Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
THE STATES TIMES
•
ติดตาม
4 ม.ค. เวลา 08:40 • การเมือง
มาในเวลาที่ใช่!!
‘นายกฯ’ ยัน ‘แลนด์บริดจ์’ อยู่ในใจนานาชาติ ภายใต้จุดยืน ‘เป็นกลาง’ เพื่อเชื่อมโลกทั้งโลก
(4 ม.ค.67) ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ประธานการประชุม เพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 วงเงิน 3.48 ล้านล้านบาท วาระแรก เป็นวันที่ 2
น.ส.ศรีญาดา ปาลิมาพันธ์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย (พท.) อภิปรายตอนหนึ่งถึงโครงการแลนด์บริดจ์ว่า มีการประเมินว่าจะทำให้จีดีพีของประเทศเพิ่มขึ้นร้อยละ 1.5 ของทุกปี ซึ่งในงบฯ ปี 67 นี้ได้จัดทำเพื่อศึกษาความเหมาะสม การออกแบบเบื้องต้น การประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม การวิเคราะห์รูปแบบการลงทุน และยังมีการตั้งงบฯ พัฒนาพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้ (SEC) ให้มีความสมบูรณ์ และเมื่อโครงการแลนด์บริดจ์เกิดขึ้นในอนาคต ตนหวังว่ารัฐบาลจะจัดงบฯ ในปี 2568
เพื่อรองรับการสร้างโอกาสให้โครงการแลนด์บริดจ์ เพราะหัวใจของโครงการนี้จะทำให้จีดีพีเพิ่มขึ้น แล้วยังทำให้เกิดการจ้างงานในพื้นที่ เกิดความเจริญรอบๆโครงการ ซึ่งรัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน ชูธงโครงการแลนด์บริดจ์ เป็นโครงการระดับโลก เพื่อให้เป็นเส้นทางเดินเรือของโลกโดยผ่านประเทศไทย
“โครงการนี้มาในเวลาที่ใช่ เพราะปัจจุบันช่องแคบมะละกาเริ่มแออัด โครงการแลนด์บริดจ์จะเป็นเส้นทางสำรองเชื่อมทั้งทางทะเล และทางบก ช่วยสร้างห่วงโซ่การขนส่งภูมิภาคไปจนถึงระดับโลก พาประเทศไทยไปสู่การลงทุนสร้างความเจริญให้ประเทศ” น.ส.ศรีญาดา กล่าว
ต่อมาในเวลา 12.20 น. นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง ได้เดินทางมาถึง พร้อมเข้าชี้แจงต่อที่ประชุมสภาฯ ถึงโครงการแลนด์บริดจ์ ว่า โครงการดังกล่าวทำให้ไทยอยู่ในหมุดหมายการผลิตของต่างประเทศทั่วโลก โดยหลายประเทศต้องการเข้ามาตั้งโรงงานในไทย แต่โรงงานผลิตหลายสินค้าไม่สามารถตั้งได้เพราะต้องการสร้างให้ใหญ่กว่านั้นเนื่องจากต้องส่งสินค้าไปทั่วโลก
แต่ประเด็นที่เป็นปัญหาตอนนี้ คือ ช่องแคบมะละกาที่แออัดและเกิดอุบัติบ่อยครั้ง ทำให้การขนส่งสินค้าต้องเข้าคิว และใช้เวลาจำนวนมาก อย่างไรก็ดีในช่วง 10-15 ปี เชื่อว่าจะมีปริมาณสินค้าเพิ่มขึ้น และมีมูลค่าสินค้าใช้เส้นทางเดินเรือเพิ่ม โดยช่องแคบดังกล่าวบริหารไม่เกิดประโยชน์สูงสุด
“การทำแลนด์บริดจ์ เพื่อเพิ่มศักยภาพแข่งขันของประเทศ ทั้งนี้ปริมาณน้ำมันขนส่งทั่วโลก 60% ผ่านช่องแคบมะละกา หากมีปัญหาเรื่องขนถ่ายสินค้า รัฐบาลจึงตระหนักทำเรื่องแลนด์บริดจ์ และจุดยืนของเราคือ เป็นกลาง ความขัดแย้งระหว่างจีน และ สหรัฐอเมริกาที่มีความรุนแรง แต่เขาต้องค้าขาย เมื่อประเทศไทยเป็นกลางเสนอตัวทำแลนด์บริดจ์ เชื่อมโลกทั้งโลก และจีน-สหรัฐอเมริกาสามารถใช้เป็นศูนย์กลางขนถ่ายสินค้าได้ดี” นายเศรษฐา ชี้แจง
นายกฯ ชี้แจงด้วยว่า การทำแลนด์บริดจ์ถือเป็นเรื่องจำเป็น แต่รัฐบาลไม่ได้นิ่งนอนใจ หรือเพิกเฉยต่อเสียงประชาชนในพื้นที่ รัฐบาลดำเนินการสำรวจความคิดเห็นรับฟังความเห็น พรรคร่วมฝ่ายค้าน ภาคประชาคม และประชาชนในพื้นที่ รวมถึงนักธุรกิจทุกคน ให้แน่ใจว่าโครงการดังกล่าวว่า เป็นเมกะโปรเจกต์ที่สำคัญของโลก
นอกจากนี้โครงการแลนด์บริดจ์ยังทำให้หลายประเทศ เช่น ซาอุดีอาระเบีย ที่มีความมั่นคงด้านพลังงานอยากเข้ามาลงทุน สร้างโรงกลั่นน้ำมัน และโรงงานที่เกี่ยวข้อง เชื่อว่าจะทำให้ไทยมีความมั่นคงทางพลังงาน และมีความพร้อมยืนในโลกที่ขัดแย้ง พึ่งตนเองได้ ให้ชีวิตประชาชนยกระดับ
ที่มา:
https://www.naewna.com/politic/778764
1 บันทึก
1
1
1
1
1
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2024 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย