7 ม.ค. เวลา 15:16 • ธุรกิจ

MIXUE แบรนด์จีน แบรนด์แรกที่ขยายสาขาได้เยอะ เหมือนแฟรนไชส์อเมริกัน

นี่คือ MIXUE ร้านขายไอศกรีม soft serve 15 บาท กับ น้ำมะนาว 20 บาท จากประเทศจีน ที่กำลังจะ IPO
ร้านขายของถูกแบบนี้ แล้วให้มีกำไร และขยายไปทั่วโลก จีนทำได้อย่างไร มาฟังลงทุนแมนเล่ากัน
MIXUE อ่านว่า มี่ - เสวี่ย
มี่ แปลว่า น้ำผึ้ง
เฉวี่ย แปลว่า หิมะ
มาสคอต ก็เล่นง่าย เอาตุ๊กตาหิมะ มาถือไอศกรีม
ไอศกรีมที่ว่า มันก็เป็นของเดิม ๆ แดรี่ควีน แมคโดนัลด์ก็ขายไอศกรีม soft serve แต่ MIXUE โฟกัสแต่เรื่องนี้เป็นหลัก และทำภาพร้านดูน่ารัก ก็เลยมีคนจีนชอบกัน
จนตอนนี้ MIXUE เป็นร้านไอศกรีม ที่มีสาขามากสุดในโลกไปแล้วหลายหมื่นแห่ง
ซึ่งเทียบกับจำนวนสาขาของเชนร้านอาหารดัง ก็จะพอ ๆ กับ McDonald’s, Subway, Starbucks และ KFC เท่านั้น
เฮ้ย แต่แบรนด์ที่กล่าวมามันอเมริกันหมดเลย
MIXUE ก็เสมือนเป็นร้านของกินจากจีนแบรนด์แรก ๆ ที่ขยายสาขาไปได้มากขนาดนี้..
แล้วทำไม Mixue ถึงขยายสาขาได้ มากมายขนาดนี้ มีเคล็ดลับอะไร ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
จุดเริ่มต้นของ Mixue เกิดขึ้นในปี 1997 หรือราว 26 ปีก่อน โดยคุณ Zhang Hongchao
โดยใช้ชื่อว่า “Mixue Bingcheng” ซึ่งมีความหมายว่า ปราสาทน้ำแข็งที่สร้างด้วยหิมะแสนหวาน
คุณ Zhang ใช้เวลาเรียนรู้ผ่านประสบการณ์ต่าง ๆ จนมาในปี 2006 ซึ่งถือเป็นจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญ
1
เขาเล็งเห็นว่า ไอศกรีมซอฟต์เสิร์ฟ เริ่มเป็นที่นิยมในหมู่ชาวจีน ขณะที่ราคาขายในตลาดกลับแพงขึ้นกว่าในอดีต โดยเฉลี่ย ขายกันที่ราคา 50 บาท
คุณ Zhang จึงใช้กลยุทธ์ด้านราคาเข้าสู้ โดยการขายไอศกรีมในราคาถูกกว่า
โดยเขาได้ลองศึกษาส่วนผสมต่าง ๆ ปรับปรุงสูตร รสชาติ และให้ความสำคัญกับการควบคุมต้นทุนการผลิต จนสามารถตั้งราคาขายไอศกรีมออกมาได้ที่ 10 บาทเท่านั้น
1
กลยุทธ์ของเขา ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี สามารถดึงดูดผู้บริโภคให้มาต่อแถวซื้อกันแบบถล่มทลาย
พอเห็นว่า การขายราคาถูกได้ผล Mixue ก็ประยุกต์ใช้แนวทางนี้กับเมนูใหม่ ๆ เพิ่มเติม เช่น เครื่องดื่มสมูทที ชานมไข่มุก ส่งผลให้แบรนด์มีชื่อเสียงโด่งดังอย่างต่อเนื่อง
1
ในปี 2007 คุณ Zhang จึงตัดสินใจขยายธุรกิจ ด้วยระบบแฟรนไชส์ โดยใช้กลยุทธ์ในการเปิดสาขาให้ครอบคลุมพื้นที่จำนวนมาก โดยเฉพาะในต่างจังหวัด เพื่อให้ผู้บริโภคเข้าถึงเมนูราคาถูกของ Mixue ได้ง่าย
1
กุญแจสำคัญสำหรับกลยุทธ์นี้เลย ก็คือ การควบคุมต้นทุนการผลิตของทุกสาขาให้เหมาะสม
