Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
ป
ปกรณ์ ปราสาททอง
•
ติดตาม
5 ม.ค. เวลา 01:19 • ความคิดเห็น
ของขลัง มีจริงไหมครับ ผมมักได้ยินผู้ใหญ่ชอบอวด ชอบโชว์ เรื่องเล่าประวัติปาฏิหาริย์มากมาย แล้วก็เอาของขลังมาให้ดู อยากรู้ว่ามันมีจริงเหรอครับ บางครั้งอยากจะเถียง แต่ก็โดนด่าว่าไม่เคารพผู้ใหญ่ ?
เรื่องของขลัง นั้นหมายถึง ของที่จะมีอำนาจดบบันดาลอะไร ให้เป็นไป ..เช่น ตะกรุด ผ้ายันต์ ไสยศาสตร์ ปลุกเสก บรวงสรวง ท่องคาถาอาคม ..ผู้ที่กระทำ นั้นต้องการอะไร เช่น นั่งพึมพำ ทั้งคาถา ..มัวแต่ท่องคาถาอาคม ..แล้วจะพิจารณาอะไรได้ ในเรื่องกายอารมณ์จิต ลมที่เข้าออกภายในกาย
1
คราวนี้ เรามาดู เรื่องราวของรอยทั้งสี่ รอยประพฤติปฏิบัติธรรม ตามรอยองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า รอยของการเดินหนีทุกข์ หนีการเกิดแก่เจ็บตาย ..ท่านก็ทิ้งทุกอย่าง ..เพื่อที่ละลายความโลภโกรธหลง ละลายกรรมออกไปจากธาตุทั้งสี่ ไม่เอาเรื่องราวต่างๆ เข้ามายึดถือ เรื่องอิทธิฤทธิ์ปฏิการ เช่นเรื่องของชฏิล สามพี่น้อง ที่หลงไหล ในเรื่องราวของฤทธิ์ พระพุทธเจ้าท่านก็บอกให้ ..ชี้แจงให้ ที่สุดชฏิลสามพี่น้อง ก็เลิก ..เค้าเรียกว่า ถอดมงกุฎถอดชฎา ..ถอดสิ่งที่ยึดถือหลงไหลทิ้งออกไป แล้วชฏิลนั้นก็ขอบรรพชา .
เราเคยถามพระที่ท่านได้กสิณไฟ .เราถามท่านเรื่องของการฝึกหัด ..ท่านก็บอกว่าอย่าไปเอามันเลย มันเรื่องราวของอิทธิฤทธิ์ ..สมมุติว่า เรายังเป็นผู้ที่มีอารมณ์โกรธโมโห พอใครมาทำให้เราโกรธโมโห เราเผลอใช้คำพูด ..ออกไป ..แล้วเค้าไเป็นไปตามปากของเรา ทำให้ชีวิตวิบัติ มันเป็นกรรมมั้ย ทำลายให้เค้าเดือดร้อนมั้ย
เรื่องของคำว่าของขลัง ที่คนเค้าสร้างกันขึ้นมา ทำให้มีอิทธิฤทธิ์ ..หากเรามาศึกษาเรียนไปปฏิบัติธรรมไปตามารอยขององค์พระสัมมาสัมพุทธะชเต้ากันจริงๆ เราจะค่อยๆ เข้าใจ ได้พบเห็นว่าสิ่งเล่านี้มันแอบแฝงไปด้วยเรื่องราวอะไร มันเกิดอะไรขึ้นมา เป็นอารมณ์ปรุงแต่งให้คนยึดถือหลงใหล ทำให้จิตเค้าฮึกเหิม เวลาโกรธโมโห ก็หน้าดำหน้าแดง พวกของขลังพวกนี้ก็เข้ามาย่ำหยี ในตัวตนของเค้า ..ทำตนเป็นผู้ยิ่งใหญ่อันธพาล ชี้หงุดหงิดโมโห ..มีเรื่องราวนิดเดียว ก็หงุดหงิดโมโห ..ง่ายๆ .. ทิฐิ..ก็มากมายก่ายกอง
