยอยู่ก็เกิดเป็นกายบุญ กายของผู้ที่มีบุญ จิตของพ่อแม่ ที่อาศัยในกายบุญนั่น ก็ค่อยๆเบาบางจากกรรม
บุตรที่รู้จักคุณ เมื่อคราพ่อแม่ ทุกข์มีวิบากกรรม เจ็บป่วย ก็นำเรือนกายพ่อแม่ที่จิตอาศัย มาประพฤติปฏิบัติธรรม ..เดินจงกรม ขอรับเวทนาพ่อแม่ ..เพื่อตอบแทนพระคุณพ่อแม่ทางจิต พ่อแม่ก็ได้บรรเทาความเจ็บป่วยลงไป เจ้ากรรมนายเวรของพ่อแม่ ก็พลอนได้อนุโมทนากุศล อโหสิกรรมให้พ่อแม่
แต่นั้นแหละ มันสำคัญอยู่ที่บุตรธิดา ..จะระลึกในพระคุณพ่อแม่จริงหรือ เอากายพ่อแม่มากระทำจริงๆ สละเวลาทางโลก พักเรื่องราวทางโลก นำกายมาหาธรรม หรือ กล้าที่จะรับเวทนาของพ่อแม่จริงหรือ ประกาศออกไป..เต็มใจ ปฏิบัติธรรมขอรับเวทนาพ่อแม่ ให้ดินฟ้าอากาศรับรู้ หูของตัวเองได้ยืนเสียงของตัวเอง (พูดเบาก็ได้ ให้หูเราได้ยิน) แล้วก็จะได้ ค่อยๆรู้จัก ว่าบุญกุศลมีจริงหรือไม่ ยังไม่ต้องขนาด พาพ่อแม่ขึ้นสวรรค์ เพราะพ่อแม่ก็ไม่รู้จัดสร้างบุญกุศล จิตพ่อแม่ก็หนักไปด้วยเวรกรรม ..ลูกก็หนักด้วยเวรกรรม
มันเหมือนเตี้ยอุ้มค่อม ..แบกกันไม่ไหว ต้องค่อยๆกระทำให้รู้จักขึ้น ..เอากายพ่อแม่ที่ให้มา เอามาทำเอง ทำให้ประจักษ์ ด้วยกายวาจาใจ ด้วยกายพ่อแม่ที่ให่เรามาเอง ..เราก็มีพ่อแม่แค่สองคน ธาตุนะโม .ซไม่ได้ไปเอามาจากที่ไหน เราก็นำกายพ่อแม่มีทำเอง ..ทำให้จริง ถึงจุดที่เค้ากำหนด ว่าเราทำทดแทนกายพ่อแม่ ด้วยจิตของเราเอง เราทำจริงๆหรือเปล่า ลดละอารมณ์โลภโกรธหลงหรือเปล่า
หรือ เรามัวเพิ่มความโลภโกรธหลง บรรจุเข้าไปในเรือนกาย ..กายพ่อแม่ที่เราอาศัยก็มีแต่กรรม พ่อแม่ก็มีแต่กรรมของเค้าไป ไม่มีตัวช่วยเหลือ คือ บุตรธิดา อาศัยกายพ่อแม่อยู่ ระลึกนึกถึงความกตัญญูรู้คุณพ่อแม่ไม่ได้เลย นั้นก็เป็นโมฆะ .เกิดมาก็ได้เรียนรู้จัดคำว่า กตัญญูรู้คุณเลย ..ก็เหมือนสัตว์โลกที่พบเห็นด้วยสายตามีทั่วไปในโลก
เค้าบอกว่า ธรรมนั้นต้องการคนจริง คนที่ทำจริงๆ ไม่ได้ต้องการคนรู้ แต่ไม่ทำ รู้ได้แค่จำ เหมือน AI ไม่รู้ว่าเกิดมาอย่างไร ใครอุปโลกน์ให้ ..มันไร้ซึ่งจิตวิญญาณมนุษย์…แค่รู้จำ จิตได้ประโยชน์อะไร กายที่จิตอาศัย เดี๋ยวมันเปลี่ยนแปลงไปทุกวัน นานวันมันก็แก่เจ็บตาย หายตัวไปจากโลก
เหมือนปู่ย่าตาทวดที่ หายไปจากโลก ไม่รู้เค้าไปไหนกัน ไม่กลับมาบอกเสียด้วย ว่าไปไหน..ไปเป็น ไปมีกายเป็นอะไร ..เพราะฉะนั้นเราต้องกระทำขึ้นมาเอง ..มันไม่มีใครเค้าเขียนบอกแผนที่ให้ เค้าเพียงแต่บอกให้ ชี้ให้ไปทำเอาเอง ใครจะทำหรือไม่ทำ ก็ไม่มีใครบังคับเสียด้วย เพราะทำดีทำชั่ว เราเป็นผู้ทำเอง รับผลเอง ..จะนึกพ่อแม่ที่ให้เรือนกายมา หรือไม่นึกคิดอะไร ก็อยู่ที่จิตอาศัยกายพ่อแม่ นั่นคิดขึ้นมา..คิดได้ก็ทำ คิดได้ไม่ทำ ก็ไม่มีใครบังคับ ใจใครได้เลย
ปล.ที่จริงแล้ว เรื่องราวของจิต นั้นไม่มีหญิงชาย จิตมาอาศัย รูปหญิงชาย ..มีกายที่พ่อแม่ให้มา ..เป็นบุตรธิดา ..เมื่อบุตรธิดา นำกายพ่อแม่ ที่ประกอบด้วยธาตุ นะโม ธาตุพ่อแม่ มาสร้างบุญสร้างกุศล ..มันก็สิ่งที่เป็นคุณเกิดในกาย ในธาตุทั้งสองของพ่อแม่ สิ่งเหล่านี้ ก็จะส่งคืนกลับไปหาธาตุพ่อแม่
.. เมื่อพ่อแม่กายมีอยู่ ..บุญกุศลที่บุตรธิดากระทำขึ้น กายพ่อแม่กได้รับบุญกุศล ..เมื่อกายพ่อแม่มีบุญ จิตที่อาศัยกายนั้น ก็มีความสุขอยู่ในเรือนกายที่มีบุญ หากบุตรธิดา ..นำกายพ่อแม่ไปสร้างกรรม กายที่มีกรรมเกิดขึ้น จิตของบุตรธิดาก็ต้องรับกรรมไป เพราะเค้าไม่ได้ให้ใช้กายไปสร้างกรรม
โฆษณา