5 ม.ค. เวลา 07:11 • ปรัชญา

สิ่งที่เราเป็น ไม่ได้เป็นตลอดไป

มนุษย์ต่างคนต่างมีความคิดต่างบุคลิกกันไป การรู้จักตัวตนว่าเราเป็นคนแบบไหน ชอบอะไร ไม่ชอบอะไร นิสัยด้านดีด้านไม่ดีเป็นอย่างไร ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีมาก
เพราะการรู้จักตัวเองเป็นการเริ่มต้นที่ดีในการจะมีปฏิสัมพันธ์อย่างเข้าอกเข้าใจผู้อื่น และเลือกเส้นทางชีวิตได้อย่างเหมาะสมมากยิ่งขึ้น
แต่บางครั้งเราอาจลืมที่จะมองย้อนกลับไป แล้วคิดสักนิดว่า ตั้งแต่เป็นเด็กเติบโตขึ้นมาจนถึงตอนนี้ เราไม่เคยเป็นคนเดิม เวลาเปลี่ยน สิ่งต่าง ๆ เปลี่ยน ตัวเราก็เปลี่ยนไปตามสิ่งแวดล้อมตามสถานการณ์ชีวิต ตามที่ที่เราเลือกกระทำเลือกไปอยู่
บางคนตอนเป็นเด็กอาจจะเป็นเด็กที่มีความกล้า ชอบพบปะผู้คน ชอบสัมพันธ์กับเพื่อน ๆ แต่เมื่อโตขึ้นกลับกลายเป็นคนเก็บตัว ไม่ชอบเข้างานสังสรรค์ งานสังคมมากเท่าใดนัก
ซึ่งในขณะที่บางคนกลับเป็นตรงกันข้าม
แต่สิ่งเหล่านี้มันก็คือเรื่องปกติธรรมดา ไม่สามารถมาตัดสินได้ว่าสิ่งที่เขาเหล่านั้นเป็นอยู่มันดีหรือไม่ดี มนุษย์เราก็แค่ปรับเปลี่ยนตัวตนไปตามปัจจัยร้อยแปด ซึ่งอาจจะรู้ตัวหรือไม่รู้ก็ตาม
การที่เรามองเห็นตัวเอง เห็นความคิด เห็นความรู้สึก เป็นเรื่องที่ดีมาก และการอ่านหรือหาข้อมูลที่ช่วยให้เราเข้าใจตนเองมากยิ่งขึ้น อย่างเช่นศึกษาข้อมูลบุคลิกภาพ ก็ยิ่งเป็นสิ่งที่ทำให้เรารู้เท่าทันตัวเอง ว่าหากเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น ตัวเราจะเป็นยังไง จะรู้สึกหรือมีความคิดยังไงต่อสถานการณ์นั้น เพื่อจะได้หาทางรับมือและวางแผนในการแก้ปัญหาต่อไป
แต่สิ่งที่ควรระวังคือ พอเราเริ่มมองเห็นตัวตนของตนเองมากขึ้น หลายครั้งกลับกลายเป็นหลงยึดในสิ่งที่เป็นนั้นไว้แน่นหนา เราอาจเป็นคนชอบเก็บตัว รู้ดีเลยว่าการเก็บตัวมีข้อดีข้อเสียอย่างไร สามารถจัดการนิสัยนี้ของตนเองได้เป็นอย่างดี แต่กลับลืมมองว่า สิ่งที่เราเป็นตอนนี้มันอาจเป็นความจริงในตอนนี้ แต่อนาคตนั้นเราอาจจะเปลี่ยนเป็นคนละคนได้
อย่างคำพูดที่ว่า "ก็ฉันเป็นของฉันแบบนี้" นั้นแฝงไปด้วยความยึดมั่นถึงตัวตนในอดีต การไม่ยอมเปลี่ยนแปลงรวมถึงการไม่เปิดกว้างต่อการเปลี่ยนแปลงอีกด้วย
มันไม่ใช่ทัศนคติว่าเราจำเป็นจะต้องเปลี่ยนแปลงไปเรื่อย ๆ เพราะเราไม่มีทางรู้ได้ว่าเราจะเปลี่ยนไปเป็นตัวเราในอนาคตเวอร์ชั่นไหน เราทำได้แค่ยอมรับในสิ่งที่เป็นและสิ่งที่ทำได้ใน ณ ขณะนี้ โดยที่ยังยอมเปิดพื้นที่กว้างให้กับอนาคตที่เราอาจเป็นได้
มันคือความคิดที่ไม่ใช่แค่ยอมรับในสิ่งที่เกิดขึ้น แต่ยังรวมไปถึงการเข้าใจอย่างถ่องแท้ว่า แต่ละขณะของปัจจุบันกาลที่ต่อเนื่องกันนั้นไม่เคยเป็นเหมือนเดิม พร้อมจะแปรเปลี่ยนอยู่ตลอด
หากเรามีสิ่งนี้ทดอยู่ในใจ ชีวิตจะเปิดกว้างสู่ความเป็นไปได้มากกว่าเดิม จะเห็นสิ่งที่สำคัญต่อชีวิตมากกว่าเดิม
ใจที่เปิดกว้างจะพร้อมเข้าใจผู้คน พร้อมให้โอกาส และที่สำคัญคือพร้อมให้อภัย เพราะรู้ดีว่า สิ่งที่ดีก็พร้อมเปลี่ยนเป็นไม่ดี และสิ่งที่ไม่ดีก็พร้อมเปลี่ยนเป็นสิ่งที่ดีได้ดังเช่นสิ่งที่เกิดขึ้นภายในตัวตนของเรา มันเหมือนเหรียญที่มีสองด้านแยกขาดจากกันไม่ได้
ความเปลี่ยนแปลงทำให้เกิดความยืดหยุ่น
ความยืดหยุ่นทำให้เกิดความอ่อนน้อม
ความอ่อนน้อมทำให้เกิดการยอมรับ
การยอมรับทำให้เกิดความเข้าใจ
ความเข้าใจทำให้เกิดความรัก
ความรักทำให้เกิด...
ลองตอบตัวเองกันดูนะครับ
โฆษณา