เรื่องราวปาฏิหาริห์ อย่างนั้นอย่างนี้ รอดมาได้ ..คนเรามันไม่ถึงที่ตาย มันก็ไม่ตาย ..ของที่เค้าเรียกว่าของขลัง มันก็มีตัวดีตัวร้ายแอบแฝงอยู่ เหมือนคนดีคนชั่วปะปนกันในหมู่คน
แต่สิ่งที่ติดมากับคำว่าของขลัง มันก็ล้วนเป็นเรื่องราวของคำว่าจิต ..จิตนั้นมีกรรม พอเค้าจะทำพิธีกรรม ปลุกของขลังบรรจุพลัง ..ท่องคาถาอาคม เป่าพรวดออกไป
มันเป็นสีดำๆออกจากลมปาก ..มีพลังมนต์ดำ .พลังงานที่จิตเร่ร่อนที่เคยเป็นมนุษย์ เห็บวับๆ ก็ไหลลงไปเกาะ ก็เหมือนถูกจองจำล่ามโซ่ติดอยู่กับของขลัง ..มันจิตของผู้ที่ไม่มีบุญ มดปลวกที่ตายก็เป็นจิต ผีเร่ร่อน ก็เป็นจิต .มันก็ไปติดอยู่กับสิ่งเหล่านั้น
.เมื่อเอามายึดถือ ..ส่วนมากก็จะค่อย..มีอุปสรรค ครอบครัวก็ค่อยๆ ไม่ร่องรอยกัย บ้างก็แตกแยก เกิดขึ้น แล้วมีความสุขมั้ย.บางคนเค้าเป็นตัวหลอกให้หลงใหลว่าสิ่งนี้ดี มีของนี้ ร่ำรวย ..ร่ำรวยจิงๆที่คนขายคนทำมาค้าขายให้คนเขื่อหลงใหล ไม่เชื่ออย่าหลบหลู่ ..หลบหลู่ใครกันน่ะ เรื่องราวพวกนี้ เราไม่อยากไปขวางความยึดถือ ที่พระพุทธเจ้าท่านก็ชี้ เรื่องราวของการสร้างบุญกุศลบารมีให้สะสมไป เพื่อจิตจะได้มีบุญ ..หากเราไปยึดอย่างนั้น มันจะเกิดบุญกุศลหรือ
แล้วพวกที่สักยันต์ อาจารย์สร้างของขลัง .พอตายไป ของทุกสิ่่งที่อยู่ในกายมันของๆโลก ตัวคาถาอาคม .ของขลัง สักยันต์อิทธิฤทธิ์นั้นนี มันของๆโลก พอตายไป มันก็ค่อยไหลๆออกมาจากร่างกายคนมีของ ไหลทิ้งไว้ในโลก มันก็ไหลไปหาคนนั้นคนนี้ ..มันจึงมีเรื่องราวที่ว่า เค้าไปงานศพกลับบ้านมา รู้เจ็บป่วยไม่ดีเลย บางคนที่ป่วยน้อยก็ป่วยมากขึ้น เรื่องทำนองอย่างนี้ เราก็ยากที่จะเรียนรู้ ..หาครูบาอาจารย์ที่ท่านรู้จัก แนะนำให้ ..ว่าสิ่งเหล่านี้ มันเป็นของขลัง ของที่จะกักขังจิตที่ยึดถือ .ลงอบาย
เรื่องของการปลุกท่องคาถาอาคม ทำพิธีไสยศาสตร์ จิตที่สูงๆที่เค้วเทพองค์นั้นองค์นี้ ..ท่านไม่มายุ่งด้วยหรอก ท่านมีหูทิพย์ตาทิพย์ เห็นแสงสีดำๆ .มนต์ดำ ..ของดำๆทั้งนั้น ผู้ที่จะร่วมส่งเสริม ก็มีแต่พวกเดียวกัน ที่ห้อมล้อม เค้าว่า เปรตอสุรกาย ..เค้าจะมาช่วยส่งเสริม
แม้แต่จิตที่เร่ร่อนแถวน้้นที่ยังไม่ผุดเกิดก็ร่วมส่งเสริม ..เพราะอดอยาก อยากได้ของเช่น ..กินเครื่องเซ่นที่เค้าถวาย หัวหมู เป็ดไก่ ไข่ต้ม ..จิตที่ท่านสูงๆท่านมีบุญ ..ท่านจะมาเสวยขอ