ซึ่ง Mixue ได้พัฒนาระบบการบริหาร Supply Chain ของตัวเอง โดยมีครัวกลางคอยผลิตวัตถุดิบ รวมถึงลงทุนในเครือข่ายคลังสินค้าและการขนส่ง
ส่งผลให้ Mixue มีต้นทุนทางธุรกิจต่ำกว่าคู่แข่งถึง 20%
และสามารถตั้งราคาขายเมนูต่าง ๆ อยู่ที่ราคา 15 ถึง 50 บาท
1
ในด้านการตลาด ร้าน Mixue ยังมีการสร้างภาพลักษณ์แบรนด์ให้เป็นที่จดจำ โดยเปิดตัวโลโกตุ๊กตามนุษย์หิมะ และใช้เพลงโฆษณาฮิตติดหู จนกลายเป็นไวรัลบนโซเชียลมีเดียอีกด้วย
3
ด้วยเหตุนี้ ร้าน Mixue จึงขยายสาขาไปได้อย่างรวดเร็วในประเทศจีน รวมทั้งออกไปบุกตลาดต่างประเทศ โดยมุ่งเน้นไปที่ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเปิดสาขาที่เวียดนามเป็นแห่งแรก ในปี 2018
สำหรับในประเทศไทย Mixue ได้เข้ามาทำตลาดตั้งแต่ปี 2022
โดยตั้งเป้าหมายขยายสาขากว่า 2,000 แห่ง ภายในอีก 3 ปีข้างหน้า
ปัจจุบันแบรนด์ Mixue มีสาขาทั้งหมดอยู่ที่ 22,000 แห่งทั่วโลก นับเป็นร้านขายไอศกรีมและชานม ที่มีจำนวนสาขามากสุดในโลก
ซึ่งถ้าเราลองนำไปเปรียบเทียบกับอุตสาหกรรมเชนร้านอาหารและเครื่องดื่มในภาพใหญ่นั้น Mixue จะกลายเป็นร้านที่มีจำนวนสาขามากเป็นอันดับ 5 ของโลก รองจาก
- McDonald’s มีสาขา 40,275 แห่ง
- Subway มีสาขา 37,000 แห่ง
- Starbucks มีสาขา 36,170 แห่ง
- KFC มีสาขา 26,934 แห่ง
แล้วผลประกอบการของ Mixue เป็นอย่างไรบ้าง ?
ปี 2020 รายได้ 22,870 ล้านบาท กำไร 3,090 ล้านบาท
ปี 2021 รายได้ 48,580 ล้านบาท กำไร 9,300 ล้านบาท
ซึ่งคาดว่า Mixue จะเตรียมจดทะเบียน IPO เข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกงภายในปีนี้ โดยมีการประเมินกันเอาไว้ว่า Mixue อาจมีมูลค่าบริษัทประมาณ 330,000 ล้านบาท เลยทีเดียว
3
แม้ที่ผ่านมา Mixue จะประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก แต่หากมองในอนาคตก็คงไม่ได้ง่ายนัก
เพราะอย่างที่เห็นกันว่า ธุรกิจไอศกรีมหรือชานมไข่มุก มี หลายแบรนด์มากมาย ถือเป็นตลาดที่แข่งขันกันรุนแรง มีผู้เล่นหน้าใหม่เข้ามาได้ง่าย ที่เรียกกันว่า Red Ocean หรือ ทะเลเลือด
ก็ต้องติดตามกันว่า Mixue จะยืนระยะต่อไปได้หรือไม่ และจะเดินเกมต่อไปอย่างไร ท่ามกลางทะเลเลือด แห่งนี้
3
แต่เรื่องนี้เป็นสัญญาณ Soft Power จากจีนอีก 1 อย่าง นอกจากเรื่อง รถ EV ซีรีส์จีน และหม่าล่าแล้ว แบรนด์ MIXUE ก็เป็นอีกหนึ่งสิ่ง ที่บอกว่า จีนก็มีอิทธิพลออกนอกประเทศ และกำลังตีตลาดโลก เหมือนอย่างที่ Soft Power จากอเมริกัน ยุโรป และญี่ปุ่น เคยทำไว้..
-----
โฆษณา