เซ่นพวกนี้หรือ มันก็มีแต่เปรตอสุรกายลงมากิน
..กินแล้วก็ขออยู่ตรงนี้แหละข้าวปลาอาหารบริบูรณ์ คนหลงไหลก็หมั่นเซ่น ..ให้ผีไม่อดยาก ..ขาดเครื่องเซ่นเมื่อไหร่ก็จะกินตับไต่น้ำเลือดน้ำหนองคนเลี้ยง ..ก็มันอดอยากนี่น่ะ บางก็เจ็บป่วยหาสาเหตุไม่ได้ หรือเป็นตรงนั้น เป็นตรงนี้ ในที่สุดผี มันก็กดให้นอนติดเตียง หรือ เดินเหินก็เอียง กระย่องกระแย่ง ..ปวดเมื่อย..ไปทั่งตัวทุกข์ทรมาน ..บ้างก็ไม่ตายง่ายเสียด้วย เพราะของมันขลัง
เรื่องราวพวกนี้ หากเราคิดว่าทำบุญทำทานพอแล้ว แล้วไม่ปฏิบัติธรรมศึกษา อยู่ในรอยทั้งสี่ขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ไม่มีความเพียรพยายาม ฝึกหัดกระทำขึ้นมา. ทำให้กายเป็นบุญ ให้จิตเราโตขึ้นมา ..โตขึ้นมาด้วยการสะสมบุญกุศลบารมี ลดละอารมณ์โลภโกรธหลงลงไปๆ ให้อารมณ์เป็นทานบ้าง เราจะไม่สามารถรับรู้ในสิ่งเหล่านี้ ว่ามันดีหรือไม่ดี ตามที่เค้าเล่าขานกัน
..นั่นก็เป็นเรื่องจองสติปัญญาของจิต ..ที่เราต้องสร้างขึ้นมาเอง ด้วยรอยทั้งสี่ ยือนเดินนั่งนอน ..แล้วเกจิอาจารย์เค้ามีการกระทำมั้ย หรือ เอาแต่ท่องคาถาอาคมสร้างของขลัง
..วิมุตติ ญาณวิสุทธิ ..ย่อมเกิดขึ้นจากการประพฤติปฏิบัติธรรม แก่ผู้ที่หมั่นสะสมสร้างบุญกุศลบารมี ตามรอยคำสอนขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ให้กานเป็นบุญ จิตมีธรรม…
เรื่องราวอิทธิฤทธิ์ .เรื่องราวอิทธิฤทธิ์ของธรรม ก็มี ..แต่พระพุทธเจ้าท่านไม่ส่งเสริม ท่านห้ามมิไห้ใช้ ..ไสยศาสตร์..นั่นโลกเค้าส่งเสริม ..ส่งเสริม ให้อยู่กับโลก ส่งเสริมให้โลภโกรธหลงมากๆ จะได้ลงอบายมีเพื่อนเป็นฝูง เพื่อเที่ยวเพื่อนกินเป็นฝูง ฝูงสัตว์ ฝูงนก ฝูงปลา เปรตอสุรกาย ไปไหนไปเป็นฝูง
ส่วนพระสิทธัตถะ ท่านไปคนเดียว ไปนั่งกลางป่าด้วยเสื้อผ้าชุดเดียว ไปทิ้งเรื่องราวต่างๆทิ้งญาติพี่น้อง ทิ้งทรัพย์สมบัติเงินทอง ท่านก็ทิ้งหมดจนเหลือจิตดวงเดียว .จิตพุทธะ แต่เราก็ทำตามท่านไม่ได้ เราก็สะสมฝึกหัดของเราไป สะสมเหมือนชาดก ..สะสมไปทุกชาติ .ให่ใกล้ยุติการเกิด เกิดมาต้องแก่ ต้องเจ็บ ต้องตาย ..ไม่เกิดเลยได้ ดีที่สุด ..เราก็เพียรพยายามตามรอยท่านไป..
บันทึก
2
2
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2024 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย